Xperia XZ1 Compact ต่อยอดความเป็นมือถือขนาดเล็กกะทัดรัดสเปคเรือธงซึ่งแตกต่างไปจากตลาดในปัจจุบันที่ผู้คนส่วนมากนิยมมือถือจอใหญ่ๆ ทำให้มือถือจอเล็กส่วนมากสเปคก็จะถดถอยไปตามขนาดหน้าจอ แต่กรณีดังกล่าวจะไม่พบบน Xperia XZ1 Compact เรือธงไซส์เล็กรุ่นล่าสุดของ Sony Mobile อย่างแน่นอน

    ตัวเครื่องหลักๆจะใช้สเปคเดียวกับรุ่นพี่ Xperia XZ1 และ Xperia XZ Premium แทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นกล้อง Motion Eye ความละเอียด 19 ล้านพิกเซล หรือชุดชิปประมวลผลที่เลือกใช้ Snapdragon 835 และมาพร้อมกับกล้องหน้าที่เป็นเลนส์มุมกว้าง Super-wide สำหรับเซลฟี่เป็นกลุ่ม ทำให้มันเป็นมือถือขนาดเล็กที่น่าสนใจไม่น้อย เราไปดูกันดีกว่าว่าการอัพเกรดซีรี่ย์ Compact ในครั้งนี้มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

    ตัวเครื่องมาในขนาดกะทัดรัดเหมือนเคย โดยกล่องที่บรรจุจะเป็นกล่องกระดาษแข็งขนาดใหญ่กว่าตัวเครื่องเล็กน้อย เมื่อเปิดกล่องขึ้นมาจะพบลวดลาย Loop Surface ซึ่งเป็นลายวอลเปเปอร์ที่ใช้ในซีรี่ย์ Xperia XZ1 โดยอุปกรณ์ในกล่องจะมีสาย USB แบบ Type-C, อะแดปเตอร์ที่ชาร์จและหูฟังแบบมาตรฐาน

    ดีไซน์ตัวเครื่องนั้นจะเหมือนกับ Xperia XZ1 ขนาดย่อส่วนลงนั่นเอง โดยมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.6 นิ้ว ความละเอียด HD 720p ที่มีเทคโนโลยี TRILUMINOS™ ซึ่งช่วยให้สีที่สมจริงและแสดงเฉดสีได้มากกว่าเดิม ดีไซน์จะยังคงความเป็น Loop Surface ผสม Omnibalance เช่นเดิม แต่ว่าขอบข้างจะโค้งไม่เยอะมากเท่ากับ Xperia XZ1 มีลำโพงทั้งด้านบนและล่างเพื่อทำงานร่วมกันเป็นระบบเสียงสเตอริโอ โดยเสียงที่ได้นั้นให้ความรู้สึกที่ดังกว่ารุ่นก่อนๆ อย่าง Xperia X Series อย่างชัดเจน รุ่นนี้ทาง Sony อ้างว่าดังกว่ารุ่นก่อนถึง 50%

    ด้านบนเรียงจากด้านซ้ายจะเป็นตำแแหน่งของไฟแจ้งเตือน LED ถัดมาเป็นกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, ลำโพงสนทนา และเซ็นเซอร์วัดแสงกับ Proximity sensor

    ด้านหลังทำจากวัสดุพลาสติกผิวด้าน จากที่ลองใช้งานการสัมผัสนั้นให้ความรู้สึกดีกว่าพลาสติกทั่วไปๆ การกลับมาใช้ผิวแบบด้านอีกครั้งทำให้ไม่มีปัญหาลายนิ้วมือแบบ Xperia X Compact แต่ถ้าวางราบกับพื้นบ่อยๆโดยไม่ใส่เคสอาจต้องระวังพวกรอยขนแมวต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยตำแหน่งกล้องยังอยู่มุมบนซ้ายเช่นเดิม แต่ตำแหน่งแฟลช LED กับเซ็นเซอร์ต่างๆจะย้ายไปวางด้านบนในแนวนอนแทน ส่วน NFC สำหรับแตะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆนั้นอยู่เหนือโลโก้ XPERIA ที่อยู่ตรงกลางด้านหลัง

    ด้านข้างยังคงตำแหน่งการเรียงปุ่มแบบเดิม ไล่จากบนลงล่างจะเป็นปุ่มเพิ่ม/ลดเสีบง ปุ่ม Power ที่ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว และล่างสุดจะเป็นปุ่มชัตเตอร์กล้องถ่ายภาพแบบ 2 จังหวะคือ Focus และ Capture

อีกด้านหนึ่งจะเป็นช่องสำหรับใส่ nano SIM และ Micro SD card โดยจะมีฝาปิดพอร์ตขนาดใหญ่ปิดไว้อีกที

    ด้านบนจะเป็นตำแหน่งไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวนหรือใช้ในการบันทึกเสียงแบบสเตอริโอ ถัดมาด้านข้างจะเป็นพอร์ตหูฟัง 3.5 มม. ซึ่งตอนนี้หลายๆแบรนด์เลือกที่จะไม่ใส่มาแล้ว

ด้านล่างจะเป็นตำแหน่งไมโครโฟนสนทนา และพอร์ต USB Type-C

    ความบางของ Xperia XZ1 Compact ถ้าเทียบกับมือถือยุคปัจจุบันนั้นจะถือว่าค่อนข้างหนา แต่สามารถถือเล่นมือเดียวได้สะดวกเลย เพราะตัวเครื่องที่มีขนาดกระทัดรัด

    พอร์ตด้านซ้ายจะแยกจากกันเป็นสองถาดคือ ถาดใส่ SIM (ถาดเล็ก) โดยจะใช้เป็น SIM แบบ nano SIM และถาดใส่ Micro SD card (ถาดใหญ่ที่ติดกับฝาปิดพอร์ท) สำหรับรุ่นนี้จะไม่รองรับการใช้งาน Dual SIM

    โดยรวม Xperia XZ1 Compact นั้นรูปทรงยังถูกออกแบบมาให้สะดวกในการพกพา มีขนาดกะทัดรัดสามารถถือเล่นด้วยมือเดียวได้อย่างสะดวก

