หลังจากเปิดตัว Xperia XA1 Ultra ที่เน้นการเซลฟี่โดยเฉพาะ เจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่นหรือคนที่ต้องการมือถือจอใหญ่ ๆ ได้เป็นอย่างดี ในต้นปี 2018 ในงาน CES ที่ผ่านมาก็ได้เปิดตัว Xperia XA2 และ Xperia XA2 Ultra เพื่อออกมาสานต่อความสำเร็จของซี่รี่ย์ XA แต่น่าเสียดายที่ Xperia XA2 นั้นไม่ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ทำให้มือถือที่เราจะมารีวิวกันในวันนี้จะเป็น Xperia XA2 Ultra ตัวเดียวเท่านั้น เราไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรที่อัพเกรดจากเดิมบ้าง

Xperia XA2 Ultra ยังคงดีไซน์แบบเดียวกับรุ่นพี่อย่าง XA1 Ultra เช่นเคย โดยตัวเครื่องจะมาในทรงเหลี่ยมขอบมนคล้ายๆกับดีไซน์ Loop Surface  บนตระกูลเรือธงของโซนี่

มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6 นิ้วความละเอียด Full-HD 1080p ในรูปแบบดีไซน์ Edge to edge display คือหน้าจอที่ไม่มีขอบด้านข้างอันเป็นเอกลักษณ์ของซีรี่ย์ XA ส่วนขอบล่างและบนนั้นยังมีพื้นที่ให้จับถืออยู่เช่นเคย แต่บางลงกว่า Xperia XA1 Ultra เล็กน้อย หากสังเกตด้านหน้าจะเห็นว่าตัวกล้องหน้านั้นจะแบ่งออกเป็นสองตัว ซ้ายและขวาสำหรับการเซลฟี่แบบคนเดียวหรือแบบหมู่คณะ

ฝาที่ใช้วัสดุโพลีคาร์บอเนต ซึ่งให้ผิวสัมผัสได้ดีเวลาจับไม่รู้สึกแตกต่างจากขอบข้างที่เป็นอลูมิเนียม โดยสังเกตได้ว่าตำแหน่งกล้องหลังจะถูกย้ายมาไว้บริเวณกึ่งกลางด้านบนไม่ได้ไว้มุมบนซ้ายแบบรุ่นก่อนๆแล้ว ด้านข้างกล้องจะเป็นไฟ LED Flash ส่วนวงกลมด้านล่างนั้นคือตำแหน่งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือตัวใหม่ซึ่งจะย้ายมาไว้ด้านหลังเครื่องแทน ต่างจากเรือธงตัวเก่าของโซนี่ที่จะไว้บริเวณปุ่ม Power ด้านข้าง ซึ่งมันก็มีทั้งสะดวกและไม่สะดวกในความรู้สึกผม ถ้าใครเคยใช้รุ่นก่อนๆของโซนี่ที่ปุ่มสแกนอยู่ด้านข้างแล้วล่ะก็ พอมาจับ Xperia XA2 Ultra เหมือนต้องปรับตัวในการใช้งานปลดล็อคด้วยลายนิ้วมือ จากก่อนที่วางเครื่องไว้กับโต๊ะก็สามารถปลดล็อคได้กลายเป็นต้องหยิบเครื่องขึ้นมาแทน

แต่ถ้าใครกังวลว่าจะเพิ่มความลำบากในการใช้งานเพราะต้องกดปุ่ม power ก่อนปลดล็อคเหมือนตัวก่อนๆล่ะก็ ตัวนี้เมื่อเราแตะนิ้วมือลงบนปุ่มสแกนจะปลดล็อคแบบอัตโนมัติได้แล้วนะ

ขอบของตัวเครื่องจะทำมาจากอลูมิเนียม โดยจะมีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง, ปุ่ม Power และปุ่มกล้องแบบสองจังหวะ (โฟกัส + ชัตเตอร์) โดยสามารถกดปุ่มค้างเพื่อเข้าโหมดกล้องแบบรวดเร็วได้

