หลังจากที่มีภาพเรนเดอร์หลุดออกมาล่วงหน้าเป็นเดือนๆ ในที่สุดบ่ายวันนี้ Sony ก็ได้ประกาศเปิดตัว Xperia 1 III หรือ Xperia One Mark Three เรือธงรุ่นใหม่สำหรับปี 2021 อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมันยังคงเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างฝ่ายต่างๆของ Sony เหมือนเช่นเคย

    หน้าจอของ Xperia 1 III ใช้วัสดุเป็นกระจก Corning Gorilla Glass Victus™ ส่วนด้านหลังจะเป็น Corning Gorilla Glass 6 และเฟรมเครื่องเป็นอะลูมิเนียมเหมือนเช่นเคย หน้าจอและด้านหลังแบนเรียบ แต่มีส่วนนูนที่บริเวณโมดูลกล้อง มุมทั้ง 4 โค้งมนเล็กน้อย ด้านข้างขวาของตัวเครื่องจากบนลงล่างมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ปุ่มพาวเวอร์ที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้วย ปุ่ม shortcut ที่เพิ่มเข้ามาเหมือน Xperia 5 II ส่วน และยังคงมีปุ่มชัตเตอร์เหมือนเช่นเคย แต่คราวนี้มีลายขรุขระเพื่อให้วางนิ้วได้มั่นคงกว่าเดิม สำหรับรุ่นนี้จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ (Frosted Black) สีเทา (Frosted Gray) และสีม่วง (Frosted Purple) ซึ่งเป็นสีด้านทั้งหมด

 

หน้าจอ 4K HDR OLED 21:9 พร้อม Refresh Rate 120Hz เครื่องแรกของโลก

    Xperia 1 III มาพร้อมหน้าจอ OLED 21:9 CinemaWide ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 4K (3840 x 1644 พิกเซล) และรองรับ HDR 10-bit (8+2) และมี contrast ratio อยู่ที่ 1,000,000:1 โดยคราวนี้พวกเขาได้อัปเกรด Refresh Rate ของหน้าจอให้เป็น 120Hz ซึ่งเป็นรุ่นแรกของโลก และมี Touch Sampling Rate 240Hz ทำให้หน้าจอดูลื่นไหลสุดๆ และสัมผัสติดนิ้วดีเยี่ยม ซึ่งยังคงมีฟีเจอร์ Motion Blur Reduction ที่ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยให้หน้าจอดูลื่นไหลใกล้เคียงกับจอ Refresh Rate 240Hz

    ยังคงมาพร้อมเอ็นจิ้นจัดการภาพ X1 for mobile ที่ร่วมมือกับฝ่าย Bravia ซึ่งจะช่วย remaster คอนเทนต์ทุกอย่างที่แสดงบนจอให้มีคอนทราสต์ สีสัน และความคมชัดดียิ่งขึ้น และมี Creator mode ที่เกิดจากการร่วมมือกับฝ่าย CineAlta เพื่อแสดงภาพด้วยสีสันตรงและสมจริงตามมาตรฐาน DCI-P3 100%

    ข้อดีของหน้าจอทรงยาว 21:9 นอกจากการรับชมภาพยนตร์แล้ว มันยังทำให้การแบ่งหน้าจอแบบ multi-window สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย สามารถปรับอัตราส่วนได้ตามใจชอบ โดยครั้งนี้พวกเขาเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ Pop-up window เข้ามาด้วย ทำให้สามารถเปิดแอปในหน้าต่างลอยบนจอและเคลื่อนย้ายหรือย่อ-ขยายได้ตามใจชอบ

 

ขุมพลัง Snapdragon 888 RAM 12GB กับความจุ 256GB

    ในด้านประสิทธิภาพ Xperia 1 II มาพร้อมชุดชิปประมวลผล Qualcomm รุ่น Snapdragon 888, RAM ขนาด 12GB รองรับ 5G sub-6, Wi-Fi 6 และมีหน่วยความจำภายในขนาด 256GB โดยเป็นแบบ UFS ที่อ่านเขียนข้อมูลได้รวดเร็ว