Xperia XZ1 Compact เป็นสมาร์ทโฟนรุ่น Compact ที่ Sony ได้กลับมาเลือกใช้สเปคหลักแบบเดียวกับรุ่นเรือธงจอใหญ่ในซีรี่ย์เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Snapdragon 835 ชุดชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดที่เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม การวาง layout บอร์ดเครื่องแบบใหม่ การเพิ่ม RAM เป็น 4GB และการเปลี่ยน Internal Memory มาใช้แบบ UFS 2.1 ซึ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก (แต่ยังคงความจุไว้ที่ 32GB T_T ) เดี๋ยวเราจะพาไปดูส่วนต่างๆกันว่า Xperia XZ1 Compact นั้นได้เพิ่มฟีเจอร์ใดเข้ามาจากตัวก่อนๆบ้าง

Specification

  • หน้าจอ HD 720p มาพร้อมกับเทคโนโลยีช่วยปรับสีการแสดงผลให้สมจริงยิ่งขึ้นอย่าง Triluminos Display รองรับเฉดสีที่ sRGB138% เทคโนโลยีปรับปรุงคุณภาพภาพและวิดีโอ X-Reality Engine ใช้กระจก Corning Gorilla Glass 5 ที่ทนรอยชีดข่วนถึงระดับ 5
  • ประมวลผลด้วยชุดชิปประมวลผล Snapdragon 835 64-bit พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 540 และระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo
  • RAM 4GB (LPDDR4X Bus 1866MHz ) พื้นที่หน่วยความจำภายใน 32GB แบบ UFS 2.1 โดยมี read speed อยู่ที่ 1.5 Gbps อ่านข้อมูลไวกว่าเดิม 3 เท่า สามารถเพิ่มหน่วยความจำด้วย microSDXC ได้อีก 256GB
  • กล้องหลังความละเอียด 19 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Exmor RS IMX400, พร้อมเทคโนโลยี hybrid AF, 960fps Super slow motion, 4K video recorder [Motion Eye Sensor]
  • กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Exmor R ขนาด 1/4 นิ้ว เป็นเลนส์แบบ ultra wide 18mm สามารถปรับองศาการรับภาพให้กว้างสูงสุดถึง 120 องศา
  • รองรับ LTE (4G) Cat15 พร้อมความเร็วในการดาวน์โหลดสูงถึง 800Mbps, A-GNSS (GPS + GLONASS), WiFi Miracast, Bluetooth® 5.0 และ DLNA Certified®
  • แบตเตอรี่ความจุ 2700 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Quick Charge 3.0 มาพร้อมเทคโนโลยียืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ Qnovo Adaptive Charging และโหมดประหยัดพลังงาน Smart Stamina 3.0
  • ใช้ USB Type-C™ เวอร์ชั่น 3.1 Gen 1
  • ด้านเสียงรองรับ Hi-Res Audio, ระบบเสียงความละเอียดสูง (LPCM, FLAC, ALAC, DSD) DSEE HX, Clear Audio+, Stereo Recording และเทคโนโลยี Digital Noise Cancelling รองรับการเข้ารหัสการส่งสัญญาณเสียงผ่านบลูทูธในรูปแบบ LDAC และ aptX™ HD
  • มาตรฐานการกันน้ำ/กันฝุ่นอยู่ที่ IP65/68
  • รองรับการสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power ของเครื่อง
  • ขนาดของตัวเครื่อง 65 x 129 x 9.3 mm หนัก 143 g
  • มี 4 สีให้เลือกคือ สีขาวเงิน, สีดำ, สีฟ้าขอบฟ้า และ สีชมพูทไวท์ไลท์

    หน้าจอยังคงอยู่ที่ขนาด 4.6 นิ้ว ความละเอียดยังเป็น HD 720p เช่นเดิม มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถแสดงเฉดสีได้มากกว่าเดิมอย่าง TRILUMINOS™ และ X-Reality™ ยังไม่รองรับ HDR แบบรุ่นพี่ทั้งสอง แต่ก็มีโหมด Dynamic Contrast Enhancer ที่จะปรับสีและช่วงความสว่างให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เราใช้งาน และยังรองรับเฉดสีได้ถึง sRGB 138% ซึ่งสามารถแสดงเฉดสีได้มากกว่าจอทั่วไป สามารถใช้แต่งภาพได้สบายๆไม่ต้องกลัวหลอกตา

    เนื่องจากใช้กล้องโมดูลเดียวกัน Xperia XZ Premium ทำให้มีโหมด 3D Creator เพิ่มเข้ามา โดยสามารถเลือกสแกนบุคคลหรือวัตถุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือวัตถุจับต้องได้อื่นๆ

    โดยการสแกนจะแบ่งเป็นสามรอบคือ เริ่มจากแพนกล้องไปรอบๆวัตถุเพื่อทำการวัดระดับความตื้นลึกของพื้นผิวก่อน ซึ่งขั้นตอนนี้แนะนำว่าให้ค่อยๆแพนกล้องช้าๆ และวนซ้ำอีกรอบเพื่อความแม่นยำ สำหรับใครที่ใช้ครั้งแรกแล้วถ่ายออกมาบูดๆเบี้ยวๆไม่ต้องตกใจนะครับ เรามีเทคนิคมาแนะนำคือ ให้ลองวางวัตถุให้ห่างจากฉากหลัง หาพื้นที่โล่งๆแล้วหาฐานให้วัตถุที่จะสแกนอย่าวางสแกนกับพิ้น

    จากนั้นขั้นตอนต่อไปคือการลงพื้นผิววัตถุ โดยต้องแพนกล้องไปรอบๆให้สีเขียว (ส่วนที่ทำการบันทึกพื้นผิวแล้ว) คลุมวัตถุทั้งหมด

