หลังจากมีข่าวลือและกระแสมาพักใหญ่เรื่องที่ Sony กำลังทดสอบกล้องคู่ใน Xperia แต่ความหวังก็ดับไปเพราะในงานเปิดตัว MWC2018 นั้นได้เปิดตัวเฉพาะ Xperia XZ2 เท่านั้นไร้วี่แววของตัวพรีเมี่ยมตามข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้า แต่ในงานเปิดตัวก็ได้ใส่กิมมิคเล็กๆไว้ในสไลด์ในงานเปิดตัวเป็นกล้องสองตัวที่อยู่คู่กัน ทำเอาเรียกเสียงฮือฮาพอสมควร จนไม่กี่เดือนถัดมาโซนี่ก็ได้ทำการเปิดตัวเรือธงพรีเมี่ยม Xperia XZ2 Premium ตามออกมา

แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่า Premium มักจะมีอะไรใหม่ ๆ มาเสมอ และใน Xperia XZ2 Premium นั้นคือกล้องคู่ตัวแรงของ Xperia ที่จะมาพร้อมชิปโปรเซสเซอร์ AUBE ซึ่งเป็น Sony Fusion Image Process สำหรับการประมวลผลร่วมกันระหว่างสองเซ็นเซอร์กล้องเพื่อให้ได้ภาพถ่ายในที่แสงน้อยที่ยอดเยี่ยม โดยการรวมความคมชัดและคอนทราสของกล้องขาวดำ และสีสันที่สวยงามของกล้องถ่ายสีเข้าด้วยกัน

กล่องจะมาในรูปแบบเดิมสีเทาขนาดความกว้างพอดีกับตัวเครื่อง ภายในกล่องจะมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหูฟัง Earbud MH-750 พร้อมจุกหูฟังขนาดต่าง ๆ ให้เปลี่ยน, สายชาร์จ USB-Type C, สายแปลง USB Type-C to Jack 3.5 mm. สำหรับต่อหูฟังทั่วไปเพราะในรุ่นนี้ได้ถูกตัดพอร์ตเชื่อมต่อหูฟังทิ้งไปแล้วนั่นเอง, คู่มือการใช้งาน และอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ

โดยในคราวนี้ได้แถมอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ UCH12W ซึ่งรองรับเทคโนโลยีชาร์จไว Quick Charge 3.0 และ Pump Express มาให้ด้วย

ดีไซน์โดยรวมของตัวเครื่องจะยังคล้ายคลึงกับ Xperia XZ2 ที่ออกมาก่อนหน้า ด้านหลังจะมีลักษณะโค้งมนเหมือนหลังเต่า โดยโซนี่ให้เหตุผลว่าสามารถถือจับใช้งานได้ถนัดกว่าแบบทั่วๆไป แต่เนื่องจากสเกลหน้าจอยังเป็น 16:9 อยู่จึงทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะบวมออกข้างมากกว่า และขอบบนและล่างที่หนากว่า Xperia XZ2

ตัวเครื่องมาพร้อมกับขนาด 15.8 x 80 หนา 1.19 เซ็นติเมตร มีน้ำหนักอยู่ที่ 236 กรัมซึ่งหนักกว่า Xperia XZ2 อยู่ประมาณ 40 กรัม มาพร้อมกับหน้าจอความละเอียด 4K HDR ขนาด 5.8 นิ้ว ใช้วัสดุเป็น Corning Gorilla Glass 5 ซึ่งมีความแข็งแรงทนทาน

ด้านหลังจะเป็นกระจก 3D ใช้วัสดุเป็น Corning Gorilla Glass 5 เช่นเดียวกับหน้าจอ เครื่องที่เราได้มารีวิวกันในวันนี้จะเป็นสีดำซึ่งจะมีความแตกต่างจาก Xperia XZ2 เล็กน้อยตรงที่สีดำนี้จะดำไม่สนิทแต่จะมีการไล่เฉดให้ดูเงาขึ้น ส่วนการวางตำแหน่งกล้องและเซ็นเซอร์จะคล้ายกับ Xperia XZ2 คือจะวางเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ไว้ด้านบนไล่ลงมาตามแนวตั้ง จากนั้นจะเป็นกล้องคู่ ซึ่งจะเป็นชิ้นกระจกแยกไปอีกที ถัดมาจะเป็นตำแหน่งปุ่มสแกนนิ้วมือซึ่งอยู่แถว ๆ กลางตัวเครื่อง