ส่วนอีกด้านจะเป็นขอบเรียบๆ มีเพียงช่องถาดใส่ SIM ที่สามารถใช้เล็บเปิดได้

เมื่อถอดออกมาจะเห็นว่าช่องใส่ SIM 1 และ SIM 2 จะอยู่ในถาดเดียวกันส่วน micro SD card จะแยกช่องออกไป ไม่เหมือนกับถาด SIM แบบไฮบริดบนเรือธง ทำให้สามารถใส่ได้ 2 SIM โดยที่ยังใช้ micro SD card ได้ สามารถรองรับได้สูงสุดถึง microSDXC 256GB

แม้ตัวเครื่องจะมีขนาดใหญ่ แต่ด้วยความบางเพียง 9.5 มิลลิเมตรทำให้สามารถถือใช้งานได้อย่างสะดวก

ยังมาพร้อมกับช่องหูฟังขนาด 3.5 mm. อยู่ในขณะที่หลายๆแบรนด์เริ่มถอดสิ่งนี้ออกไปแล้ว ด้านข้างรูเล็กๆนั่นจะเป็นไมค์ตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน

ตัวเครื่องใช้รองรับการเชื่อมต่อด้วย USB Type-C เวอร์ชั่น 2.0 บริเวณข้างๆที่เป็นช่องยาวๆนั่นคือลำโพงโมโน ซึ่งให้เสียงที่ดังและมีมิติ กว่า XA รุ่นก่อนๆ สามารถเปิดเพลงหรือใช้เป็นลำโพงสนทนาได้สะดวกเสียงไม่อู้อี้ ส่วนรูเล็กๆอีกด้านนั่นคือไมค์สนทนา

ขอบล่างและบนก็ยังใช้เทคนิค Diamond cut ในการลบคมทำให้ขอบนั้นดูพรีเมี่ยมกว่าเดิม

หากมองรวมๆแล้ว การออกแบบของ Xperia XA2 Ultra นั้นยังไม่ฉีกแนวจากรุ่นพี่ XA1 Ultra เท่าไรนัก เรียกว่ามาในทรงเดิมเพิ่มเติมอัพเกรดสเปคเลยก็ว่าได้ แต่ก็ได้เพิ่มระบบสแกนลายนิ้วมือเข้ามาทำให้การใช้งานด้านความปลอดภัยนั้นสะดวกมากยิ่งขึ้น

  • ใช้หน่วยประมวลผล Qualcomm® Snapdragon™ 630
  • Ram 4GB หน่วยความจำภายในขนาด 64GB แบบ eMMC (เหลือใช้งานจริงประมาณ 53GB) รองรับการ์ด microSDXC สูงสุด 256GB
  • มาพร้อมกับ Android 8.0 Oreo
  • หน้าจอ Full HD 1080p ขนาด 6 นิ้ว เป็นกระจกชนิด Corning Gorilla
  • แบตเตอรี่ขนาด 3580 mAh รอบรับเทคโนโลยีถนอมแบต Qnovo Adaptive Charging, Battery Care
  • มาพร้อมโหมดประหยัดพลังงาน STAMINA เช่นเดิม และยังรองรับ Quick Charge 3.0 ด้วย
  • กล้องหลังความละเอียด 23MP Exmor RS ขนาด 1/2.3 นิ้ว เลนส์ F2.0 มุมกว้าง 84 องศา รองรับระบบโฟกัสความเร็วสูง สามารถดัน ISO ได้สูงสุด 12800 ในโหมดออโต้ สามารถบันทึกวีดีโอ 4K และถ่ายสโลโมชั่น 120fps ได้
  • กล้องหน้าคู่ 16MP OIS และ 8MP มุมกว้าง 120 องศาสำหรับเซลฟี่แบบหมู่คณะ
  • เครื่องข่ายรองรับ 4G LTE Cat13/Cat12 ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0, NFC ใช้พอร์ต USB Type-C 2.0
  • ระบบเสียงมาพร้อมกับฟีเจอร์ Clear Audio+, aptX HD และ SmartAmp
  • ขนาดตัวเครื่อง 163 x 80 x 9.5 มม. หนัก 221 กรัม
  • มีทั้งหมด 3 สี สีเงิน,ดำ และ น้ำเงิน

นับว่า Xperia XA2 Ultra เป็นมือถือรุ่นกลางของ Sony ยุคใหม่ตัวแรกๆที่ใช้หน่วยประมวลผลของค่าย Qualcomm Snapdragon (ปกติรุ่นกลางของโซนี่จะใช้หน่วยประมวลผล Mediatek เป็นส่วนใหญ่)