เมื่อเสร็จเราก็จะได้แก้วกาแฟโบราณแบบ 3 มิติแล้ว 🙂

    เราลองมาสแกนอาหารกันดูบ้างดีกว่าโดยเราจะลองใช้อาหารที่เรียบๆไม่ค่อยมีส่วนนูนขึ้นมาอย่างพิซซ่า ดูว่า 3D Creator นั้นสามารถสแกนแยกส่วนนูนอันน้อยนิดนี้ได้หรือไม่ โดยการเริ่มต้นสแกนของแต่ละโหมดจะไม่เหมือนกัน ของบุคคลจะเริ่มจากด้านซ้ายของใบหน้าไล่ไปทางขวารอบๆ เช่นเดียวกับวัตถุ แต่อาหารจะเริ่มจากด้านบนโดยถ่ายให้อาหารอยู่กลางวงกลมและเริ่มถ่ายไล่ลงมา

โดยวิธีการจะคล้ายๆเดิมคือสแกนรอบแรกเพื่อจำลองพื้นผิวของอาหาร และรอบที่สองเพื่อลงรายละเอียดวัตถุ

เสร็จแล้ว! สำหรับเมนูพิซซ่าสามมิติของเรา ถือว่ายังเก็บรายละเอียดความตื้นลึกของวัตถุที่มีลักษณะแบนราบได้ดีพอสมควร

    สำหรับการสแกนบุคคลนั้นยังสามารถนำไปเล่นต่อในแอป AR เพื่อใส่เป็นตัวการ์ตูนต่างๆ เซ็ตท่าทางทำเป็นคลิปน่ารักๆส่งให้เพื่อนได้ด้วย หรือสำหรับใครที่มีเครื่องพิมพ์ 3 มิติสามารถใช้ไฟล์ที่เราสแกนได้ สั่งพิมพ์ได้โดยตรง

ตัวอย่างการใช้งานโหมด AR ในการนำใบหน้าที่เราได้สแกนไปใช้กับตัวการ์ตูนต่างๆ

    ถึงจะเป็นรุ่นเล็ก แต่ Xperia XZ1 Compact นั้นก็มาพร้อมกับชิปเซ็ตระดับท็อปอย่าง Snapdragon 835 และใช้ชิปกราฟิก Adreno 540 ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องประสิทธิภาพการทำงานที่ได้ แรงเทียบเท่าเรือธงรุ่นพี่แน่นอนลองทดสอบเล่นเกม ROV และ Linage II เปิดกราฟิกแบบจัดเต็มทั้งคู่ก็ไม่พบอาการกระตุกแต่อย่างใด

    รวมถึงการใข้งานด้านอื่นๆอย่างแต่งภาพ ก็สามารถแสดงเอฟเฟค แบบ real time ได้โดยไม่มีสะดุดหรือรอโหลด นอกจากนั้นการเปลี่ยนมาใช้ Internal Memory แบบ UFS ก็ทำให้สามารถโหลดเกมได้ไวขึ้น การดูรูปในอัลบั้มสามารถโหลดได้ทันแม้เราจะเลื่อนไวๆก็ตาม เนื่องจากความเร็วของ UFS Memory อยู่ที่ 1.5Gb/วินาที หรือเร็วกว่าเดิมถึง 3 เท่า

    ทดสอบ Benchmark ด้วยแอปต่างๆ คะแนนอยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว เรียกว่าเรื่องความเร็วแรงคงไม่ใช่ข้อจำกัดของซีรี่ย์ Compact อยู่แล้ว เพราะแต่ละตัวได้เลือกใช้ชิปเซ็ต Snapdragon ตัวท็อปในการใช้งานที่จอความละเอียด 720p ส่วน Internal Memory ที่เปลี่ยนมาใช้แบบ UFS นั้นก็ทำค่าความเร็วการอ่านและการเขียนอยู่ที่ Read 386MB/s ส่วน Write 86MB/s

    แบตเตอรี่จะใช้ขนาด 2700 mAh เท่ากับ Xperia XZ1 แต่ด้วยหน้าจอที่มีขนาดเล็กกว่าและความละเอียดี่น้อยกว่าทำให้การใช้งานโดยรวมทำได้ดีกว่ารุ่นพี่อยู่หน่อยๆ การใช้งานเล่นเกม หรือแอปทั่วโดยไม่รู้สึกว่ามันลดเร็วเท่าไร สามารถใช้งานในหนึ่งวันได้อย่างสบายๆ ตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบชาร์จเร็ว Quick Charge 3.0

    โหมดประหยัดพลังงาน STAMINA Mode เช่นเคย โดยมีทั้งแบบธรรมดาและ Ultra STAMINA mode สำหรับการประหยัดแบตสุดขีดอีกด้วย แต่มันจะตัดการเชื่อมต่อทุกอย่างทำให้เราเหมือนแค่ใช้โทรศัพท์โทรเข้าออกได้เฉย ๆ นอกจากนี้ยังสามารถเลือก STAMINA Level ได้ด้วย โดยมีทั้งหมด 3 ระดับด้วยกันคือ

  • Battery time preferred จะปิดการทำงานเกือบทุกอย่าง คล้าย ๆ กับ Ultra STAMINA Mode แต่จะยืดแบตได้ยาวนานที่สุด
  • Balanced power saving จะทำการปิดแค่บางฟีเจอร์เท่านั้น แต่ยังใช้งานโดยรวมทั่วไปได้ปกติอยู่ อาจลดความแรงของเครื่องลงนิดหน่อย
  • Device performance preferred จะปิดการทำงานแค่บางฟังก์ชั่นเท่านั้น แต่จะประหยัดแบตน้อยสุดใน 3 ระดับที่เกริ่นมา

Smart Stamina จะจัดสรรพลังงานของคุณให้ล่วงหน้า ทำให้สามารถบริหารจัดการแบตเตอรี่ให้อยู่ได้ทั้งวัน นอกจากนี้ก็ยังมีระบบถนอมอายุการใช้งานแบตเตอรี่

