หลังจากที่มีข่าวหลุดออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวานนี้ภายในงาน Mobile World Congress 2017 ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน Sony Mobile ก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ Xperia XZ Premium และ Xperia XZs ซึ่งเป็นเรือธงชุดแรกของปีนี้ พร้อมๆกับ Xperia XA1 และ Xperia XA1 Ultra ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นกลางของปีนี้

    แม้ว่าจะไม่ได้แม้แต่ขึ้นไปโชว์ตัวหรือถูกกล่าวถึงบนเวทีก็ตาม แต่ Xperia XZs ก็ยังจัดว่าเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงของ Sony Mobile สำหรับครึ่งปีแรกนี้ ดูเหมือนว่าทาง Sony Mobile จะเลือกที่จะวางตำแหน่งให้ Xperia XZs เป็นเรือธงรุ่นที่อัพเกรดจาก Xperia XZ ไม่มากเท่าไหร่นัก อาจจะออกมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการเทคโนโลยีกล้องแบบ Xperia XZ Premium แต่ไม่อยากได้หน้าจอขนาดใหญ่หรืองบไม่ถึงก็เป็นได้

    Xperia XZs ยังคงมาพร้อมดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า “Loop Surface” แบบเดียวกับ Xperia XZ ด้านหน้าใช้กระจก Corning Gorilla Glass และวัสดุตัวเครื่องยังคงเป็นอะลูมิเนียม ALKALEIDO เหมือนเช่นเคย ดีไซน์โดยรวมยังคงใกล้เคียงกับ Xperia XZ แต่ด้วยความที่เปลี่ยนกล้องตัวใหม่ ทำให้กล้องดูจะนูนออกมาเล็กน้อย แต่ก็มีวงแหวนรอบเลนส์กล้องที่จะคอยช่วยป้อยกัน ตัวเครื่องมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ (Black) สีเงินโทนอุ่น (Warm Silver) และสีฟ้าน้ำแข็ง (Ice Blue) ซึ่งเป็นสีใหม่และเป็นหนึ่งในจุดขายของรุ่นนี้

    ในครั้งนี้ Sony Mobile ยังคงเลือกใช้หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.2 นิ้วที่มีความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล (Full HD) อีกครั้ง โดยมาพร้อมเทคโนโลยี Triluminos Display for Mobile และ X-Reality ที่พบได้ในสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นหลังๆของ Sony Mobile เสมอมา ซึ่งพวกเขาระบุว่าสามารถแสดงเฉดสีได้มากกว่าจอทั่วๆไปถึง 38% แน่นอนว่า Xperia XZs ไม่ได้มีการเพิ่มเทคโนโลยี HDR เข้ามาแบบ Xperia XZ Premium

    ในด้านประสิทธิภาพ Xperia XZs มาพร้อมชุดชิพประมวลผลแบบ 64-bit Quad-core รุ่น Snapdragon 820 เหมือนกับ Xperia XZ และ Xperia X Performance โดย RAM มี ขนาด 4GB ซึ่งเยอะกว่ารุ่นที่เคยมีมาทั้งหมด ใช้ความจำภายในแบบ eMMC ความจุ 32GB สำหรับรุ่น SIM เดียว และ 64GB สำหรับรุ่น dual-SIM ซึ่งผู้ที่ต้องการหน่วยความจำเพิ่ม สามารถใส่ Micro SD แบบ SDXC ความจุสูงสุด 2TB (ปัจจุบันมีจำหน่ายสูงสุด 256GB) ตัวเครื่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 7 Nougat พร้อม Xperia UI เวอร์ชั่นใหม่ และรองรับการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 4.2 และ NFC

    ตำแหน่งของปุ่มต่างๆจะยังคงอยู่ในตำแหน่งด้านขวาของตัวเครื่องเช่นเดิม ได้แก่ ปุ่มพาวเวอร์ที่ฝังเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้เหมือนเช่นเคย ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่มชัตเตอร์ที่จะขาดไปไม่ได้

