หลังจากที่พยายามปิดข่าวมาอย่างยาวนานก่อนจะมามีภาพหลุดจนหมดเปลือกในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ในที่สุดบ่ายวันนี้ Sony Mobile ก็ได้ประกาศเปิดตัว Xperia XZ2 และ Xperia XZ2 Compact เรือธง 2 ไซส์ชุดแรกของปีนี้อย่างเป็นทางการเสียที โดยในครั้งนี้พวกเขาได้เลือกที่จะทิ้งเอกลักษณ์การดีไซน์แบบ Omnibalance และ Loop Surface ที่ใช้มาหลายรุ่น และเปลี่ยนมาใช้ดีไซน์แบบใหม่ในคอนเซปต์ “Ambient Flow”

ภาพจาก Engadget

Xperia XZ2

    Xperia XZ2 มาพร้อมดีไซน์ใหม่ล่าสุด “Ambient Flow” วัสดุที่ใช้เป็นกระจก Corning Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและหลัง โดยด้านหลังเป็นกระจก 3D ซึ่งมีความโค้งเป็นหลังเต่าเล็กน้อย ส่วนกรอบเครื่องเป็นอะลูมิเนียม ซึ่งมีแถบเรซินให้สัญญาณผ่านบริเวณด้าบนและด้านล่างของเฟรม การวางตำแหน่งของกล้องหลังและเซ็นเซอร์ถ่ายภาพต่างๆแตกต่างจากเดิมค่อนข้างมาก กล้องหลักถูกย้ายมาวางตรงครึ่งบนบริเวณกึ่งกลางเครื่อง ในขณะที่เซ็นเซอร์และแฟลชต่างก็ย้ายมาวางในแนวตั้ง ส่วน NFC ถูกย้ายมาวางไว้ทางขวามือของเซ็นเซอร์ Laser Focus และที่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คือ เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ย้ายมาอยู่ด้านหลังของตัวเครื่องแล้ว สำหรับรุ่นนี้จะมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ Liquid Black, Liquid Silver, Deep Green และ Ash Pink

    อีกหนึ่งไฮไลท์ในครั้งนี้ คือ Sony Mobile ได้เปลี่ยนมาใช้หน้าจอ IPS LCD อัตราส่วน 18:9 ขนาด 5.7 นิ้วที่มีความละเอียด Full HD+ และรองรับ HDR เหมือนเช่นเคย แน่นอนว่ายังคงมาพร้อมเทคโนโลยี Triluminos Display for Mobile เอนจิ้นจัดการภาพ X-Reality for Mobile ที่สามารถแปลงภาพจาก SDR ให้เป็น HDR ได้ รวมถึงยังคงมีฟีเจอร์ Dynamic Contrast Enhancer เหมือนเดิม

 

    ในด้านประสิทธิภาพ Xperia XZ2 มาพร้อมชุดชิปประมวลผลแบบ 64-bit Octa-core ของ Qualcomm รุ่น Snapdragon 845 ซึ่งแรงยิ่งกว่าเดิม และ RAM ขนาด 4GB นอกจากนี้ยังรองรับ 5CA LTE, 4X4 MIMO ความเร็วดาวน์โหลดผ่าน LTE สูงสุด 1.2 Gbps หน่วยความจำภายในมีขนาด 64GB ทั้งรุ่น single-SIM และรุ่น dual-SIM โดยเป็นแบบ UFS ที่อ่านข้อมูลได้รวดเร็ว ช่องใส่ SIM ที่ 2 เป็นแบบ Hybrid รองรับ Nano SIM ผู้ที่ต้องการหน่วยความจำเพิ่ม สามารถใส่ Micro SD แบบ SDXC ความจุสูงสุด 2TB (ปัจจุบันมีจำหน่ายสูงสุด 400GB) ตัวเครื่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo และรองรับการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0 และ NFC

    ตำแหน่งของปุ่มต่างๆจะยังคงอยู่ด้านขวาของตัวเครื่องเช่นเดิม ได้แก่ ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงที่อยู่ด้านบน ปุ่มพาวเวอร์แบบธรรมดา (เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแยกออกไปแล้ว) และปุ่มชัตเตอร์ที่จะขาดไปไม่ได้

    โมดูลกล้องของ Xperia XZ2 ยังคงเป็น Motion Eye ตัวเดียวกันกับ Xperia XZ Premium และ Xperia XZ1กล่าวคือ เซ็นเซอร์ Exmor RS IMX400 ขนาด 1/2.3 นิ้ว ความละเอียด 19 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซลใหญ่ 1.22μm และยังคงมาพร้อมเลนส์ G มุมกว้าง 25 มม. f / 2.0 และเอนจิ้นประมวลผลภาพถ่าย BIONZ for Mobile เหมือนเช่นเคย มาพร้อมเทคโนโลยี Triple Image Sensing Technology (เซนเซอร์ถ่ายภาพที่มีระบบ Predictive Hybrid Autofocus + Laser Autofocus + เซนเซอร์ RGBC-IR สำหรับตรวจจับสี) รวมถึงเทคโนโลยี Predictive Capture และ Super-slow motion 960fps ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Motion Eye