Battery Care ที่จะคอยเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้งานว่าควรชาร์จไฟช่วงไหนถึงช่วงไหนเช่นเราชอบเสียบชาร์จไว้ทั้งคืนแล้วถอดออกตอนเช้ามันก็จะจำพฤติกรรมนี้ไว้แล้วจะชาร์จรอแค่ 90% พอใกล้ถึงเวลาที่เราจะถอดมันก็จะเติมให้ครบ 100% แต่อันนี้ยังมีข้อด้อยตรงช่วงกลางวันที่ผมอยากรีบชาร์จให้มันเต็มแล้วออกไปทำธุระจะพบว่ามันจะเริ่มช้าลงช่วง 90-100% นอกจากนี้ ด้วยความที่ตัวเครื่องใช้ USB Type-C จึงสามารถทำให้มือถือเป็น Power bank จ่ายไฟให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย

การจับสัญญาณ GPS ถือว่าทำได้ดี ลองใช้งานนำทาง ไม่พบว่าตำแหน่งผิดเพี้ยนจากตำแหน่งจริง สามารถแสดง location ได้ตรงตามจุดที่เป็นอยู่

    แม้จะเป็นรุ่นเล็กแต่รองรับมาตรฐานการกันน้ำที่ IP65/68 ทำให้สามารถใช้ลุยทำกิจกรรมต่างๆได้ง่าย โดยไม่ต้องกังวลว่าโทรศัพท์เราจะโดนน้ำไหม รวมถึงสามารถล้างทำความสะอาดเวลาเผลอทำโกโก้ปั่นหกใส่ได้อย่างง่ายดาย แต่ต้องระวังเรื่องการนำเครื่องลงไปถ่ายใต้น้ำ เพราะความดันอากาศที่มากกว่าปกติอาจทำให้ซีลนั้นกันไว้ไม่อยู่ได้ และหลีกเลี่ยงการนำไปแช่กับน้ำทะเลเด็ดขาดครับ

    ระบบสแกนลายนิ้วมือยังคงใช้เป็นเซ็นเซอร์ที่ฝังไว้กับปุ่ม Power ด้านข้างเครื่องเช่นเดิม โดยความเร็วในการสแกนนั้นถือว่าทำได้เร็วมาก ชนิดที่ว่ากดปุ๊บก็ปลดล็อคปั๊บ แต่ก็มีข้อเสียเพราะว่าโซนี่รุ่นหลังๆมาได้ตัดฟีเจอร์ Tap to wake up ไปทำให้เวลาที่เราอยากจะแค่เปิดเข้าหน้า Lock screen เพื่อดูแจ้งเตือนแต่กลับปลดล็อคให้ซะงั้น ทำให้ต้องเลื่อน notification ลงมาอ่านอีกรอบ

    ถ้าถามว่า Xperia XZ1 Compact ว่าออกมาทำไมในยุคที่โทรศัพท์ต่างๆได้อัพหน้าจอไปที่ 5 นิ้วขึ้นไปกันแล้ว แน่นอนว่ายังมีคนอีกกลุ่มที่ยังต้องการใช้งานมือถือที่จอไม่ใหญ่มาก สามารถถือใช้งานมือเดียว หรือพกพาได้สะดวก รวมถึงสเปคไม่ลดหลั่นตามขนาดหน้าจอที่ลดลงมา หากคุณเป็นหนึ่งในนั้น รับรองว่า Xperia XZ1 Compact ตอบโจทย์คุณแน่นอนครับ

    แต่ถ้าใครที่เคยใช้โทรศัพท์ที่หน้าจอขนาดใหญ่มาก่อนอาจะไม่ค่อยชิน ถ้าเล่นแอปทั่วไป Facebook, twitter หรือ line อาจไม่รู้สึกเท่าไร แต่ถ้าใช้ browser หรือแอปที่ต้องใช้ multi touch เพื่อซูมเข้าออกบ่อยๆ อาจจะไม่ค่อยชิน

กล้องใช้เซ็นเซอร์ IMX400 Exmor RS ความละเอียด 19 MP ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.3 นิ้ว เป็นตัวเดียวที่ใช้ใน Xperia XZ1 และ Xperia XZ Premium โดยได้เพิ่มขนาดพิกเซลให้ใหญ่ขึ้นเป็น 1.22μm ทำให้รับแสงได้ดีขึ้นกว่าเดิม และการจัดวางเซ็นเซอร์ใหม่ทำให้ใช้ถ่ายวีดีโอนานๆไม่ร้อนแล้ว

    Sony ได้ทำการปรับปรุงเรื่องขอบเบลอที่เป็นปัญหามาอย่างยาวนานในเซ็นเซอร์ตัวนี้แล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาภาพที่เบี้ยวเป็นลูกคลื่น (ซึ่งตอนนี้โซนี่ได้ออกซอฟแวร์มาแก้ปัญหาดังกล่าวเรียบร้อยแล้วในรุ่น Xperia XZ Premium, Xperia XZ1 และ Xperia XZ1 Compact)  มาพร้อมพร้อมกับเทคโนโลยี Triple Image Sensing เช่นเดิม เพิ่มเติมคือ 3D Creator สำหรับสแกนวัตถุต่างๆเป็นโมเดลสามมิติ โดยสามารถสรุปสเปคเซ็นเซอร์ต่างๆได้ตามนี้โดยสามารถสรุปฟีเจอร์กล้องที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจากเดิมได้ดังนี้