    ไฮไลท์สำคัญของ Xperia XZs อยู่ที่กล้องถ่ายรูปที่อัดเทคโนโลยีใหม่มาอย่างจัดเต็มยิ่งกว่าครั้งไหนๆแบบเดียวกับ Xperia XZ Premium โคตรเรือธงที่เปิดตัวพร้อมๆกัน โดยพวกเขาระบุว่าได้นำเอาเทคโนโลยีจากกล้องซีรี่ย์ Alpha และ Cyber-shot (เหรอ?) มาช่วยยกระดับการจับภาพชีวิตให้ยอดเยี่ยมอย่างที่ไม่มีสมาร์ทโฟนเจ้าอื่นสามารถทำได้

    ครั้งนี้เซนเซอร์ที่ใช้จะเป็น Exmor RS ขนาด 1/2.3 นิ้ว ความละเอียด 19 ล้านพิกเซลรุ่นใหม่ ที่ขนาดพิกเซลใหญ่ 1.22μm และยังคงมาพร้อมเลนส์ G อันโด่งดังและ BIONZ for Mobile ระบบประมวลผลภาพถ่ายสำหรับสมาร์ทโฟนเหมือนเช่นเคย แต่ครั้งนี้ Sony ระบุว่าพวกเขาได้ยกเครื่องเทคโนโลยีทั้งสองใหม่ทั้งหมด จะให้ภาพที่ชัดเจนทุกมุม นอกเหนือจากเทคโนโลยี Triple Image Sensing Technology (เซนเซอร์ถ่ายภาพที่มีระบบ Predictive Hybrid Autofocus + Laser Autofocus + เซนเซอร์ RGBC-IR สำหรับจับสี) ที่มาพร้อมกับ Xperia XZ แล้ว ในครั้งนี้พวกเขาได้เพิ่มเทคโนโลยี Motion Eye เข้ามาอีกด้วย

    Motion Eye เป็นการทำงานของกล้องตัวใหม่ ที่จะทำการ buffer ตรวจจับการเคลื่อนไหวรอไว้ตลอดเวลา และจะเก็บบันทึก 4 ช็อตล่วงหน้าก่อนที่ผู้ใช้จะกดชัตเตอร์ด้วย โดยตัวกล้องจะเป็นตัวที่คัดรูปภาพที่วัตถุอยู่ในจุดที่ดีที่สุดออกมาให้ผู้ใช้เลือกว่าจะเซฟรูปดังกล่าวไว้หรือไม่ ซึ่งทำให้มันเหมาะกับการถ่ายภาพที่วัตถุมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไม่สามารถถ่ายพลาดได้

   
    ไม่เพียงเท่านั้น กล้องตัวใหม่นี้ยังเป็นกล้องบนสมาร์ทโฟนตัวแรกของโลกที่มาพร้อมหน่วยความจำ DRAM อีกด้วย นอกจากจะใช้ในฟีเจอร์ Motion Eye แล้ว DRAM ที่เพิ่มเข้ามานี้ยังทำให้ Xperia XZs สามารถถ่ายวิดีโอ super slow-motion ที่ 960 fps ซึ่งสูงกว่าสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นในตลาดถึง 4 เท่า คลิปวิดีโอที่ได้ราวกับสามารถหยุดเวลาให้ช้าลงได้เลยทีเดียว


   

    ขนาดพิกเซลที่ใหญ่ขึ้นถึง 19% ช่วยให้สามารถเก็บแสงได้มากขึ้น จึงทำให้ Xperia XZs สามารถถ่ายภาพในที่สภาพแสงน้อยได้ดีกว่าเดิมมาก นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ป้องกันการบิดเบือนของภาพซึ่งจะเห็นผลได้ชัดเมื่อถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เหมือนที่เราเคยได้อธิบายถึงสรรพคุณของเซนเซอร์กล้องรุ่นใหม่ของ Sony