ปุ่มต่าง ๆ ของตัวเครื่องจะถูกวางตำแหน่งด้านซ้ายของตัวเครื่องทั้งหมด มองจากด้านบนจะเป็นปุ่ม เพิ่ม/ลด เสียง ถัดมาเป็นปุ่ม Power ใช้เปิดหน้าจอหรือล็อคหน้าจอโทรศัพท์ และปุ่มชัตเตอร์ถ่ายภาพแบบสองจังหวะ (โฟกัส/ชัตเตอร์) ส่วนด้านล่างจะเป็นช่อง USB Type-C 3.1 และรูไมค์สำหรับสนทนา

ด้านบนจะเป็นถาดใส่ซิมเป็นแบบ Hybrid สามารถเลือกช่องที่สองได้ว่าจะใส่เป็น micro SD card หรือว่าซิมตัวที่สองก็ได้ รองรับ microSDXC ที่ความจุสูงสุด 2TB ( ปัจจุบันมีจำหน่ายสูงสุด 512GB )

หน้าจอถือว่ามีขนาดใหญ่พอสมควร แต่ยังมีข้อสังเกตตรงที่ยังคงใช้อัตราส่วน 16:9 ทั้ง ๆ ที่ Xperia XZ2 นั้นย้ายมาใช้อัตราส่วน 18:9 ตามสมัยนิยมแล้ว ซึ่งน่าจะช่วยให้ตัวเครื่องเพรียวจับถนัดขึ้นอีกหน่อย และยังมาพร้อมกับลำโพงคู่ Stereo โดยลำโพงล่างจะถูกซ่อนอยู่ที่บริเวณขอบล่างของตัวเครื่อง

ส่วนลำโพงตัวบนจะถูกใช้งานเป็นลำโพงสนทนาโทรศัพท์ด้วย ด้านซ้ายเครื่องจะมีไฟ Notification แสดงสถานะหรือแจ้งเตือนต่าง ๆ ของตัวเครื่อง ถัดมาเป็นเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงและตรวจจับหน้าจอเพื่อให้มันดับเวลาเรายกโทรศัพท์ไปแนบหูคุย และด้านขวาจะเป็นกล้องหน้าความละเอียด 13MP

หลังจากกระแสกล้องคู่ในโลกตอนนี้มาแรงมากเนื่องจากข้อดีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเลนส์ตัวที่สองที่สามารถช่วยให้ดีไซน์ภาพถ่ายได้หลากหลายขึ้น (บางค่ายใช้เลนส์ขาวดำ บางค่ายใช้คู่กับเลนส์ซูม) พวกเราก็ได้แต่เฝ้ารอว่าเมื่อไร Xperia นั้นจะมีกล้องคู่กับเขาบ้าง เพราะมันช่วยทลายขีดจำกัดต่าง ๆ ของกล้องมือถือได้อย่างเช่นการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (Bokeh mode) ซึ่งในกล้องคู่จะช่วยให้การละลายหลังดูเนียนขึ้น (ใช้ซอฟต์แวร์ช่วย) เหมือนกับกล้องถ่ายภาพรุ่นใหญ่ที่ใช้เลนส์ค่า F กว้าง

แต่ขึ้นชื่อว่า Sony ทำกล้องคู่ทั้งทีจะให้เหมือนกับตลาดได้ไง เพราะโซนี่ได้กล่าวไว้ว่าถึงเราจะไม่ตามตลาดแต่เราก็จะก้าวในสิ่งที่เหนือกว่าคนอื่น ใน Xperia XZ2 Premium นั้นจึงได้ใส่ชิปประมวลผลภาพ “AUBE” เพิ่มเข้ามาเพื่อดึงศักยภาพของเซ็นเซอร์กล้อง ทำให้สามารถถ่ายภาพยามค่ำคืน (Night Mode) ได้อย่างคมชัดโดยใช้สปีดชัตเตอร์ที่ไม่สูงมากซึ่งตอนนี้ยังไม่มีค่ายไหนสามารถทำได้

มาพร้อมความหนา 1.19 เซ็นติเมตร แต่ด้วยความเป็นหลังเต่า ถือถนัด จับกระชับมือ ทำให้ Xperia XZ2 Premium นั้นยังคงถือเล่นด้วยมือเดียวได้อย่างสะดวก