  • CMOS Sensor ขนาด 1/2.3 นิ้ว รองรับเทคโนโลยี Phase detection Auto Focus และ Predictive Hybrid Auto Focus ที่โฟกัสได้ไวกว่าเดิมและสามารถเดาการเคลื่อนที่ล่วงหน้าของวัตถุได้ ทำให้ไม่หลุดโฟกัส
  • ขนาดพิกเซลใหญ่ขึ้นเป็น 1.22μm หรือใหญ่กว่าเดิม 19% ทำให้สามารถเก็บแสงได้มากขึ้น  สามารถถ่ายภาพในที่สภาพแสงน้อยได้ดีกว่าเดิม และลด Noise ในภาพลง
  • เป็นกล้องรุ่นแรกที่ฝังหน่วยความจำ DRAM ลงบนเซ็นเซอร์ ช่วยให้ประมวลผลเร็วกว่าเดิม 5 เท่า จากที่ลองสามารถกดถ่ายรัวๆได้โดยไม่ต้องรอมันบันทึกภาพแล้ว
  • ด้วยอานิสงส์ของการฝัง DRAM ลงบนเซ็นเซอร์ ทำให้สามารถถ่ายวัตถุที่เคลื่อนไหวเร็วๆโดยไม่มีอาการบิดเบี้ยวของวัตถุแล้ว
  • เทคโนโลยี Motion Eye มาพร้อมกับฟีเจอร์ Predictive capture และ Super-slow motion 960fps
  • RGBC-IR สำหรับตรวจจับสีของภาพถ่ายให้ออกมาสมจริงที่สุด โดยมีการตรวจจับสี RGB ให้มีค่าใกล้เคียงรูปจริงที่ถ่ายได้ เพราะว่าสีบนโลกล้วนเกิดจากการผสม RGB ทั้งนั้น
  • Laser Auto Focus ช่วยให้สามารถตรวจจับจุดโฟกัสวัตถุได้แม่นยำขึ้น แม้จะเป็นในที่แสงน้อยก็ตาม

    ในแอปกล้องหลักจะมีด้วยกันทั้งหมด 4 โหมดด้วยกันคือ Manual, Superior Auto, Video และ Apps และโหมดถ่ายสโลโมชั่นเราสามารถเลือกได้จากหน้าเมนูของโหมดวีดีโอแล้วนะ ไม่ต้องเลื่อนไปหน้า Apps แล้วเลือกให้เสียเวลา รวมถึงการถ่ายวีดีโอแบบ 4K ที่ปกติจะเป็นแอปแยกออกไป ตอนนี้สามารถเลือกถ่ายได้จากเมนูกล้องวีดีโอได้เลย

    การโฟกัสยังมาพร้อมเทคโนโลยี Predictive Hybrid Autofocus ซึ่งจะช่วยให้ถ่ายรูปวัตถุที่เคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ้น โดยจะทำการคาดเดาการเคลื่อนไหวของวัตถุล่วงหน้า และพยายามโฟกัสนำวัตถุเพื่อที่เวลาเรากดถ่ายภาพจะได้โฟกัสได้ตรงวัตถุพอดี โดยการโฟกัสยังย่อขยายตามขนาดวัตถุ

    ฟีเจอร์ Predictive Capture ที่จะช่วยให้เราไม่พลาดช็อตเคลื่อนไหวตีางๆ โดยเมื่อเราเข้าโหมดกล้องแล้วมันจับได้ว่ามีวัตถุที่เคลื่อนไหวในภาพ มันจะเริ่มเก็บภาพบันทึกไว้ใน DRAM ที่เซ็นเซอร์ โดยจะเก็บไว้ทั้งหมด 3 ภาพก่อน และภาพจังหวะที่เรากดชัตเตอร์เป็นทั้งหมด 4 ภาพ เผื่อกันเราพลาดช็อตที่สำคัญ หรือบางทีเราต้องการถ่ายภาพมุมๆนึง แล้วพอเรามาดูในโหมด Predictive นั้นอาจเจอช็อตที่เราชอบกว่าก็ได้ โดยฟีเจอร์นี้สามารถเลือกปิดการทำงานได้ในเมนูกล้องครับ

    เลนส์กล้องหลังที่ใช้จะเป็นเลนส์แบบกว้าง 25mm ที่รูรับแส F2.0  สามารถถ่ายภาพแบบ Landscape ได้สบาย แต่สำหรับภาพบุคคลนั้น ด้วยค่ารูรับแสงที่ไม่กว้างมากบวกกับเป็นเลนส์แบบกว้างทำให้อาจจะถ่ายแบบหลังละลายไม่มาก ถ้าต้องการให้หลังละลายอาจจะต้องถ่ายแบบ close up นำกล้องเข้าไปใกล้ๆตัวแบบหรือวัตถุที่ต้องการถ่าย

ส่วนรายละเอียดของภาพนั้นในที่ๆแสงพอเพียงสามารถถ่ายได้สบาย รวมถึงในที่แสงน้อยที่ยังเก็บรายละเอียดต่างๆได้ดี แต่ภาพตอนกลางคืนนี้ยังพบ Noise อยู่เนื่องจากที่ตัวกล้องพยายามดัน ISO ช่วย ส่วนเรื่องภาพเมื่อซูมดูแล้วรายละเอียดเป็นวุ้นนั้นยังคงมีให้เห็นอยู่

    การเพิ่มชั้น DRAM เข้ามาในเซ็นเซอร์กล้องนั้นทำให้แก้ปัญหา Distortion shutter หรือการถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง ซึ่งปกติจะเกิดอาการบิดเบี้ยวหรือยืดของวัตถุเวลาถ่ายภาพจาก Electrical sensor โดยสามารถถ่ายวัตถุที่เคลื่อนไหวเร็วๆให้เหมือนหยุดนิ่งได้ โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าวัตถุนั้นจะเสียรูปทรงอีกต่อไป

    กล้องถ่ายภาพยังมาพร้อมกับโหมด Superior Auto เหมือนเดิม โดยโหมดนี้จะช่วยให้เราสามารถถ่ายภาพได้สะดวกขึ้นไม่ต้องมาเซ็ตค่าต่างๆ สามารถแตะถ่ายได้เลย Laser focus ที่เพิ่มเข้ามาทำให้จับโฟกัสในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น การเลือกซีนถ่ายภาพต่างๆนั้นแม่นยำกว่าตอนก่อน สามารถปรับซีนได้ตามความเหมาะสมของสิ่งที่ถ่ายไม่ว่าจะเป็น Portrait, Macro, Backlight หรือ Food แบบในภาพนี้ โดยจะทำการปรับแต่งสีและแสงให้อัตโนมัติเพื่อให้ภาพที่ได้มีโทนสีที่สวยงาม แต่ก็มีบางครั้งที่ยังเลือกผิดอยูกล้องยังสามารถปลดล็อคและถ่ายได้ภายใน 0.5 วินาทีด้วยการกดปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้เมื่อเครื่องอยู่ในสถานะ standby