หน้าจอขนาด 6 นิ้วแบบไร้ขอบข้าง มีการแสดงผลที่เต็มตา สีสันของหน้าจอถือว่าสวยงาม ปรับแสงสว่างสุดสามารถใช้งานกลางแดดได้สบายๆ มีโหมดปรับแต่งสีหน้าจอมาให้เลือกว่าจะเป็นแบบ Standard mode ที่จะปรับแต่งโทนสีของภาพให้มีรายละเอียดที่ดีกว่าเดิม หรือจะเป็น Super-Vivid mode ที่จะปรับแต่งสีของภาพให้แจ่มชัดสดใส

สำหรับคนมือเล็กก็ไม่ต้องกังวลไป ยังมีโหมด One-handed operations ให้ใช้อยู่โดยจะเป็นการย่อหน้าจอลงมาชิดมุมใดมุมนึงของเครื่องให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น โดยใน XA2 Ultra ได้เพิ่มฟังก์ชั่นขึ้นมาอีกอย่างคือสามารถเลือกให้ทำงานเฉพาะบางแอปได้

เช่นเวลาเข้าหน้าจอโทรศัพท์ก็จะย่อให้กดเบอร์ได้ง่ายขึ้น หรือเวลาเราจะปลดล็อคมือถือด้วย PIN ก็สามารถทำได้สะดวก และสามารถกดปุ่ม Home 2 ครั้งเพื่อให้แถบ Notification เลื่อนลงมาได้

ระบบเสียงยังรองรับ Clear Audio+ และการบันทึกเสียงแบบสเตอริโอเช่นเดิม แม้ว่าจะไม่รอบรับฟังก์ชั่น LDAC แบบรุ่นเรือธงแต่ก็มี aptX HD มาให้ใช้งาน รองรับ Bluetooth 5.0 และยังมีวิทยุ FM ให้ใช้งานอยู่นะ

การเล่นเกมลองเทสกับ Need for speed และเกมยอดนิยมของคนไทยอย่าง ROV สามารถเล่นได้ลื่นไหล ไม่มีหน่วง แต่น่าเสียดายที่ ROV ไม่สามารถเปิดใช้ฟีเจอร์ High framrate (60fps) ได้ การเล่นโดยรวมเฟรมเรตเกาะอยู่ที่ 28-30fps ส่วนเวลาตะลุมบอนกันจะมีร่วงมาบ้างอยู่ที่ 25-26fps

แบตเตอรี่ให้มาถึง 3580 mAh นั้นสามารถใช้งานได้หนึ่งวันเหลือๆ มาพร้อมระบบประหยัดพลังงาน STAMINA โหมด โดยจากที่ลองเล่นเกม เล่นโซเชี่ยว ถ่ายรูปตลอดทั้งวันตกเย็นยังอยู่ที่ 40% ขึ้น และการที่มันมาพร้อมชิปประมวลผล Snapdragon ทำให้ Xperia XA2 Ultra รองรับเทคโนโลยี Quick charge 3.0 ด้วย

STAMINA Mode มีทั้งแบบธรรมดาและ Ultra STAMINA mode สำหรับการประหยัดแบตสุดขีดอีกด้วย แต่มันจะตัดการเชื่อมต่อทุกอย่างทำให้เราเหมือนแค่ใช้โทรศัพท์โทรเข้าออกได้เฉย ๆ นอกจากนี้ยังสามารถเลือก STAMINA Level ได้ด้วย โดยมีทั้งหมด 3 ระดับด้วยกันคือ

  • Battery time preferred จะปิดการทำงานเกือบทุกอย่าง คล้าย ๆ กับ Ultra STAMINA Mode แต่จะยืดแบตได้ยาวนานที่สุด
  • Balanced power saving จะทำการปิดแค่บางฟีเจอร์เท่านั้น แต่ยังใช้งานโดยรวมทั่วไปได้ปกติอยู่ อาจลดความแรงของเครื่องลงนิดหน่อย
  • Device performance preferred จะปิดการทำงานแค่บางฟังก์ชั่นเท่านั้น แต่จะประหยัดแบตน้อยสุดใน 3 ระดับที่เกริ่นมา