ขนาดเครื่องอาจจะดูใหญ่ไปนิด ถ้าใส่ในกระเป๋ากางเกงยีนเดฟ ๆ อาจจะลำบากหน่อย แต่ถ้าคุณยอมรับในจุดนี้ได้ การได้พกพามันไปเที่ยวในที่ต่าง ๆ จะทำให้คุณได้ภาพที่ไม่ทำให้ผิดหวังเลยล่ะ

ตัวเครื่องที่มีเฉดสีที่สะท้อนความวาวสวยงามตามสไตล์ Premium ก็ยังคงต้องแลกมาด้วยลายนิ้วมือที่เกิดขึ้นได้ง่าย และดีไซน์แบบหลังโค้งซึ่งมันทำให้จับถนัดมือก็จริง แต่การใช้งานจริง ๆ แล้วผมมักเจอปัญหากับการวางมือถือไว้บนโต๊ะกระจกหรือที่มีพื้นผิวลื่น ๆ เพราะเครื่องมันจะค่อนข้างไหลได้ และดีไซน์แบบ Ambient Flow ซึ่ง Flow สมชื่อจริง ๆ เพราะเคยนั่งรถอยู่ดี ๆ ก็ไหลออกจากกระเป๋ากางเกงได้ ฮ่า ตรงนี้แนะนำให้หาเคสมาใส่จะตัดปัญหาเหล่านี้ไปได้ครับ

ถือว่าผิดคาดกับ Xperia XZ2 Premium ที่ผมเห็นขนาดและน้ำหนักตอนงานเปิดตัวแล้วคิดว่ายังไงก็น่าจะใช้งานยากเพราะขนาดที่ใหญ่ แต่ตอนใช้งานจริงตัวเครื่องด้วยขอบที่โค้งมนเลยค่อนข้างจับได้สะดวก ว้สดุตัวเครื่องยังคงความเป็นพรีเมี่ยมอยู่ ตอนถือใช้งานมีความรู้สึกถึงความแน่นในงานประกอบ

สเปคโดยรวมของ Xperia XZ2 Premium สเปคจะยังไม่โดดจากรุ่นน้องที่เปิดตัวออกมาก่อนอย่าง Xperia XZ2 มากนัก เรียกว่าเป็นการอัพเกรดความเป็นพรีเมี่ยมอย่างหน้าจอ 4K HDR และกล้องคู่ที่เพิ่มเข้ามา เรามาดูสเปคต่าง ๆ กันเลยดีกว่า

  • มาพร้อมกับชิปเซ็ต  Qualcomm® Snapdragon™ 845 ที่จัดได้ว่าแรงสุดในตลาดตอนนี้
  •   RAM 6GB และพื้นที่ความจำภายใน 64GB UFS (เหลือใช้งานจริงประมาณ 49GB) รองรับ Micro SD แบบ SDXC ความจุสูงสุด 2TB
  • รองรับ Dual-SIM และ  5CA LTE, 4X4 MIMO ความเร็วดาวน์โหลดผ่าน LTE สูงสุด 1.2 Gbps 
  • มาตรฐานการกันน้ำ IP65/68 กันน้ำสาดและกันฝุ่นได้สบาย ใช้กระจก 
    Corning® Gorilla® Glass 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทนทานแน่นอน
  • แบตเตอรี่  3540 mAh มาพร้อมกับโหมดประหยัดพลังงาน 
    STAMINA Mode และเทคโนโลยียืดอายุแบตเตอรี่ 
    Battery Care รองรับ  Quick Charge™ 3.0 และการชาร์จแบบไวเลส (Qi)
  • หน้าจอ 5.8 นิ้ว  (2160 x 3840) HDR TRILUMINOS™ Display
  • กล้องหลังตัวแรก เป็นเลนส์ไวด์ กว้าง 25 mm ความละเอียด 19MP Motion Eye™ ขนาดเซ็นเซอร์ 1/ 2.3” Exmor RS™ (ขนาดพิกเซล
    1.22μm) ค่ารูรับแสง 1.8
  • กล้องหลังตัวที่สอง เป็นเซ็นเซอร์ขาว-ดำ ความละเอียด 12MP  ขนาดเซ็นเซอร์  1/2.3″ Exmor RS™  (ขนาดพิกเซล 1.55μm)  ค่ารูรับแสง 1.6
  • รองรับการถ่ายแบบ  Super slow motion (960fps) ที่ความละเอียด Full-HD 1080p,  โหมดคาดเดาการถ่ายภาพ Predictive Capture (เพิ่มความคาดเดาด้วยรอยยิ้มเข้ามา), ถ่ายวีดีโอแบบ 4K HDR, กันสั่น 5 แกน และโหมดที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่อย่าง Bokeh และ Monochrome
  • กล้องหน้าความละเอียด 13MP Exmor RS™ ขนาดเซ็นเซอร์  1/ 3,06” เป็นเลนส์แบบกว้าง 22mm ถ่ายภาพหมู่ได้สบาย มาพร้อม F2.0 และกันสั่น 5 แกนเหมือนกล้องหลัง
  • เสียงรองรับไฟล์ความละเอียด High-Res (LPCM, FLAC, ALAC, DSD) มาพร้อมกับระบบ  DSEE HX™,  Clear Audio+ และ LDAC
  • ขนาดตัวเครื่อง 15.8 x 8 x 1.19 เซ็นติเมตร หนัก 236 กรัม
  • วางจำหน่ายทั้งหมด 2 สีคือ Chrome Black (ดำเงา) และ Chrome Silver (เงินเงา)