    โหมด Manual Mode ให้ปรับค่าสปีดชัตเตอร์ได้ที่ 1/4000 ถึง 1 วินาที และสามารถปรับระยะโฟกัสได้ โดยมีระยะใกล้สุดที่ 12 ซม. นอกนั้นจะเป็นการปรับค่าชดเชยแสง EV ทำได้ระหว่าง +2 และ -2 สามารถปรับ ISO ได้ตั้งแต่ 50-3200 และสามารถปรับค่า ISO พร้อมกับ Speed shutter ได้แล้ว แต่ไม่สามารถเลือกอุณภูมิสีได้ในโหมด Manual และไม่มีโหมด Scene (SCN) ให้เลือกแล้ว

    โดยภาพนี้ผมลองถ่ายในห้องที่ปิดไฟมืดแล้ว ใช้แสงไฟจากหน้าจอคอมในการส่องตัวโมเดลแล้วถ่ายที่สปีดชัตเตอร์ 1 วินาที ISO ปรับที่ 100 ภาพที่ได้มีดีเทลครบและเกิด Noise น้อยมาก

    อันนี้ลองถ่ายในช่วงกลางคืนโดยสถานที่จริงค่อนข้างมืดมีเพียงแสงไฟจากบ้านฝั่งตรงข้ามและราวสะพาน โดยลองยืนถ่ายโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง ภาพที่ได้จัดว่าสว่างและเก็บรายละเอียดได้ดี แต่ถ้าจะถ่ายแบบลากสปีดชัตเตอร์ตอนกลางคืนอยากให้พกขาตั้งกล้องเล็กๆไว้ติดตัวจะช่วยให้ถ่ายภาพได้ง่ายขึ้นเยอะครับ

    ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง โดยภาพจะถูกย่อขนาดลงเหลือ 1.6MP เพื่อไม่ให้ไฟล์ใหญ่เกินไป ส่วนมากไฟล์ภาพหลังกล้องจะอยู่ที่ประมาณ 3 – 6 MB โดยประมาณ

อันนี้จะเป็นตัวอย่างการถ่ายวิดีโอโดยโหมดต่างๆของ Xperia XZ1 Compact นะครับ

Full HD 1080p เปิดช่วยกันสั่นแบบ SteadyShot Intelligent Active การโฟกัสนั้นทำได้สมูทดีตอนที่เปลี่ยนจากถ่ายวัตถุใกล้ๆเป็นวิวด้านหลัง กล้องก็สามารถปรับโฟกัสได้ไม่ช้าไปหรือเร็วไป ใช้งานวีดีโอถือว่าทำได้ดีครับ แต่อาจมีอาการภาพเป็นวุ้นอยู่บ้างถ้าเปิดตัวช่วยโหมดกันสั่น

4K Recorder

Super Slow-motion 960P

โดยโหมด Slow motion ใน Xperia XZ1 Compact นั้นสามารถเลือกถ่ายได้ทั้งหมดสามแบบด้วยกันคือ

– Slow Motion 120fps ในโหมดนี้จะเป็นสโลโมชั่นพื้นฐานของเครื่อง สามารถถ่ายแล้วมาเลือกช็อตที่ต้องการให้สโลทีหลังได้

– Super Slow Motion 960fps จะเป็นการถ่ายแบบซูเปอร์สโลว์โมชั่นที่ 960 เฟรมต่อวินาทีซึ่งในโหมดนี้เราต้องเลือกกดช่วงที่ต้องการให้มันสโลว์โดยไม่สามารถมาเลือกช็อตที่ต้องการสโลว์ทีหลังได้

– Super Slow Motion 960fps (One shot) อันนี้จะเป็นการถ่ายสโลแบบกดทีเดียวจบ จะได้เป็นคลิปแบบสั้นๆ

ซึ่งการถ่ายวีดีโอแบบ Super-slow motion 960fps นั้นยังแพ้ในที่แสงน้อยอยู่ดี คือต้องถ่ายในที่ๆมีแสงมากพอสมควร ถ้าถ่ายในที่แสงน้อยก็จะมี Noise ขึ้นอย่างชัดเจนเนื่องจากต้องดัน ISO สูง ส่วนการถ่ายในสถานที่ Indoor ที่มีแสงจากหลอดไฟจะเห็นภาพกระพริบก็ไม่ต้องตกใจนะครับเพราะ อัตราความถี่ของเมืองไทยคือ 50Hz ซึ่งเมื่อหารกับ 960FPS ไม่ลงตัวทำให้มันเกิดอาการกระพริบของหลอดไฟเกิดขึ้นเช่นเดียวกับการถ่ายที่สปีดชัตเตอร์สูงๆแล้วเห็นภาพเป็นเส้นดำๆนั่นแหละ

สำหรับใครที่สงสัยว่าการถ่ายแบบ Super-slow motion 960fps นั้นหรือการถ่ายวีดีโอที่โหมดอื่นๆภาพที่เราถ่ายได้จะโดน crop ลงมาเท่าไร เราได้ลองทำภาพเปรียบเทียบที่การถ่ายวีดีโอในโหมดต่างๆให้ดูกันครับ

  • เส้นสีเหลือง – บันทึกวีดีโอที่ Full-HD 1080p (30fps) แบบธรรมดา ปิดตัวช่วยกันสั่น จะได้ภาพที่กว้างเต็มเลนส์พอดีเหมือนเราถ่ายภาพที่สเกล 16:9
  • เส้นสีน้ำเงิน –  บันทึกวีดีโอที่ HD 720p แบบ Slow motion 120fps
  • เส้นสีเขียว – บันทึกวีดีโอ 1080p (30fps) โดยเปิดโหมด SteadyShot (Standard, Intelligent active)
  • เส้นสีส้ม – บันทึกวีดีโอที่ Full-HD 1080p (60fps) โดยเปิด Steadyshot ถ้าปิดกันสั่นก็จะได้สเกลภาพเหมือนกับเส้นสีเขียว และบันทึกวีดีโอความละเอียด 4K
  • เส้นสีขาว – บันทึกวีดีโอที่ Super-slow motion 960fps