Smart Stamina จะจัดสรรพลังงานของคุณให้ล่วงหน้า ทำให้สามารถบริหารจัดการแบตเตอรี่ให้อยู่ได้ทั้งวัน และยังมาพร้อมเทคโนโลยี Qnovo Adaptive Charging โดยเทคโนโลยีที่ว่านี้จะทำการ monitor สุขภาพของแบตเตอรี่ พร้อมปรับกระแสไฟในขณะชาร์จให้เข้ากัน ซึ่งจะช่วยยืดอายุขัยของแบตเตอรี่ได้กว่า 2 เท่า

นอกจากนี้เวลาที่เราเสียบสาย USB Type-C กับอุปกรณ์ต่าง ๆ นอกจากโหมด Charging only, Transfer files(MTP) และ MDI แล้วยังเลือก Power supply สำหรับให้มือถือเราเป็นตัวจ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่นได้อีกด้วย

กล้องมาพร้อมความละเอียด 23MP ใช้เซนเซอร์ Exmor RS™ ขนาด 1/2.3 นิ้ว มีระบบโฟกัสแบบ Hybrid Auto Focus ทำให้โฟกัสวัตถุต่างๆได้รวดเร็ว สามารถดัน ISO ได้สูงสุดถึง ISO12800 เลนส์มีค่ารูรับแสง F2.0 องศารับภาพกว้าง 84 องศา รองรับระบบกันสั่น SteadyShot™ ด้วย

โหมด Superior Auto ปรับปรุงจากรุ่นเดิม จากที่ลองใช้งานมาสามารถถ่ายภาพได้สีตรงตามจริงมากขึ้น สามารถปรับฟิลเตอร์กับสถานการณ์ต่างๆได้ค่อนข้างตรงกว่าเดิม ส่วนสีที่ได้ลองถ่ายตอนกลางคืนสามารถชัตเตอร์ได้ไวกว่าเดิม และถ่ายคนให้สกินโทนออกโทนส้มมากกว่าก่อนที่สีผิวคนจะซีดกว่าความเป็นจริง

ซึ่งนี่น่าจะเป็นตัวกลางตัวแรกที่ผมลองใช้แล้วรู้สึกว่ากล้องมันพัฒนาไปเกือบเทียบเท่าเรือธง ใช้โหมด Superior Auto ถ่ายได้ค่อนข้างสนุก โทนภาพที่ได้สีค่อนข้างอิ่ม สมจริง ไม่ต้องเอามาดึง Contrast หรือ saturation เพิ่มแบบก่อนแล้ว แต่การถ่ายย้อนแสงด้วย Superior Auto นั้นภาพที่ได้เหมือนโหมดต้องการดึง Highlight ส่วนท้องฟ้าให้กลับมา แต่พื้นที่ด้านล่างจะยังสว่างขึ้นไม่มาก ต้องหันไปใช้ Manual Mode + HDR แบบเดิมถึงจะดึงส่วนสว่างทั้งหมดออกมาได้แบบรูปด้านบน

Manual สามารถเลือกปรับค่าต่างๆได้บางส่วนไม่ว่าจะเป็นสปีดชัตเตอร์ตั้งแต่ 1 – 1/4000 วินาที สามารถเลือกปรับระยะโฟกัส, ค่าชดเชยแสง -2.0 ถึง +2.0, ISO 50-3200 และ White balanced ได้

เปรียบเทียบการถ่ายย้อนแสงด้วยโหมด Superior Auto และโหมด Manual เปิด HDR จะเห็นว่าโหมด Auto นั้นความสว่างและอิ่มตัวของสียังสู้การเลือกใช้ HDR จากโหมด Manual ไม่ได้

การถ่ายวีดีโอสามารถถ่ายที่ความละเอียด 4K ได้ (แต่ยังเป็นแอปแยกแบบเดิมอยู่ไม่สามารถเลือกเปลี่ยนความละเอียด 4K ในแอปกล้องปกติได้) รองรับการบันทึกไฟล์ทั้ง H.264 และ H.265 สามารถเลือกเปิดกันสั่น Steadyshot ในการบันทึกได้

ส่วนการถ่ายวีดีโอปกติทั่วไปสามารถเลือกถ่ายแบบ Full-HD 1080p แบบ 60fps และ 30fps โดยจะสามารถเลือกถ่าย HDR วีดีโอหรือเปิดใช้งานกันสั่น Steady shot ได้ที่ 30fps เท่านั้น