หน้าจอ 4K HDR ตัวที่สองต่อจากรุ่นพี่อย่าง Xperia XZ2 Premium แต่สิ่งที่แตกต่างจากก่อนเลยคือฟังก์ชั่น Up-convert ที่จะยกระดับวีดีโอแบบ SDR (ธรรมดา) ให้เป็นวีดีโอแบบ HDR และใช้ชิปเซ็ตแยกเฉพาะสำหรับการ Up-scale เป็นความละเอียด 4K ทำให้ไม่ต้องใช้ชิปเซ็ตเครื่องมาประมวลผลแบบตอน Xperia Z5 Premium ทำให้ประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น และทำให้ไม่จำกัดเฉพาะแอปดูภาพหรือวีดีโออีกต่อไป เพราะด้วยฟังก์ชั่นนี้ทำให้การแสดงผลเป็น 4K ตลอดเวลา

UI ต่าง ๆ จะรูปแบบไม่เปลี่ยนไปมากจากเดิม ยังคงความคล้ายคลึง Pure Android อยู่ไม่ว่าจะเป็นเมนู Notification, App drawer หรือไอคอนต่าง ๆ ตรงนี้ใครเคยใช้ Xperia รุ่นเก่า ๆ หรือ Android มาก่อนสามารถทำความคุ้นเคยได้ไม่ยากครับ

หน้าจอความละเอียดสูงสุดในตลาดตอนนี้ 4K HDR  TRILUMINOS™ Display ให้ความคมชัดในทุก ๆ จุด ลองวางเทียบกับ Xperia XZ2 ปรับหน้าจอสว่างสุดทั้งคู่จะเห็นว่า Xperia XZ2 Premium นั้นภาพที่ได้จะออกไปในโทนสว่างมากกว่า

เทียบหน้าจอกับไฟล์ 4K HDR แสง เงาต่างๆ หรือรายละเอียดของภาพกินกันไม่ลงระหว่างรุ่นน้อง Xperia XZ2 อันนี้ถ้าไม่เอามานั่งเทียบจริง ๆ แยกไม่ออกครับ

การสแกนนิ้วมือยังอยู่ในตำแหน่งกลางเครื่องเหมือนเดิม ซึ่งโดนหลาย ๆ คนติมาว่าเป็นตำแหน่งที่ต่ำไปใช้งานได้ยากเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ ที่ตำแหน่งอยู่สูง แต่จุดนี้ผมลองใช้งานแบบปกติโดยใช้นิ้วก้อยรองเพื่อให้ถือพิมพ์ได้สะดวก จะเห็นว่าตำแหน่งนิ้วชี้นั้นอยู่บริเวณตัวเซ็นเซอร์พอดี ซึ่งพอใช้ไปซักพักจะรู้สึกว่าตำแหน่งตรงนี้ก็เหมาะพอสมควร แต่จะมีให้ติก็ตรงที่เอาสแกนลายนิ้วมือไว้ต่ำ แต่เอาปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงไว้สูงกว่าเดิมนี่แหละ