    ช่องใส่ SIM ที่ 2 เป็นแบบ Hybrid รองรับ Nano SIM ผู้ที่ต้องการหน่วยความจำเพิ่ม สามารถใส่ Micro SD แบบ SDXC ความจุสูงสุด 2TB (ปัจจุบันมีจำหน่ายสูงสุด 1TB) ตัวเครื่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 11 และรองรับการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.2 และ NFC

 

กล้อง Periscope ตัวใหม่ ที่ปรับระยะและรูรับแสงได้ 

    ทาง Sony เคลมว่ากล้องของ Xperia 1 III นั้นเกิดจากการทำงานร่วมกันกับทีมวิศวกรผู้อยู่เบื้องหลังกล้องซีรี่ย์ Alpha 9 ซึ่งโด่งดังในด้านเทคโนโลยีการโฟกัส ทำให้กล้องทั้ง 3 ตัวสามารถโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

    ตัวเครื่องยังคงมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว + เซ็นเซอร์ 3D iToF สำหรับการช่วยโฟกัส แต่ครั้งนี้กล้องระยะ 70mm ของเดิมได้ถูกแทนที่ด้วยกล้อง Periscope ตัวใหม่ โดยโมดูลกล้องรุ่นใหม่นี้ประกอบด้วยเซ็นเซอร์ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลทั้ง 3 เลนส์ ดังนี้:

  1. ระยะ 24mm: ใช้เซ็นเซอร์ Exmor RS for mobile ขนาด1/1.7 นิ้ว ประกอบกับเลนส์ F1.7 มุมกว้าง 82° พร้อม OIS และฟีเจอร์ Dual-PD AF, Dual Photo Diode สำหรับภาพนิ่ง และระบบ Hybrid OIS/EIS สำหรับวิดีโอ
  2. ระยะ 16mm (Super-wide): ใช้เซ็นเซอร์ Exmor RS for mobile ขนาด 1/2.5 นิ้ว ประกอบกับเลนส์ F2.2 มุมกว้างเป็นพิเศษ 124° พร้อมฟีเจอร์ Dual-PD AF, Dual Photo Diode และระบบ EIS สำหรับวิดีโอ
  3. เลนส์ Periscope สลับได้ระหว่างระยะ 70mm (F2.3) มุมกว้าง 34° และ 105mm (F2.8) มุมกว้าง 23° ใช้เซ็นเซอร์ Exmor RS for mobile ขนาด 1/2.9 นิ้ว พร้อม OIS สำหรับภาพนิ่ง และระบบ Hybrid OIS/EIS สำหรับวิดีโอ
  4. เซ็นเซอร์ 3D iToF สำหรับช่วย AF ให้ทำงานในที่แสงน้อยได้อย่างรวดเร็ว และวัดระยะสำหรับการถ่ายภาพเบลอหลัง

    กล้องของ Xperia 1 III จะมาพร้อมเลนส์ที่ควบคุมการผลิตโดย ZEISS และเคลือบด้วยสารเคลือบ T* coating ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ภาพถ่ายเกิด ghost และ flare นอกจากนี้พวกเขายังคงใส่ OIS มาในกล้องหลัง 2 ตัวด้วยกัน (24mm, 70mm และ 105mm) โดยจะทำงานเดี่ยวๆในการถ่ายภาพนิ่ง และทำงานร่วมกับ EIS ในการถ่ายวิดีโอ

    ส่วนกล้องหน้ายังคงเป็นเลนส์มุมกว้าง 78° เซ็นเซอร์ขนาด 1/4 นิ้ว ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 รองรับการเปิดแฟลชด้วยแสงหน้าจอ พร้อมระบบป้องกันสั่น SteadyShot with Intelligent Active Mode (กันสั่น 5 แกน) และฟีเจอร์ Portrait Selfie

 

Real-Time Tracking + Eye AF พร้อมจุด AF ครอบคลุม 70% ของเฟรม

    แอป Photo Pro ที่ออกแบบมาสำหรับการถ่ายแบบ Full Manual และมีหน้าตา UI คล้ายกับกล้องตระกูล α ได้ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นไปอีกระดับ ซึ่งมันยังทำงานร่วมกับระบบประมวลผลภาพถ่าย BIONZ X เหมือนเช่นเคย โดยนอกจากจะยังมีฟีเจอร์ Real-time Eye AF (โฟกัสอัตโนมัติแบบติดตามดวงตา) ที่รองรับทั้งดวงตาคนและสัตว์แล้ว คราวนี้พวกเขาได้เพิ่ม Real-time Tracking สำหรับล็อกโฟกัสติดตามวัตถุเข้ามาอีกด้วย

