Sony Mobile ได้ประกาศเปิดตัว Xperia XZ2 และ Xperia XZ2 Compact เรือธง 2 ไซส์ชุดแรกของปีนี้ในงาน MWC 2018 ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และภายในงานเดียวกันนั้น พวกเขาได้นำตัวอย่างเทคโนโลยีกล้องคู่ที่มาพร้อมชิปประมวลผลสัญญาณภาพ Sony Fusion Image Processor ที่พวกเขาซุ่มพัฒนามาจัดแสดงให้ดูอีกด้วย ซึ่งหลายคนคาดว่ามันจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นปลายปี ทว่าวันนี้ Sony Mobile ได้ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัว Xperia XZ2 Premium ที่มาพร้อมกล้องคู่ตัวดังกล่าวอย่างเป็นทางการแล้ว โดยสเปคจัดหนักจัดเต็มที่สุดเท่าที่ Sony เคยมีมา ส่วนดีไซน์ยังคงใช้คอนเซปต์ “Ambient Flow”

    Xperia XZ2 Premium ยังมาพร้อมดีไซน์ใหม่ล่าสุดอย่าง “Ambient Flow” วัสดุที่ใช้เป็นกระจก Corning Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและหลัง โดยด้านหลังเป็นกระจก 3D ซึ่งมีความโค้งเป็นหลังเต่าเล็กน้อย ส่วนกรอบเครื่องเป็นอะลูมิเนียม ซึ่งมีแถบเรซินให้สัญญาณผ่านบริเวณด้าบนและด้านล่างของเฟรม การวางตำแหน่งของกล้องหลังและเซ็นเซอร์ถ่ายภาพต่างๆแตกต่างจากเดิมค่อนข้างมาก กล้องหลัก 2 ตัว วางตรงกึ่งกลางของเครื่อง ในขณะที่เซ็นเซอร์และแฟลชวางในแนวตั้งเหนือเลนส์กล้อง ส่วน NFC วางไว้ทางขวามือของเซ็นเซอร์ Laser Focus และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือยังคงอยู่ด้านหลังของตัวเครื่องเหมือนเช่นเดิม สำหรับรุ่นนี้จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ Chrome Black และ Chrome Silver

    ตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอ IPS LCD อัตราส่วน 16:9 ขนาด 5.8 นิ้วที่มีความละเอียด 4K และรองรับ HDR  แน่นอนว่ายังคงมาพร้อมเทคโนโลยี Triluminos Display for Mobile เอนจิ้นจัดการภาพ X-Reality for Mobile ที่สามารถแปลงภาพจาก SDR ให้เป็น HDR ได้ รวมถึงยังคงมีฟีเจอร์ Dynamic Contrast Enhancer เหมือนเดิม

    ในด้านประสิทธิภาพ Xperia XZ2 Premium มาพร้อมชุดชิปประมวลผลแบบ 64-bit Octa-core ของ Qualcomm รุ่น Snapdragon 845 และ RAM ขนาด 6GB นอกจากนี้ยังรองรับ 5CA LTE, 4X4 MIMO ความเร็วดาวน์โหลดผ่าน LTE สูงสุด 1.2 Gbps หน่วยความจำภายในให้มาถึง 64GB ทั้งรุ่น single-SIM และรุ่น dual-SIM โดยเป็นแบบ UFS ที่อ่านข้อมูลได้รวดเร็ว ช่องใส่ SIM ที่ 2 เป็นแบบ Hybrid รองรับ Nano SIM ผู้ที่ต้องการหน่วยความจำเพิ่ม สามารถใส่ Micro SD แบบ SDXC ความจุสูงสุด 2TB (ปัจจุบันมีจำหน่ายสูงสุด 400GB) ตัวเครื่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android Oreo และรองรับการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0 และ NFC

    ตำแหน่งของปุ่มต่างๆจะยังคงอยู่ด้านขวาของตัวเครื่องเช่นเดิม ได้แก่ ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงที่อยู่ด้านบน ปุ่มพาวเวอร์แบบธรรมดา และปุ่มชัตเตอร์ที่จะขาดไปไม่ได้