ตัวนี้ยังมาพร้อมกับไวเลสชาร์จที่รองรับมาตรฐาน Qi ซึ่งจะชาร์จเร็วกว่าไวเลสชาร์จสมัยก่อน ๆ ซึ่งสร้างความสะดวกเวลาผมวางมือถือไว้บนโต๊ะทำงาน เพราะสามารถหยิบขึ้นมาใช้ได้สะดวก ใช้เสร็จก็วางกลับเพื่อชาร์จต่อ ด้านความร้อนก็ไม่สูงเกินไป และการออกแบบของ Xperia จะมีชั้นแผ่นเหล็กคอยกั้นระหว่างแบตกับขดลวดทำให้ความร้อนนั้นไม่กระจายไปที่แบตมาก ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้

ความแรงก็หมดห่วงกับ Snapdragon™ 845 สามารถรองรับเกมในปัจจุบันได้ทั้งหมด ปรับภาพให้สวยสุดทั้ง PUBG และ ROV ก็ยังไม่เจออาการแลคจากการเล่นแต่อย่างใด การใช้งานทั่วไปลื่นไหล ไม่มีอาการหน่วง
นอกจากนั้นยังมีระบบ Dynamic Vibration System ที่จะคาดเดาการสั่นจากเสียงไม่เราจะดู Trailer หนังหรือฟังเพลงก็สามารถมีอารมณ์ร่วมจากการสั่นของตัวเครื่องได้ (นึกถึงเวลาเราเล่นเกมผ่านจอย PS4 แล้วมันสั่นตามจังหวะที่โดนกระแทกในเกม) แต่น่าเสียดายที่ฟังก์ชั่นนี้ยังจำกับเกมที่รองรับอยู่

ลองใช้ฟีเจอร์ Remote play จากเครื่องเล่นเกม PS4 ขึ้นมาเล่นบน Xperia XZ2 Premium ก็ได้ (สำหรับพ่อบ้านที่โดนแย่งทีวีดูละคร) ปรับภาพเป็น 1080p สามารถเล่นได้ลื่นไหล ไม่มีอาการกระตุกให้เห็น

ด้านเสียงมาพร้อมกับฟีเจอร์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Clear Audio+ ที่จะทำให้เสียงใสและฟังออกลำโพงได้ดังขึ้น, DSEE HX™ ที่จะยกระดับไฟล์เสียงธรรมดาทั่วไปให้มีความละเอียดเทียบเท่า Hi-res Audio ลำโพงคู่หน้ายังมาพร้อมกับระบบ  Stereo ทำงานร่วมกับ S-Force Front Surround ให้เสียงที่ดังกว่าเดิม

เต็มอิ่มกับเพลง High-Resolution Audio รองรับไฟล์ LPCM, FLAC, ALAC, DSD สามารถฟังเพลง Hi-res ผ่านบลูทูธโดยไม่เสียรายละเอียดของเสียงผ่านเทคโนโลยี LDAC และ  aptX HD audio

กล้องหลังคู่ตัวแรกของ Xperia มาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผลภาพ AUBE™ fusion image signal processor ทำให้ถ่ายภาพกลางคืนได้ดีกว่าเดิม เพราะใช้ความได้เปรียบของเซ็นเซอร์ขาว-ดำและสีเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถดัน ISO ไปได้ถึง ISO51200 และถ่ายวีดีโอได้ที่ ISO 12800 ทำให้เก็บรายละเอียดในที่แสงน้อยได้ดีกว่าเดิม

โดยการดึงศักยภาพของเซ็นเซอร์กล้องขาว-ดำที่มีความคมชัดเพราะไม่ต้องมีฟิลเตอร์สี RGB คั่นระหว่างตัวเซ็นเซอร์กับแสงที่เข้ามา และกล้องสีเข้าที่จะเก็บรายละเอียดสีที่จุดต่าง ๆ ของภาพเข้าด้วยกัน

ตัวอย่างภาพถ่ายจากการตั้งค่ากล้องต่าง ๆ โดยเราลองถ่ายตอนที่นั่งร้อนในรถเมล์ระหว่างรอมันออกจากท่า ซึ่งแทบไม่มีแสงสว่างเลย ลองถ่ายด้วยโหมด Superior Auto (ภาพแรก) จะเห็นว่าภาพที่ได้นั้นมืดสนิทมองไม่เห็นอะไรเลย เราเลยลองใช้โหมดกล้องคู่ดูบ้าง (ภาพสอง) ภาพที่ได้นั้นสว่างขึ้นมาเยอะเลย แต่ว่าก็แลกมากับ Noise ที่เยอะพอสมควรเหมือนกัน กับ WB ที่ติดโทนเขียวไปบ้าง แต่สามารถแก้ด้วยแอปแต่งภาพภายหลังได้ กับอีกภาพที่เราลองใช้งาน Long Exposure ดูบ้าง (ภาพสาม) สีที่ได้ตรง ภาพสว่าง แต่ว่าภาพสั่น เพราะมือที่ถ่ายนั้นถือได้ไม่นิ่งพอ