    Real-time Tracking ทำงานโดยใช้ AI ร่วมกับเซ็นเซอร์ 3D iToF ในการตรวจจับระยะ เพื่อที่จะล็อกโฟกัสที่วัตถุที่เราเลือกได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว แม้ว่าจะหลุดออกจากเฟรมไปชั่วคราวก็ตาม เพียงแค่แตะบนหน้าจอ

    ไม่เพียงเท่านั้น Burst shot ยังคงสามารถถ่ายได้รัวถึง 20 ภาพต่อวินาที โดยที่ระบบ AF/AE (Auto Focus/Auto Exposure) จะทำการประมวลผล 60 ครั้งต่อวินาทีในระหว่างที่กดชัตเตอร์ค้างไว้ (หรือวัดแสงและโฟกัสใหม่ 3 ครั้งต่อการจับภาพ 1 ครั้ง) ซึ่งพวกเขาเคลมว่าการถ่าย burst ในที่แสงน้อย จะมี noise น้อยกว่ารุ่นก่อนหน้าอีกด้วย

    นอกจากนี้แล้ว จุดออโต้โฟกัสยังได้เพิ่มเป็น 247 จุด ซึ่งครอบคลุมเกือบ 70% ของเฟรมอีกด้วย

    นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ AI Super Resolution Zoom ที่ใช้ซอฟต์แวร์ AI มาช่วยให้ถ่ายภาพซูมเทียบเท่าระยะ 300mm โดยที่ภาพยังคงมีรายละเอียดที่ดีอยู่

ในส่วนของวิดีโอ มีระบบกันสั่น Optical SteadyShot with FlawlessEye ได้ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ โดยพวกเขาเคลมว่าวิดีโอที่ได้จะลื่นและไม่สั่น โดยใช้ได้กับเลนส์ระยะ 24mm, 70mm และ 105mm เท่านั้น

    Xperia 1 III รองรับการบันทึกภาพเป็นไฟล์ JPEG และ RAW (.dng) นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี Dual photo diode ที่ช่วยให้เซ็นเซอร์สามารถรับแสงได้มากกว่า ร่วมกับเซ็นเซอร์ 3D iToF เพื่อให้ถ่ายภาพกลางคืนได้อย่างคมชัดและไม่หลุดโฟกัส

 

กล้องวิดีโอแบบมืออาชีพบนสมาร์ทโฟน 

    แอป Cinema Pro ที่ร่วมสร้างกับฝ่าย CineAlta ที่ใช้ถ่ายวิดีโออัตราส่วน 21:9 ก็ยังคงมีอยู่ ผู้ใช้สามารถเลือกปรับโทนสี, ระยะโฟกัส, ชัตเตอร์สปีด, ISO ฯลฯ ได้อย่างอิสระเหมือนกับใช้กล้องวิดีโอ CineAlta ของพวกเขา ใน Xperia 1 III พวกเขาได้ปรับแต่ง UI ให้ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น โดยตัวเครื่องยังคงรองรับการถ่ายวิดีโอ Slow-motion 4K HDR 120fps เหมือนเช่นเคย

 

DSEE Ultimate, 360 Spatial Sound, รูหูฟัง 3.5 มม. และลำโพงที่ทรงพลังกว่าเดิม 40%

    Xperia 1 III ยังคงมีรูหูฟัง 3.5 มม. และลำโพงคู่ Full-Stage stereo ด้านหน้า โดยครั้งนี้พวกเขาเคลมว่าลำโพงนั้นทรงพลังกว่ารุ่นก่อนหน้ามากถึง 40% และยังใช้ดีไซน์แบบใหม่ที่ไม่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของตัวเครื่อง ส่วนระบบเสียง Dolby Atmos ที่พัฒนามาเพื่อใช้ในโรงภาพยนตร์ซึ่งให้เสียงหลากมิติจากทุกทิศทางรอบตัวก็ยังคงมีอยู่