    โมดูลกล้องของ Xperia XZ2 Premium ยังคงเป็นเทคโนโลยี Motion Eye  โดยตัวหนึ่งยังคงเป็นเซ็นเซอร์ Exmor RS IMX400 ขนาด 1/2.3 นิ้ว ความละเอียด 19 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซลใหญ่ 1.22μm และยังคงมาพร้อมเลนส์ G มุมกว้าง 25 มม. f / 1.8 (จากเดิม 2.0) และเอนจิ้นประมวลผลภาพถ่าย BIONZ for Mobile เหมือนเช่นเคย มาพร้อมเทคโนโลยี Triple Image Sensing Technology (เซนเซอร์ถ่ายภาพที่มีระบบ Predictive Hybrid Autofocus + Laser Autofocus + เซนเซอร์ RGBC-IR สำหรับตรวจจับสี) รวมถึงเทคโนโลยี Predictive Capture และ Super-slow motion 960fps ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Motion Eye

    และกล้องอีกหนึ่งตัวจะเป็น Black&White Sensor (ขาว-ดำ) ความละเอียด 12MP ใช้เซ็นเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/2.3 ขนาดพิกเซลใหญ่ 1.55μm ใช้เลนส์ G f / 1.6

    โดยจะมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่อย่าง AUBE™ fusion image signal processor ที่จะใช้การประมวลผลภาพจากเซ็นเซอร์ขาวดำ และเซ็นเซอร์สีเข้าด้วยกันเพื่อให้สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีกว่าเดิม

    โดยสามารถดัน ISO ภาพนิ่งไปได้ถึง ISO51200 และวีดีโอที่ ISO 12800 ช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยนั้นสามารถเก็บรายละเอียดได้ดีกว่าเดิม

    การถ่ายวิดีโอ Super-slow motion 960fps บน Xperia XZ2 Premium สามารถเลือกถ่ายได้ที่ 2 ความละเอียด คือ HD 720p และ Full HD 1080p แอปกล้องยังคงสามารถเรียกใช้งานและถ่ายได้ภายใน 0.6 วินาทีด้วยการกดปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้เมื่อเครื่องอยู่ในสถานะ standby

    นอกจากนั้นยังมีโหมดใหม่จากอานิสงส์กล้องคู่ ก็คือ Bokeh effect สำหรับการถ่ายภาพละลายฉากหลังที่สวยงามและ Monochrome effect สำหรับการถ่ายภาพขาว-ดำ ซึ่งทั้งสองโหมดนี้อาจจะต้องรออีกหน่อยเพราะทางโซนี่แจ้งมาว่าจะเริ่มปล่อยให้ใช้งานในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ (กรณีเดียวกันกับ Xperia Z5 ที่ปล่อย UI กล้องตัวใหม่ตามมาที่หลัง หลังวางจำหน่าย)

    ในรุ่นนี้ยังคงมีฟีเจอร์ Autofocus burst ที่รองรับการถ่ายภาพต่อเนื่องแบบ Burst mode พร้อมๆกับการโฟกัสอัตโนมัติ ซึ่งสามารถถ่ายต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 100 ภาพ (เต็มความละเอียด 19 ล้านพิกเซล)

    แน่นอนว่ารุ่นนี้ก็รองรับการถ่ายวิดีโอ HDR เช่นกัน โดยรองรับความละเอียดสูงสุดถึงระดับ 4K เลยทีเดียว  นอกจากนี้การถ่ายวิดีโอยังคงมีระบบป้องกันสั่น EIS 5 แกน SteadyShot with intelligent active mode

    ส่วนกล้องหน้าเป็นเลนส์มุมกว้าง 22 มม. เซ็นเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/3.06 นิ้ว ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.0 รองรับ ISO สูงสุด 3200(ภาพนิ่ง) / 1600 (วิดีโอ) ซึ่งรองรับระบบป้องกันภาพสั่นไหว SteadyShot with intelligent active mode เหมือนกับกล้องหลัง