    แอพกล้องยังคงสามารถปลดล็อคและถ่ายได้ภายใน 0.6 วินาทีด้วยการกดปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้เมื่อเครื่องอยู่ในสถานะ standby ตัวกล้องรองรับ ISO สูงสุดถึง 12800 เช่นเคย และสามารถซูมได้ถึง 5 เท่าโดยไม่เสียรายละเอียด และ digital zoom สูงสุด 8 เท่า ส่วนตัวเลนส์นั้นเป็น G Lens มุมกว้าง 25 มม. f / 2.0 นอกจากนี้การถ่ายวิดีโอยังคงมีระบบป้องกันสั่น EIS 5 แกน ที่ใช้ชื่อว่า Steadyshot with intelligent active mode เหมือนกับ Xperia XZ

xperia xz five axis

   
    ส่วนกล้องหน้าเป็นเลนส์มุมกว้าง 22 มม. เซนเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/3.06 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 13 ล้านพิกเซล f/2.0 รองรับ ISO สูงสุด 6400 ซึ่งรองรับโหมด Steadyshot with intelligent active mode เหมือนกับกล้องหลัง

    Xperia XZs มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 2900mAh ที่สามารถใช้งานได้ทั้งวัน รองรับ Quick Charge 3.0 และมาพร้อมเทคโนโลยี Qnovo Adaptive Charging ที่จะช่วยจัดการพลังงานอย่างอัจฉริยะซึ่งทำให้แบตเตอรี่แบบฝังเครื่องมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับ Xperia Z2 (เสื่อมช้าลงนั่นเอง) ตัวเครื่องมี STAMINA mode และมีโหมดถนอมแบตเตอรี่ Battery Care ตัวเครื่องใช้พอร์ต USB Type-C

    แน่นอนว่า Xperia XZs ก็ยังคงสามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP65/68 เหมือนกับรุ่นเรือธงที่ผ่านๆมา โดยสามารถกันน้ำได้โดยไม่ต้องปิดพอร์ตหูฟังและ USB Type-C

    ในด้านเสียงนั้น Xperia XZs ยัง คงรองรับไฟล์ High-Resolution Audio (LPCM, FLAC, ALAC, DSD) มีฟีเจอร์ DSEE HX ที่ช่วยอัพเกรดคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้น รองรับการเข้ารหัส LDAC ที่ทำให้สามารถฟังเพลงผ่านหูฟังบลูทูธได้โดยไม่สูญเสียความละเอียด และยังคงรองรับ Digital Noise Cancelling เช่นเคยเมื่อใช้ร่วมกับหูฟังที่รองรับ นอกจากนั้นก็ยังคงมีฟีเจอร์ Clear Audio+, ลำโพงคู่ S-Force Front Surround, Auto-headset compensation และ Stereo Recording ที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ลูกเล่น PS4 Remote Play ก็ยังคงสามารถใช้งานได้เช่นเคย

    Xperia XZs หนา 8.1 มม. กว้าง 72 มม. และยาว 146 มม. ส่วนน้ำหนักนั้นอยู่ที่ 161 กรัม สำหรับวันวางจำหน่าย Sony Mobile ระบุว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในบางภูมิภาคในวันที่ 5 เมษายนนี้ และสำหรับตลาดสหรัฐอเมริกาจำวางจำหน่ายในราคา 699 ดอลล่าร์สหรัฐ (ประมาณ 24,402 บาท) ส่วนประเทศอื่นยังไม่มีการประกาศแต่อย่างใด แต่ประเทศทางแถบเอเชียมักจะมีราคาขายที่ต่ำกว่าเล็กน้อย หากมีข้อมูลเพิ่มเติมเราจะนำมารายงานให้ทราบ

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความรู้สึกของคุณต่อบทความนี้ อย่าลืมที่จะแชร์ให้คนอืนได้รู้ความรู้สึกนี้ .
บอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้
  • ประทับใจสุดๆ
  • ดีจังเลย
  • โกรธสุดๆ
  • เฉยๆ อ่ะ
  • รู้สึกหดหู่