คราวนี้เราลองมาเทสโดยการตั้งกล้องถ่ายกันบ้าง โดยภาพแรกจะถ่ายจากโหมด Superior Auto ส่วนภาพสองจะใช้กล้องคู่ถ่าย โดยดัน ISO ที่ 10000 ส่วนภาพที่สามจะใช้เทคนิคลากสปีดชัตเตอร์ 1 วินาที สรุปได้ว่าถ้าใครไปถ่ายภาพและพกขาตั้งกล้องแบบมินิไปด้วยแนะนำให้ใช้ลากสปีด 1 วินาที ภาพที่ได้นั้นจะดูใสและสีตรงกว่า แต่ถ้าไม่มีและในมุมมืดนั้นคุณอยากได้ภาพจริง ๆ รับรองว่าโหมดกล้องคู่ที่ดัน ISO ได้ถึง 51200 นั้นไม่ทำให้คุณผิดหวังครับ

ตัวอย่างภาพกลางคืนโดยใช้โหมด Superior Auto จากกล้อง Xperia XZ2 Premium

ทดสอบการถ่ายวีดีโอตอนกลางคืนโดยเปิดใช้งานฟังก์ชั่นชิปประมวลผลภาพ AUBE™ fusion image signal processor ของ Xperia XZ2 Premium

ทดสอบเทียบกับ Xperia XZ Premium ที่ไม่มีชิปประมวลผลกล้องคู่ดูบ้างว่าความแตกต่างเป็นยังไง

คราวนี้เราลองมาดูความแตกต่างของวีดีโอ 4K กับ Full-HD ที่ถ่ายด้วย Xperia XZ2 Premium กันบ้างว่าความแตกต่างของภาพจะต่างกันหรือไม่

จะเห็นได้ว่าการกันสั่น 5 แกนนั้นบนความละเอียด Full-HD จะให้ภาพที่นิ่งกว่าการถ่ายด้วยความละเอียด 4K แต่ภาพโดยรวมนั้นไม่แตกต่างกันมาก การวัดแสง การเปลี่ยนจุดโฟกัสถือว่าทำได้ไวพอ ๆ กัน

เมื่อมีกล้องคู่ ก็ต้องมีโหมดหน้าชัดหลังเบลอ หลังจากที่ Sony พยายามดันแอป Background De-Focus ที่เป็นแอปหน้าชัดหลังเบลอแอปแรก ๆ สมัย Xperia Z2 แต่ด้วยข้อจำกัดด้าน Hardware ที่ต้องอาศัยการถ่ายสองจังหวะโดยการเลือกจุดโฟกัสคนละที่แล้วเอาภาพมาประมวลผลร่วมกันทำให้ใช้งานในชีวิตจริงได้ยากและเบลอตามขอบได้ไม่เนียน จนเมื่อมีกล้องคู่โซนี่ก็ได้นำแอปนี้มาพัฒนาต่อ จัดการฝังอยู่ในโหมด Auto ของกล้องและให้ชื่อมันว่า “BOKEH”

ลองใช้งานในโหมดนี้พบว่าทำงานได้เร็วกว่าแต่ก่อนมากเพราะไม่ต้องรอจังหวะถ่ายสองภาพอีกต่อไป การเบลอฉากหลังทำได้เนียน ไล่ระดับการเบลอได้ดีทำให้วัตถุที่ถ่ายไม่ดูเด้งจากพื้นหลังจนเกินไปจนดูหลอกตา สามารถเลือกระดับความเบลอได้เพื่อให้ได้โบเก้ดวงที่ใหญ่ขึ้น

โหมด Monochrome นั้นช่วยให้ถ่ายภาพเล่าความรู้สึกได้ดีกว่าเดิม ดึงเสน่ห์ของภาพขาว-ดำซึ่งจะทำให้ภาพนั้นดูมีมิติชัดเจน การไล่โทนสีจากส่วนมืดและสว่างทำได้ดี แต่ภาพที่ได้นั้นอาจจะดูหนัก Contrast ไปนิด (แต่ว่าสามารถเลือกปรับค่า Contrast ได้)