    การถ่ายวิดีโอ Super-slow motion 960fps บน Xperia XZ2 สามารถเลือกถ่ายได้ที่ 2 ความละเอียด: 1. HD 720p โดยกล้องจะทำการจับภาพเป็นเวลา 0.182 วินาที แล้วนำไปเล่นที่ความเร็ว 30 fps ได้ความยาวราว 5.8 วินาที; 2. Full HD 1080p โดยกล้องจะทำการจับภาพประมาณ 0.1 วินาที แล้วนำไปเล่นที่ความเร็ว 30 fps ได้ความยาวราวๆ 3.5 วินาที

    Xperia XZ2 ยังคงมีตัวเลือกแก้ไขภาพเบี้ยวให้เปิดใช้ในเมนูตั้งค่าของแอปกล้อง แอปกล้องยังคงสามารถเรียกใช้งานและถ่ายได้ภายใน 0.6 วินาทีด้วยการกดปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้เมื่อเครื่องอยู่ในสถานะ standby ตัวกล้องรองรับ ISO สูงสุด 12800 (ภาพนิ่ง) / 4000 (วิดีโอ) เช่นเคย

    ในรุ่นนี้ยังคงมีฟีเจอร์ Autofocus burst ที่รองรับการถ่ายภาพต่อเนื่องแบบ Burst mode พร้อมๆกับการโฟกัสอัตโนมัติ ซึ่งสามารถถ่ายต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 100 ภาพ (เต็มความละเอียด 19 ล้านพิกเซล) ส่วนโหมด Manual ยังไม่มีการปรับปรุงจากเดิมเท่าไหร่ Shutter Speed ยังคงจำกัดช้าสุดที่ 1 วินาทีเหมือนเดิม แต่สามารถปรับ ISO ได้สูงสุด 12800 (จากเดิมได้แค่ 3200)

    ความสามารถใหม่ในส่วนของกล้องที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ การถ่ายวิดีโอ HDR ที่รองรับความละเอียดสูงสุดถึงระดับ 4K เลยทีเดียว สามารถกดเปิด-ปิดได้ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอแอปกล้อง นอกจากนี้การถ่ายวิดีโอยังคงมีระบบป้องกันสั่น EIS 5 แกน SteadyShot with intelligent active mode แต่ยังคงทำงานได้สูงสุดที่ความละเอียด Full HD 30fps เหมือนเช่นเคย

    ส่วนกล้องหน้าเป็นเลนส์มุมกว้าง 23 มม. เซ็นเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/5 นิ้ว ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.2 รองรับ ISO สูงสุด 1600(ภาพนิ่ง) / 1000 (วิดีโอ) ซึ่งรองรับระบบป้องกันภาพสั่นไหว SteadyShot with intelligent active mode เหมือนกับกล้องหลัง

    ฟีเจอร์ 3D Creator ยังคงติดมากับเครื่อง ผู้ใช้สามารถใช้กล้องในการสแกนโครงหน้าหรือวัตถุอื่นๆ เช่น อาหาร แล้วทำออกมาเป็นโมเดล 3D ที่สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งในครั้งนี้ผู้ใช้สามารถสแกนด้วยกล้องหน้าได้ และสามารถแชร์ลง Facebook โดยตรงได้แล้ว

    Xperia XZ2 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 3180mAh รองรับ Quick Charge 3.0 และยังคงมาพร้อมเทคโนโลยี Qnovo Adaptive Charging ที่จะช่วยจัดการพลังงานอย่างอัจฉริยะให้แบตเตอรี่เสื่อมช้าลง โดยในครั้งนี้ได้เพิ่มการรองรับการชาร์จไร้สายตามมาตรฐาน QI เข้ามา นอกจากนี้ตัวเครื่องมี STAMINA mode และมีโหมดถนอมแบตเตอรี่ Battery Care ตัวเครื่องใช้พอร์ต USB Type-C เวอร์ชั่น 3.1 Gen 1

    แน่นอนว่า Xperia XZ2 ก็ยังคงสามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP65/68 เหมือนกับรุ่นเรือธงที่ผ่านๆมา โดยสามารถกันน้ำได้โดยไม่ต้องปิดพอร์ตหูฟังและ USB Type-C

    ในด้านเสียงนั้น Xperia XZ2 ได้เพิ่มลูกเล่นใหม่ Dynamic Vibration System ซึ่งจะทำการสั่นตามเสียงเบสที่ตัวเครื่องกำลังเล่น เพื่อให้ได้อรรถรสในการรับชมภาพยนตร์หรือเล่นเกมมากยิ่งขึ้น (คล้ายกับการสั่นของ Dualshock บน PlayStation) โดยรองรับทั้งแอป YouTube, วิดีโอ เพลง และเกม ผู้ใช้สามารถปรับระดับแรงสั่นได้ในเมนูการปรับเสียง