    กล้องหน้าตัวนี้จะลดลงมาใช้ความละเอียด 8MP ใช้เซ็นเซอร์ Exmor R ขนาด 1/4 นิ้ว แต่ใช้เลนส์แบบ super wide 18mm โดยให้มุมมองกว้างถึง 120 องศาเรียกได้ว่าเซลฟี่เป็นกลุ่มแต่ยังสามารถยื่นแขนออกไปเซลฟี่ได้อย่างชิลๆ แต่ว่าภาพที่ออกมาจะเป็นสไตล์เลนส์ fish-eye แต่เราสามารถเลือกถ่ายแบบมุมปกติซึ่งจะให้ภาพเป็นเส้นตรงปกติ แต่ภาพก็จะโดน crop เข้ามา

    รองรับ ISO สำหรับการถ่ายภาพนิ่งที่ ISO3200 และรองรับสำหรับการถ่ายวีดีโอที่ ISO 1600 และรองรับเทคโนโลยีกันสั่น SteadyShot™ with Intelligent Active Mode แบบ 5 แกนด้วย สามารถชมคลิปการทดสอบด้านล่างได้เลยครับ

    เทสระบบกันสั่นกล้องหน้า โดยอันนี้ผมลองบันทึกที่ความละเอียด Full HD เปิดโหมดกันสั่น แล้วลองวิ่งดู กล้องยังมีอาการสั่นบ้าง แต่ถ้าเดินถ่ายทั่วไปล่ะก็ลื่นๆสบายๆ ใช้ไม่ได้ไม่ต้องกลัวว่าภาพที่ออกมาจะสั่นแบบกระตุกจนดูไม่รู้เรื่องแน่นอนครับ รวมถึงการถ่ายวีดีโอย้อนแสงหน้าก็ไม่มืดด้วยนะ

     โดยสามารถเลือกอัตราส่วนภาพเป็นแบบ 4:3 หรือ 16:9 ก็ได้ คราวนี้เราสามารถเซลฟี่แบบเต็มตัวเห็นวิวด้านหลังได้โดยไม่ต้องเรียกคนอื่นมาถ่ายให้หรือใช้ขาตั้งอีกแล้วล่ะ ^_^

ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าที่อัตราส่วน 16:9 จะได้มุมด้านข้างที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

    Autofocus Burst คืออีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน Xperia XZ1 Compact หรือการถ่ายภาพรัวๆนั่นเอง ทำให้เราสามารถถ่ายภาพแบบเต็มความละเอียดที่เราเลือกได้ถึง 100 ภาพในการกดชัตเตอร์ค้างเพียงครั้งเดียว และสามารถปล่อยมือแล้วกดถ่ายต่ออีกรอบได้เลย แต่ว่าถ้ากดบ่อยๆอาจจะมีการหยุดถ่ายก่อนเพราะ DRAM เต็ม โดยเราได้ลองกดถ่ายแล้วแพนวัตถุไปรอบๆ พบว่าระบบ focus ยังคงติดตามวัตถุได้ดีแต่ถ้าวัตถุเคลื่อนที่ไวๆอาจจะมีหลุดบ้าง

เมื่อถ่ายเสร็จสามารถเลือกให้นำภาพที่เราถ่าย Burst shot มาทำ Animation ภาพเคลื่อนไหวเหมือน stop motion แชร์ให้เพื่อนๆดูได้

    Panorama ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ถ่ายได้เต็มความละเอียดมากขึ้นจากเดิมสามารถถ่าย wide เท่าไรก็ได้ โดยยิ่ง wide มากความละเอียดยิ่งมากตาม สามารถซูมดูภาพหลังถ่ายได้โดยที่ความละเอียดยังอยู่ครบ และ UI ของแอปยังปรับปรุงใหม่ให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยจะมีลูกศรคอยบอกว่าตอนนี้เราถือเครื่องเอียงหรือไม่และ ยังมีแถบส้มบอกว่าตอนนี้เราถือกล้องหลุดจากเฟรมที่ควรเป็นไปเท่าไร ทำให้สามารถปรับท่าทางการถ่ายได้ทัน

    Background Defocus อันนี้ไม่ได้แถมมากับตัวเครื่อง แต่ลองโหลดมาเทสดู สามารถทำงานได้ไวกว่าก่อนมาก (อานิสงส์ Motion Eye) สามารถเลือกระดับความเบลอด้านหลังได้เลย แต่ยังมีบางส่วนที่ยังเบลอพลาดบ้าง ขึ้นอยู่กับวัตถุว่ากลมกลืนกับฉากหลังมากเพียงใด สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่เลยครับ Play Store

    AR Effect ยังมีลูกเล่นต่าง ๆ มากมายเช่นเคย สามารถโหลดลูกเล่นต่างๆไม่ว่าจะเป็น Space, Fairy tale, Japan ฯลฯ โดยได้อานิสงส์จากการปรับปรุงการวางตำแหน่งวงจรภายในใหม่ ทำให้กล้องไม่ร้อนเกินไปทำให้สามารถถ่าย AR ได้นานกว่าเดิมแล้ว

ซอฟต์แวร์จะมาพร้อมกับ Android™ Oreo 8.0 แล้วครอบทับด้วย Xperia UI แต่หลังๆมาก็ถูกปรับให้มีความคล้ายคลึงกับ Pure Google มากยิ่งขึ้น

Lock Screen จะเป็นการสไลด์เพื่อปลดล็อคเข้าหน้าจอ โดยมี Widget นาฬิกาให้เลือกใช้งานทั้งหมด 4 แบบด้วยกัน ไม่สามารถโหลด Widget อื่นๆมาใส่ได้ เมื่อปลดล็อคก็จะเจอกับหน้า Xperia Home โดยจะมีรูปแบบคล้ายกับของ Pure android ทั่วไปคือกดค้างเพื่อเข้าสู่หน้าปรับแต่งสามารถเพิ่มหน้า เปลี่ยนธีม กหรือใส่ Widget ได้จากเมนูนี้