    ฟีเจอร์ 3D Creator ยังคงติดมากับเครื่อง ผู้ใช้สามารถใช้กล้องในการสแกนโครงหน้าหรือวัตถุอื่นๆ เช่น อาหาร แล้วทำออกมาเป็นโมเดล 3D ที่สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งผู้ใช้สามารถสแกนด้วยกล้องหน้าได้ และสามารถแชร์ลง Facebook โดยตรง

    Xperia XZ2 Premium มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 3540mAh รองรับ Quick Charge 3.0 และยังคงมาพร้อมเทคโนโลยี Qnovo Adaptive Charging ที่จะช่วยจัดการพลังงานอย่างอัจฉริยะให้แบตเตอรี่เสื่อมช้าลง และรองรับการชาร์จไร้สายตามมาตรฐาน QI นอกจากนี้ตัวเครื่องมี STAMINA mode และมีโหมดถนอมแบตเตอรี่ Battery Care ตัวเครื่องใช้พอร์ต USB Type-C เวอร์ชั่น 3.1 Gen 1

    แน่นอนว่า Xperia XZ2 Premium ก็ยังคงสามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP65/68 เหมือนกับรุ่นเรือธงที่ผ่านๆมา โดยสามารถกันน้ำได้โดยไม่ต้องปิดพอร์ตหูฟังและ USB Type-C

    ในด้านเสียงนั้น Xperia XZ2 Premium ก็มีระบบ Dynamic Vibration System ซึ่งจะทำการสั่นตามเสียงที่ตัวเครื่องกำลังเล่น เพื่อให้ได้อรรถรสในการรับชมภาพยนตร์หรือเล่นเกมมากยิ่งขึ้น (คล้ายกับการสั่นของ Dualshock บน PlayStation) โดยรองรับทั้งแอป YouTube, วิดีโอ เพลง และเกม ผู้ใช้สามารถปรับระดับแรงสั่นได้ในเมนูการปรับเสียง

    ไม่เพียงเท่านั้น ลำโพงหน้าคู่ S-Force ให้เสียงที่ดังกว่าเดิมมากและมีมิติมากขึ้น ทว่าในครั้งนี้พอร์ตหูฟัง 3.5 มม. ได้ถูกถอดออกไปแล้ว การฟังเพลงผ่านหูฟังมีสายจะต้องต่อ adapter ผ่านพอร์ต USB Type-C ที่แถมมา โดยตัวเครื่องยังคงรองรับไฟล์ High-Resolution Audio (LPCM, FLAC, ALAC, DSD) มีฟีเจอร์ DSEE HX ที่ช่วยอัพเกรดคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้น รองรับการเข้ารหัส LDAC และ aptX HD audio ที่ทำให้สามารถฟังเพลงผ่านหูฟังบลูทูธได้โดยไม่สูญเสียความละเอียด นอกจากนั้นก็ยังคงมีฟีเจอร์ Clear Audio+, Stereo recording และ Stereo Recording ที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ลูกเล่น PS4 Remote Play ก็ยังคงสามารถใช้งานได้เช่นเคย

    Xperia XZ2 Premium นอกจากจะสามารถเปิดหน้าจอด้วยการแตะนิ้วที่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังแล้ว ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เปิดหน้าจออัตโนมัติเมื่อยกเครื่องขึ้นมา โดยหน้าจอจะทำการแสดงเวลาและการแจ้งเตือนต่างๆให้ดูคร่าวๆเป็นเวลาสั้นๆ และจะปิดหน้าจอให้เองเมื่อไม่มีการปลดล็อค

    Xperia XZ2 Premium หนา 11.9 มม. กว้าง 80 มม. และยาว 158 มม. ส่วนน้ำหนักนั้นอยู่ที่ 236 กรัม สำหรับวันวางจำหน่ายในไทยนั้นต้องรอฟัง Sony Mobile TH อีกทีึครับ

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความรู้สึกของคุณต่อบทความนี้ อย่าลืมที่จะแชร์ให้คนอืนได้รู้ความรู้สึกนี้ .
บอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้
  • ประทับใจสุดๆ
  • ดีจังเลย
  • โกรธสุดๆ
  • เฉยๆ อ่ะ
  • รู้สึกหดหู่