เทียบภาพถ่ายสีปกติและถ่ายจาก Monochrome

ตัวอย่างภาพขาว-ดำ จากโหมด Monochrome

กล้องหน้ากลับมาใช้ความละเอียด 13MP Exmor RS™ อีกครั้ง ขนาดเซ็นเซอร์  1/ 3,06” เป็นเลนส์แบบกว้าง 22mm ถ่ายภาพหมู่ได้สบาย มาพร้อม F2.0 ทำให้ละลายหลังได้ระดับนึง และกันสั่น 5 แกนเหมือนกล้องหลัง 

ภาพถ่ายตัวอย่างกล้องหน้า จากสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเช่นภาพแรกถ่าย Outdoor ทั่วไปจะเห็นว่าในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอนั้นจะให้ภาพที่เหมือนจริง รายละเอียดต่าง ๆ คมชัด ส่วนภาพที่สองลองถ่ายจาก Indoor ดูบ้างจะเห็นว่าภาพที่ได้นั้น Contrast จะลดลงไปพอสมควรภาพจะออกดูโทนสว่าง ๆ สีซีดลงเล็กน้อย ส่วนภาพที่สามลองไปนั่งกินร้านอาหารตอนกลางคืน โดนหลอดโทนอุ่นเข้าเต็ม ๆ ที่ภาพที่ได้ก็ไม่มีอาการอมส้มมากเกินไปสามารถแต่งภาพเพื่อแก้สีผิวหรือโทนภาพกลับมาได้อยู่

Xperia XZ2 Premium นั้นอาจเป็นก้าวที่ช้าของโซนี่ในการนำกล้องคู่มาใส่ใน Smartphone แต่ว่าช้า ๆ ได้พร้าเล่มงามอาจเป็นสุภาษิตที่เหมาะกับกล้องคู่ตัวนี้เพราะว่าชิปประมวลผลภาพ “AUBE” นั้นทำออกมาได้โหดกว่าที่คิด เรียกว่าได้ถ่ายภาพตอนกลางคืนตอนนี้ทำได้ดีกว่าเก่ามาก และชิปเซ็ตตัวนี้ทำให้ Xperia XZ2 Premium ตัวนี้เป็นมือถือที่ถ่ายวีดีโอในที่มืดได้โหดสุดในตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้

ส่วน Hardware ด้านอื่น ๆ นั้นยังคงไม่ทิ้งห่างตัว Xperia XZ2 มากนัก แต่ก็มีการเพิ่มสเปคเล็กน้อยเช่น RAM ที่ยอมเพิ่มมาเป็น 6GB และหน้าจอที่ใหญ่กว่าและมาพร้อมกับความละเอียด 4K HDR นั้นก็ต้องมาเลือกกันอีกทีว่าสเปคนี้และกล้องคู่จะพอให้คุณเจียดเงินจำนวน 27,990 บาทขึ้นมาจัดมันดีหรือไม่ หรือจะเลือกอยู่กับกล้องเดี่ยวต่อไปแต่ประหยัดเงินไปได้อีก เพราะด้วยส่วนต่างราคาของ Xperia XZ2 ตอนนี้ย่อมสร้างความลังเลในการเปย์ Xperia ไม่น้อย

แต่สำหรับใครที่ลองดูรีวิวคร่าว ๆ ของเราแล้ว กระเป๋าตังค์สั่นมากพอคิดว่ายังไงก็ต้องเอาไปแลกกับ Xperia XZ2 Premium มาไว้พกติดตัวไปเที่ยวถ่ายรูปในสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Vlog ยามค่ำคืนหรือดินเนอร์ในร้านหรูที่มีแต่เทียนตั้งแสงน้อย ๆ รับรองว่า Xperia XZ2 Premium เครื่องนี้จะช่วยให้คุณได้ภาพที่อยากได้แน่นอนครับ 🙂

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความรู้สึกของคุณต่อบทความนี้ อย่าลืมที่จะแชร์ให้คนอืนได้รู้ความรู้สึกนี้ .
บอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้
  • ประทับใจสุดๆ
  • ดีจังเลย
  • โกรธสุดๆ
  • เฉยๆ อ่ะ
  • รู้สึกหดหู่