    ไม่เพียงเท่านั้น ลำโพงหน้าคู่ S-Force ให้เสียงที่ดังกว่าเดิมมากและมีมิติมากขึ้น ทว่าในครั้งนี้พอร์ตหูฟัง 3.5 มม. ได้ถูกถอดออกไปแล้ว การฟังเพลงผ่านหูฟังมีสายจะต้องต่อ adapter ผ่านพอร์ต USB Type-C ที่แถมมา โดยตัวเครื่องยังคงรองรับไฟล์ High-Resolution Audio (LPCM, FLAC, ALAC, DSD) มีฟีเจอร์ DSEE HX ที่ช่วยอัพเกรดคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้น รองรับการเข้ารหัส LDAC และ aptX HD audio ที่ทำให้สามารถฟังเพลงผ่านหูฟังบลูทูธได้โดยไม่สูญเสียความละเอียด นอกจากนั้นก็ยังคงมีฟีเจอร์ Clear Audio+, Stereo recording และ Stereo Recording ที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ลูกเล่น PS4 Remote Play ก็ยังคงสามารถใช้งานได้เช่นเคย

    Xperia XZ2 นอกจากจะสามารถเปิดหน้าจอด้วยการแตะนิ้วที่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังแล้ว ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เปิดหน้าจออัตโนมัติเมื่อยกเครื่องขึ้นมา โดยหน้าจอจะทำการแสดงเวลาและการแจ้งเตือนต่างๆให้ดูคร่าวๆเป็นเวลาสั้นๆ และจะปิดหน้าจอให้เองเมื่อไม่มีการปลดล็อค

    Xperia XZ2 หนา 11.1 มม. กว้าง 72 มม. และยาว 153 มม. ส่วนน้ำหนักนั้นอยู่ที่ 198 กรัม สำหรับวันวางจำหน่าย Sony Mobile ระบุว่าจะเริ่มวางจำหน่ายภายในช่วงเดือนมีนาคมนี้

 

Xperia XZ2 Compact

    ต่อไปเป็นรุ่นเล็กสเปคแรงสุดๆ Xperia XZ2 Compact กันบ้าง สเปคและฟีเจอร์หลักๆของรุ่นนี้แทบจะถอดแบบมาจาก Xperia XZ2 ดังนั้นเราจะพูดถึงแค่สิ่งที่แตกต่างออกไป

    Xperia XZ2 Compact มีดีไซน์ด้านหน้าคล้ายกับ Xperia XZ2 แต่ด้านหลังมีการจัดวางเซ็นเซอร์ถ่ายภาพที่แตกต่างออกไป ตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.0 นิ้วที่มีความละเอียด Full HD+ ซึ่งสูงกว่า Compact รุ่นก่อนๆ โดยถูกครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 และมาพร้อมเทคโนโลยี Triluminos Display for MobileX-Reality และรองรับ HDR เหมือนกับ Xperia XZ2 โดยใช้ชุดชิปประมวลผลแบบ 64-bit Octa-core ของ Qualcomm รุ่น Snapdragon 845 และ RAM ขนาด 4GB

    Xperia XZ2 Compact มาพร้อมความจำภายใน 64GB และมีรุ่น dual-SIM แล้ว โดยเป็นแบบ Hybrid SIM เช่นกัน ทว่ารุ่นนี้จะไม่รองรับระบบ Dynamic Vibration System

    กล้องของ Xperia XZ2 Compact อัดแน่นมาด้วยเทคโนโลยีแบบเดียวกับ Xperia XZ2 ที่กล่าวมาข้างต้นทั้งด้านหน้าและหลัง มาทั้ง 4K HDR recording, Predictive Capture, Super-slow motion 960 fps Full HD, Triple Image Sensing Technology และระบบป้องกันสั่นแบบ 5 แกน รวมถึงฟีเจอร์ 3D Creator อีกด้วย

    แบตเตอรี่มีขนาด 2870 mAh มาพร้อม USB Type-C แบบ 3.1 Gen 1 และมีเทคโนโลยีอื่นๆเหมือนกับ Xperia XZ2 แต่ไม่รองรับการชาร์จไร้สาย นอกจากนี้ Xperia XZ2 Compact ยังสามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP65/68 เช่นกัน

    ตัวเครื่องมีสัดส่วน 135 x 65 x 12.1 มม. น้ำหนัก 168 กรัม โดยจะวางจำหน่ายในสี Black, White Silver, Moss Green และ Coral Pink ซึ่งจะเริ่มวางขายในเดือนหน้าเช่นกัน

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความรู้สึกของคุณต่อบทความนี้ อย่าลืมที่จะแชร์ให้คนอืนได้รู้ความรู้สึกนี้ .
บอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้
  • ประทับใจสุดๆ
  • ดีจังเลย
  • โกรธสุดๆ
  • เฉยๆ อ่ะ
  • รู้สึกหดหู่