กล้องหน้าตัวนี้จะแยกออกเป็นสองกล้องเพื่อสลับใช้งานเลนส์ Wide และ Normal zoom โดยจะแบ่งเป็นด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่คนเดียวหรือเป็นกลุ่มโดยหลักการจะคล้ายๆของ Xperia XZ1 Compact แต่ตัวนั้นจะใช้เลนส์ Wide ตัวเดียวแล้วใช้หลักการ crop ภาพตรงกลางสำหรับการถ่ายคนเดียวแทน

กล้องหน้าจะแบ่งเป็นสองตัว

กล้องด้านซ้ายความละเอียด 16MP มาพร้อมกันสั่น OIS ในตัวใช้เซนเซอร์ Exmor RS™ ขนาด 1/2.6 นิ้ว รูรับแสง F2.0 เช่นเดียวกับกล้องหลัง องศารับภาพกว้าง 88° รองรับ ISO6400 ในสภาวะแสงน้อย

ส่วนกล้องด้านขวาความละเอียด 8MP มุมกว้างพิเศษสำหรับเซลฟี่แบบเก็บบรรยากาศรอบตัวหรือเป็นกลุ่ม ใช้เซ็นเซอร์ Exmor R™ ขนาด 1/4 นิ้ว รองรับ ISO3200 ใช้รูรับแสง F2.4

ขึ้นชื่อว่าทำมาเพื่อการเซลฟี่แล้วคงขาดโหมดนี้ไปไม่ได้กับ Soft Skin Effect หรือโหมดหน้าเนียนนั่นเองซึ่งใน Xperia XA2 Ultra นั้นจากที่ลองใช้มาต่อให้ไม่เปิดโหมดนี้หน้าก็เนียนในระดับนึงแล้ว (สำหรับใครที่ไม่ชอบกล้องหน้าที่ดูเนียนหลอกตาเกินไปสามารถโหลดแอปกล้องอื่นมาใช้ได้ก่อนนะครับ เพราะเหมือนว่า XA2 Ultra นั้นต่อให้ปิด Soft Skin แต่แอปกล้องก็พยายามทำให้หน้าเนียนจนบางทีก็ดูเหมือนกล้องมันเบลอไม่ชัด) การเปิด/ปิดการใช้งานอาจเห็นผลไม่มากนัก ปกติผมเป็นคนหน้ามัน ถ้าเปิดก็จะเห็นได้ว่านอกจากหน้าเนียนแล้ว จะลดความมันบนหน้าลงและทำให้หน้าดูสว่างขึ้นอีกด้วย

ส่วนข้อดีของการแยกกล้องนั้นอาจจะเพื่อตัดปัญหาเรื่องการใช้ค่ารูรับแสงกว้าง เวลาถ่ายภาพเป็นหมู่ถ้าจับโฟกัสคนข้างหน้าแล้วคนข้างหลังอาจจะเบลอแบบ Xperia XZ1 Compact เลยตัดสินใจแยกกล้อง Wide สำหรับถ่ายภาพหมู่เป็นอีกตัวแล้วเลือกใช้เลนส์แบบ Fixed Focus ที่ค่ารูรับแสง F2.4 แทนเพื่อแก้ปัญหานี้ ซึ่งน่าเสียดายที่โซนี่ใส่กล้องหน้าคู่มาทั้งที แต่ไม่ได้ดึงประสิทธิภาพกล้องคู่มาทำโหมดหน้าชัด-หลังเบลอ ส่วนเรื่องถ่ายในที่มืดหรือตอนกลางคืนก็หายห่วงเพราะมีไฟ LED Flash ด้านหน้ามาให้เลย

ส่วนการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้านั้นสามารถถ่ายได้ที่ความละเอียด Full-HD 1080p โดยถ้าเป็นกล้องความละเอียด 8MP จะมีระบบกันสั่น Steady shot ให้ใช้งาน แต่ถ้าเป็นกล้องความละเอียด 16MP จะเป็นการกันสั่นแบบ Optical Stabilization โดยจะใช้ OIS ในการกันสั่นแทน ซึ่งจากที่ลองใช้งานดูเวลาเดินถ่ายวีดีโอนั้นจะกันสั่นได้พอๆกับการเปิดใช้ Steady shot อยู่แต่ถ้าวิ่งหรือเคลื่อนไหวเร็วๆ หน้าและฉากหลังจะเบลอเกือบหมด ไม่เหมือนกับ Steady shot ที่ขอบข้างอาจเบลอบ้างแต่หน้ายังคมชัดอยู่เวลาเคลื่อนไหวเร็วๆ