    ตัวเครื่องรองรับไฟล์ High-Resolution Audio และยังมีฟีเจอร์ DSEE Ultimate ที่ช่วยอัพเกรดคุณภาพเสียงไม่ว่า source จะมาจากไฟล์ offline ในเครื่องหรือจะเป็นการฟังสตรีมมิ่งออนไลน์ก็ตาม AI จะทำการวิเคราะห์และปรับปรุงคุณภาพเสียงแบบ real-time ให้มีคุณภาพใกล้เคียงไฟล์ Hi-Res ซึ่งรองรับทั้งการฟังแบบไร้สายและมีสาย

    เมื่อปีที่แล้ว พวกเขาได้เปิดตัวฟีเจอร์ 360 Reality Audio ที่ใช้ฮาร์ดแวร์ในการถอดรหัสและประมวลผลจำลองเพลงให้เหมือนกับเราถูกห้อมล้อมไปด้วยเครื่องดนตรีต่างๆแบบในคอนเสิร์ตที่เล่นกันสดๆ แต่ต้องใช้งานผ่านแอปที่กำหนด เช่น Tidal ในปีนี้พวกเขาไม่เพียงทำให้ลำโพงของตัวเครื่องรองรับการเล่นไฟล์ประเภทดังกล่าว แต่ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ 360 Spatial Sound เข้ามาอีกด้วย ซึ่งมันสามารถจำลองเพลงที่อยู่ในเครื่องหรือเพลงที่เล่นผ่านบริการสตรีมมิ่งต่างๆให้มีความใกล้เคียงกับ 360 Reality Audio ได้เลย ซึ่งนี่เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนบนสมาร์ทโฟน

    แน่นอนว่ายังคงรองรับการเข้ารหัส LDAC และ aptX HD audio ที่ทำให้สามารถฟังเพลงผ่านหูฟังบลูทูธได้โดยไม่สูญเสียความละเอียด

 

ฟีเจอร์เกมจัดเต็มยิ่งกว่ามือถือ Gaming พร้อม L-γ raiser ที่โกงมากๆ

    แม้ Xperia 1 III จะไม่ได้ขายโดยชูฟีเจอร์เกมมิ่งเป็นหลัก แต่นั่นก็ไม่ได้ความว่า Sony จะไม่ได้ให้ความสำคัญกับด้านนี้ นอกเหนือจากจออัตราส่วน 21:9 พร้อม refresh rate 120Hz ที่ทำให้เห็นมุมมองกว้างกว่าและลื่นกว่าชาวบ้านแล้ว ต้องบอกว่าฟีเจอร์ด้านการเล่นเกมรอบนี้จัดเต็มมากจนน่าตกใจ

    ฟีเจอร์ Game Enhancer บน Xperia 1 III ได้ถูกเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆเข้ามามากมาย โดยพวกเขาบอกว่าได้พัฒนาฟีเจอร์นี้ร่วมกับนักเล่นเกมมืออาชีพหลายๆราย นอกจากฟีเจอร์พื้นฐานในการช่วยบริหารจัดการทรัพยากรเครื่องให้สามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล และป้องกันการรบกวนจากการแจ้งเตือนต่างๆ พวกเขาได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆเข้ามาดังนี้

    ผู้ใช้สามารปรับ white balance ขณะเล่นเกมได้ตามใจชอบ เพื่อให้มองหาศัตรูได้ง่ายขึ้น หรือเพื่อถนอมสายตาให้สามารถเล่นเกมต่อเนื่องได้นานขึ้นโดยดวงตาไม่ล้า

    หากคุณเล่นเกม FPS ที่คู่แข่งอาจหลบซ่อนตามจุดมืดต่างๆ เช่น ใต้ร่มไม้ หรือตามมุมตึก คุณสามารถเปิดโหมด L-γ raiser (Low gamma raiser) ที่ช่วยทำให้เฉพาะจุดมืดสว่างขึ้นมา เพียงเท่านี้ก็จะสามารถมองเห็นศัตรูที่อยู่ใต้ร่มเงาต่างๆได้อย่างชัดเจน (โกงเกิ๊นน)