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Xperia XA2 Ultra โดยภาพจะโดนลดความละเอียดเหลือ 2MP เพื่อเป็นมิตรกับเน็ตของเพื่อนๆนะครับ 🙂

หน้าจอ Lock Screen มาพร้อม Widget นาฬิกาอันเป็นเอกลักษณ์เช่นเดิม แต่จะมี Xperia Loop ที่จะเคลื่อนไหวไปตามการใช้งานต่างๆมาให้ หน้า Home Screen ยังเป็นรูปแบบเดิม สามารถกดค้างเพื่อจัดการเพิ่ม/ลบหน้าหรือเพิ่ม Widget การตั้งค่าต่าง ๆ ของ Home Screen สามารถเข้าไปตั้งค่าได้จากส่วนนี้ สามารถตั้งค่าให้เลื่อนซ้ายสุดเป็น Google Now ได้ สามารถกดปุ่ม Home สองครั้งเพื่อเรียก Notification tab ลงมาและเลื่อนลงอีกรอบเพื่อเข้าสู่หน้า Quick setting ได้เหมือนเดิม

App drawer จะคงรูปแบบไอคอนที่ 5×5 ปัดซ้ายขวาเพื่อเปลี่ยนหน้าแอพ Search app จะอยู่ด้านบน ด้านซ้ายสุดจะเป็นส่วนของการค้นหาแอปและแนะนำแอปที่เราน่าจะใช้ สามารถลากแอปมารวมกันเป็นโฟลเตอร์เพื่อง่ายต่อการค้นหาใช้งานได้ และเมื่อเรากดค้างบนไอคอนแอปจะสามารถเลือกไปยังเมนูต่างๆได้เลย ไม่ต้องเข้าไปเลือกในแอปอีกที หน้า Recent apps ยังสามารถเลือกสลับแอปไปมาได้เหมือนเดิม สามารถกดปุ่ม Clear all เพื่อปิดแอปทั้งหมดได้

Contact และโทรศัพท์ยังคงรูปแบบเดิมไว้ สามารถ Sync รายชื่อจากบัญชี Gmail ของเราลงมาได้ สามารถเพิ่มชื่อ หรือมาร์ค Favorites คนที่โทรหาบ่อยหรือจะตั้งกลุ่มรายชื่อ

Messages สามารถเลือกส่งเป็นกลุ่มได้สะดวกขึ้น ส่วนคีย์บอร์ดในเครื่องจะเป็นแอป SwiftKey โดยมีข้อดีที่ปรับขนาดคีย์บอร์ดได้, แถบเดาคำ และจะเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ จากที่เราพิมพ์และคอยแก้ไขให้ถูกต้องตลอด, สามารถ Cut หรือ Copy คำที่เราใช้งานบ่อยปักหมุดไว้ได้ด้วย สะดวกไม่ต้องคอยพิมพ์ซ้ำ และสามารถเปลี่ยนธีมคีย์บอร์ดได้ และยังมี Emoji แบบใหม่เพิ่มอีกหลายรูปแบบ จาก Android O อีกด้วย

Calendar ได้เพิ่มลายกราฟิกสวย ๆ และไฮไลท์วันสำคัญและคิวนัดต่าง ๆ สามารถ Sync ตารางงานเราจาก gmail ได้โดยตรงเลย ในแต่ละเดือน

และด้วยที่มันเป็น Android 8.0 ซึ่งจะมีโหลด Picture in Picture เพิ่มเข้ามา ซึ่งตอนนี้แอปที่รองรับยังมีน้อยอยู่ โดยถ้าเราเปิดนำทางบนแอป Google Map แล้วกดปุ่มโฮมเพื่อไปเล่นแอปอืน หน้า Navigator ก็จะถูกลดเป็นหน้าเล็กๆคล้าย ๆ small app สามารถเลือกย่อขนายได้

Music เปลี่ยนฉากหลังหน้า Player ให้เป็นการละลายปกอัลบั้มแทนการใช้สีแบบเดิม สามารถเลือนนิ้วจากมุมซ้ายเพื่อเข้าสู่เมนูต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Play queue, Albums, Song, Playlist หรือ Setting โดยสามารถเลือกดาวน์โหลดข้อมูลเพลงผ่าน Download Music info ได้ มีฟังก์ชั่น ClearAudio+ สำหรับการฟังเพลงให้เสียงที่ใสกว่าเดิม ช่วยให้เปิดเพลงผ่านลำโพงได้ดังขึ้นด้วย ในส่วนของ Sound Effect สามารถเลือกตั้งค่า Equalizer หรือเลือกระบบเสียงต่าง ๆ ของหูฟังได้ ในส่วนของ Accessory จะเป็นตัวเลือกของอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ สามารถตั้งค่า Sleep timer ได้ และยังรองรับ FM Radio และ Spotify ด้วยนะ

Album สามารถเลือกดูภาพโดยรวมหรือแยกดูแต่ละโฟลเดอร์ก็ได้ การเลือกดูรูปหลายรูปหรือทีละ 3 รูป 2 รูปในหนึ่งแถวทำได้ง่ายเพียงแค่ลากนิ้วกางเข้า/ออก หรือสามารถเลือกดูภาพแบบ Slideshow ก็ได้ รองรับการแชร์ภาพกับ Facebook, Picasa และ Flickr รองรับฟีเจอร์ Home Network

Video สามารถตั้งค่าให้เล่นแบบ Background playback และเปิด Subtitle ได้ และได้เพิ่ม Home Network เข้ามาในแอปเลย ด้านการตัดต่อวีดีโอยังมาพร้อมกับแอป Movie Creator เพื่อสามารถสร้างวีดีโอสไลด์ภาพเกร๋ ๆ โชว์เพื่อนก็ได้ ผมชอบฟังก์ชั่นที่มันจะจับภาพทุก 1 อาทิตย์หรือ 1 เดือนมาทำวีดีโอให้เราได้ดู

Settings ถูกปรับให้หลาย ๆ เมนูที่เคยอยู่ในหมวดออกมาอยู่ด้านหน้าเลย เพื่อความสะดวกในการเข้าถึง และเพิ่มกราฟฟิกสวย ๆ ขึ้นมาในแต่ละเมนูเพื่อสื่อให้เราเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น สามารถเลือกเปลี่ยนธีมต่างๆได้ โดยจะมีทั้งธีมฟรีและเสียตังให้เลือกโหลดกันบน Play store เลย ส่วนหน้าจอก็สามารถเลือกปรับค่าได้มากขึ้นสามารถเลือกปรับความใหญ่ของ UI ให้ใหญ่ขึ้นอีกได้ซึ่งสะดวกสบายสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางสายตา

Color gamut and contrast การปรับแต่งหน้าจอยังมีโหมด Standard mode ที่จะปรับแต่งโทนสีของภาพให้มีรายละเอียดที่ดีกว่าเดิม หรือจะเป็น Super-Vivid mode ที่จะปรับแต่งสีของภาพให้แจ่มชัดสดใส

Storage สามารถเลือกดูพื้นที่ภายในเครื่องได้ว่าเหลืออีกเปอร์เซ็นให้ใช้งาน และดูได้ด้วยว่าไฟล์ประเภทไหนใช้พื้นที่ในเครื่องไปเท่าไร แต่การเคลียแคชไฟล์นั้นจะถูกย้ายไปอยู่เมนู Assist แทน

One-handed operations สามารถเลือกเปิดปิดการใช้งานได้ที่หน้านี้และยังเพิ่มฟังก์ชั่นอื่นๆเข้าไม่โดยสามารถเลือกให้ย่อหน้าจอเฉพาะบางแอปเช่น หน้ากดเบอร์โทรศัพท์หรือ Lock screen เพื่อง่ายต่อการพิมพ์ตัวเลข รวมถึงสามารถเปิดใช้ฟังก์ชั่นกดปุ่ม Home 2 ครั้งเพื่อให้ Notification เลื่อนลงมาได้ที่หน้านี้