    แต่ละเกมสามารถเลือกปรับแต่ง equalizer ได้ตามใจชอบ ผู้ใช้สามารถเลือกปรับเสียงย่านความถี่ต่ำให้ดังขึ้น เพื่อที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าศัตรูที่กำลังเดินเข้ามาได้อย่างชัดเจน และปรับเสียงย่านความถี่สูงให้เบาลง เพื่อที่จะลดเสียงรบกวนต่างๆ เช่น เสียงลม จะได้ไม่เสียสมาธิ

    ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่าไมโครโฟนให้ตรงกับประเภทไมโครโฟนที่ใช้งาน เพื่อที่เครื่องจะสามารถลดเสียงรบกวนในพื้นหลังได้อย่างแม่นยำ ทำให้การสนทนาระหว่างคนในปาร์ตี้เสียงดังและชัดเจน

    ผู้ใช้สามารถเลือกปรับ refresh rate, touch response speed และ touch tracking ของหน้าจอให้เหมาะสมกับแต่ละเกมและความถนัดของตนเองได้อีกด้วย

    นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ R.T. record (Rewind Time record) ที่ตัวเครื่องจะบันทึกคลิปหน้าจอ 30 วินาทีล่าสุดไว้ตลอดระหว่างเล่นเกม ทำให้ผู้ใช้สามารถย้อนกลับไปบันทึกช็อตเทพๆเผื่อแชร์บนโซเชียลมีเดียต่างๆได้แม้ไม่ได้ตั้งบันทึกหน้าจอไว้

    ส่วนฟีเจอร์อื่นๆที่มีในรุ่นก่อนหน้า ต่างก็อยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็น High Performance Gaming ที่จะทำให้เกมทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพของตัวเครื่อง หรือ H.S. Control (Heat Suppression Control) ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกมโดยที่เสียบสายชาร์จคาไว้ได้เลย กระแสไฟจะส่งไปเลี้ยงตัวเครื่องโดยที่ไม่ผ่านแบตเตอรี่ ทำให้เครื่องไม่ร้อน และแบตเตอรี่ไม่เสื่อมเร็ว

    แน่นอนว่ารุ่นนี้ก็ยังคงรองรับ PS4/PS5 Remote Play ได้เช่นเคย และสามารถใช้งานจอย Dual Shock 4 กับเกมแอนดรอยด์ทุกเกมที่รองรับการใช้จอย

 

แบตเตอรี่ 4,500 mAh ที่อายุยืนกว่าเดิม

    Xperia 1 III มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4500mAh ซึ่งเป็นครั้งแรกของสมาร์ทโฟน Xperia และยังรองรับระบบชาร์จเร็วตามมาตรฐาน Power Delivery 30W และรองรับการชาร์จไร้สาย โดยยังสามารถจ่ายไฟให้กับเครื่องอื่นแบบไร้สายได้อีกด้วย แน่นอนว่ามันยังคงมาพร้อมเทคโนโลยี Adaptive Charging ที่จะช่วยจัดการพลังงานอย่างอัจฉริยะให้แบตเตอรี่เสื่อมช้าลง โดยพวกเขาเคลมว่าแม้ผ่านไป 3 ปี แบตเตอรี่ก็จะยังอยู่ในสภาพดี (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน) นอกจากนี้ตัวเครื่องมี STAMINA mode และมีโหมดถนอมแบตเตอรี่ Battery Care บนตัวเครื่องมีพอร์ต USB Type-C เวอร์ชั่น 3.1 ที่รองรับ Display Port 4K 60fps

 

    Xperia 1 III หนา 8.2 มม. กว้าง 71 มม. และยาว 165 มม. ส่วนน้ำหนักนั้นอยู่ที่ 186 กรัม กันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP65/68 เหมือนเคย สำหรับราคา Sony ยังไม่ได้เปิดเผยแต่อย่างใด ส่วนวันจำหน่ายระบุเพียงแค่ว่าช่วงต้นฤดูร้อน (ประมาณมิถุนายน)

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความรู้สึกของคุณต่อบทความนี้ อย่าลืมที่จะแชร์ให้คนอืนได้รู้ความรู้สึกนี้ .
บอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้
  • ประทับใจสุดๆ
  • ดีจังเลย
  • โกรธสุดๆ
  • เฉยๆ อ่ะ
  • รู้สึกหดหู่