Lock screen & security มีฟังก์ชั่น Google play protect สำหรับสแกนแอปจาก Google Play ว่ามีสิ่งแอบแผงไม่พึงประสงค์ที่จะทำร้ายเครื่องเราหรือไม่ รวมถึงฟีเจอร์ค้นหาโทรศัพท์อย่าง Find My Device ซึ่งแนะนำให้เพื่อนๆเปิดทิ้งไว้เพราะมันช่วยได้ดีในกรณีที่โทรศัพท์หาย รวมถึงแจ้ง Security update ว่าเครื่องเราได้อัพเดทครั้งสุดท้ายเมื่อไร ส่วน Screen lock ในรุ่นนี้ได้เพิ่มฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือเข้ามาโดยสามารถเก็บลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายเช่นเดิม

Assist ที่ปรับปรุง UI ให้น่าใช้มากยิ่งขึ้น โดยจะรวมเมนูต่างๆไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นใช้งานเครื่อง (Introduction to Xperia) หรือเทคนิคการใช้งานต่างๆ (Xperia Tips) และโหมดใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอย่าง Xperia Actions ซึ่งช่วยปรับแต่งค่าการทำงานของสมาร์ทโฟนให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ เพื่อให้คุณใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น โดยสามารถเลือกตั้งค่าการใช้งานให้เข้ากับชีวิตเราได้มากยิ่งขึ้น โดยจะแบ่งเป็นตอนต่างๆเช่นเรานอน, ทำงาน หรือเวลาเรานั่งเครื่อง ช่วยให้สามารถใช้งาน Xperia ในสถานการณ์ต่างๆโดยที่ไม่ต้องคอยมาตั้งค่าตลอดเวลา

Support ปรับปรุงเมนูใหม่ให้ใช้งานได้ง่ายและเป็นมิตรมากขึ้น รวมข้อมูลการช่วยเหลือต่างๆไว้ในหน้าเดียว และยังเพิ่มโหมดการ Tests ต่างๆไว้ในนี้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องไปไล่กดรหัสลับกันอีกต่อไป

Xperia XA2 Ultra นั้นเป็นเหมือนตัวเติมเต็มให้กับตระกูล Ultra อีกตัวนึงไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ที่แม้ว่าทรงจะไม่ต่างจากเดิม แต่ก็ได้เพิ่มความพรีเมี่ยมขึ้นไม่ว่าจะเป็นขอบข้างที่ใช้อลูมิเนียมและเทคนิคการลบของแบบ Diamond cut และเพิ่มระบบสแกนนิ้วเข้ามา ส่วนระบบต่างๆก็เหมือนจะลงตัวมากขึ้นเพราะในที่สุดรุ่นกลางก็เปลี่ยนมาใช้ชิปเซ็ต Snapdragon กับเขาซักที ทำให้ได้ระบบชาร์จเร็ว Quick charge 3.0 มาด้วย แบตเตอรี่ที่ให้มาอย่างจุใจ สามารถใช้งานหนึ่งวันได้สบาย ๆ และอีกจุดที่เป็นข้อด้อยของ XA Series มายาวนานคือลำโพง mono ที่ค่อนข้างเบา ตัวนี้แม้จะเป็น mono (ลำโพงเดี่ยว) อยู่เหมือนเดิม แต่เสียงที่ได้นั้นดังสะใจ ลืมภาพลักษณ์ลำโพงเบาของ XA ได้เลย กล้องถ่ายภาพที่อัพเกรดให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น กล้องหน้าที่ตัวนี้วางตลาดเป็น Selfie phone อยู่แล้วก็ทำได้ดี เพียงเท่านี้ก็น่าจะทำให้ Xperia XA2 Ultra เป็นมือถือสำหรับใครต้องการจอใหญ่เต็มตา แต่ยังพกพาสบาย เซลฟี่สะดวกล่ะก็ ตัวนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีของเพื่อนๆครับ

ตอนนี้สามารถหาซื้อได้ตาม Sony Store หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วไปได้ในราคา 13,990 บาท

สำหรับใครที่ซื้อมาแล้วอยากได้อุปกรณ์เสริม กระจกกันกระแทก หรือเคสกันรอย สามารถหาซื้อที่ลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ 🙂

เคส กระจกกันรอย และอุปกรณ์เสริม Xperia XA2 Ultra

 

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความรู้สึกของคุณต่อบทความนี้ อย่าลืมที่จะแชร์ให้คนอืนได้รู้ความรู้สึกนี้ .
บอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้
  • ประทับใจสุดๆ
  • ดีจังเลย
  • โกรธสุดๆ
  • เฉยๆ อ่ะ
  • รู้สึกหดหู่