สามารถเลือกรูปแบบการวางไอคอนหรือวิทเจ็ตได้อิสระวกทาเดิม (Grid) เลือกเอนิเมชั่นการเปลี่ยนหน้าโฮมได้ เรียกว่าสามารถปรับแต่ง Xperia Home ได้ระดับนึง แต่ไม่เยอะเท่าพวก Nova launcher โดยสามารถกปืดโหมด Google Now ได้ซึ่งจะเข้าโดยการเลื่อนหน้าโฮมไปทางซ้ายสุด ส่วน Google Assistant นั้นสามารถเข้าได้โดยการกดปุ่ม Home ค้าง

App drawer ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก แต่ได้เพิ่มคำสั่งลัดเมื่อเรากดค้างในแต่ละแอปจะสามารถเลือกไปยังเมนูต่างๆได้เลย ไม่ต้องเข้าไปเลือกในแอปอีกที แต่ฟีเจอร์นี้ยังคงรองรับแค่แอปของ Google ต้องรออีกซักพัก อาจจะสามารถกดค้างที่ไอคอน facebook เพื่อตั้งสเตตัสกันได้เลย

Notification ได้เปลี่ยนใหม่ สามารถลากแจ้งเดือนให้โชว์รายละเอียดเพิ่มเติมได้ และนอกจากจะสไลด์เพื่อลบแล้วยังสามารถตั้งให้มันแจ้งเตือนเราอีกครั้งได้ และเมื่อกดที่ข้อความที่เข้ามาเราสามารถตอบกลับที่หน้า Notification โดยที่ไม่ต้องเข้าไปตอบในแอป เมื่อดึงลงมาอีกครั้งจะเป็นการเข้าหน้า

Quick setting สามารถแก้ไขเมนู setting ต่างๆตามที่เราต้องการได้ ส่วน Recent App ยังคงเหมือนเดิม สามารถเลื่อนขึ้นเลื่อนลงเพื่อเปลี่ยนแอปหรือกด clear all เพื่อปิดแอปทั้งหมดได้ เมื่อกดปุ่ม Recent app ค้างจะเป็นการทำงานแบบแบ่งสองหน้าจอ หรือถ้าเรากด Recent app 2 ทีจะเป็นการสลับใช้งานระหว่างแอปที่เปิดล่าสุด

และรองรับการใช้งานแบบ multi windowsโดยการกดปุ่ม recent app ค้างไว้แต่โหมดนี้ยังมีหลายๆแอปไม่รองรับการใช้งานอยู่

Contact และโทรศัพท์ยังคงรูปแบบเดิมไว้ สามารถ Sync รายชื่อจากบัญชี Gmail ของเราลงมาได้ สามารถเพิ่มชื่อ หรือมาร์ค Favorites คนที่โทรหาบ่อยหรือจะตั้งกลุ่มรายชื่อ

Messages สามารถเลือกส่งเป็นกลุ่มได้สะดวกขึ้น ส่วนคีย์บอร์ดในเครื่องจะเป็นแอป Swiftkey โดยมีข้อดีที่ปรับขนาดคีย์บอร์ดได้, แถบเดาคำ และจะเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ จากที่เราพิมพ์และคอยแก้ไขให้ถูกต้องตลอด, สามารถ Cut หรือ Copy คำที่เราใช้งานบ่อยปักหมุดไว้ได้ด้วย สะดวกไม่ต้องคอยพิมพ์ซ้ำ และสามารถเปลี่ยนธีมคีย์บอร์ดได้ และยังมี Emoji แบบใหม่เพิ่มอีกหลายรูปแบบ จาก Android O อีกด้วย

Calendar ได้เพิ่มลายกราฟิกสวย ๆ และไฮไลท์วันสำคัญและคิวนัดต่าง ๆ สามารถ Sync ตารางงานเราจาก gmail ได้โดยตรงเลย ในแต่ละเดือน

และด้วยที่มันเป็น Android 8.0 ซึ่งจะมีโหลด Picture in Picture เพิ่มเข้ามา ซึ่งตอนนี้แอปที่รองรับยังมีน้อยอยู่ โดยถ้าเราเปิด GPS แล้วกดปุ่มโฮมเพื่อไปเล่นแอปอืน หน้า Navigator ก็จะถูกลดเป็นหน้าเล็กๆคล้าย ๆ small app สามารถเลือกย่อขนายได้

Music การใช้งานยังคล้ายเดิม แต่เปลี่ยนฉากหลังหน้า Player ให้เป็นการละลายปกอัลบั้มแทนการใช้สีแบบเดิม สามารถเลือนนิ้วจากมุมซ้ายเพื่อเข้าสู่เมนูต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Play queue, Albums, Song, Playlist หรือ Setting และยังเพิ่มบริการจาก Spotify มาให้ในแอปเลย สามารถเลือกดาวน์โหลดข้อมูลเพลงผ่าน Download Music info ได้ ในส่วนของ Audio Settings จะเป็นการเลือกเปิดฟังก์ชั่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น DSEE HX, ClearAudio+, Dynamic normaliser, S-Force Front Surround ในส่วนของ Sound Effect สามารถเลือกตั้งค่า Equalizer หรือเลือกระบบเสียงต่าง ๆ ของหูฟังได้ ในส่วนของ Accessory จะเป็นตัวเลือกของอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เช่น Noise cancelling, LDAC, Mic sensitivity และสามารถตั้งค่า Sleep timer ได้แล้ว

Album ยังคล้ายเดิมอยู่ โดยสามารถเลือกดูภาพโดยรวมหรือแยกดูแต่ละโฟลเดอร์ก็ได้ การเลือกดูรูปหลายรูปหรือทีละ 3 รูป 2 รูปในหนึ่งแถวทำได้ง่ายเพียงแค่ลากนิ้วกางเข้า/ออก หรือสามารถเลือกดูภาพแบบ Slideshow ก็ได้ การใช้งานเวลาเลื่อนดูภาพเร็วๆไม่พบอาการรอโหลดภาพอีกต่อไปเพราะเปลี่ยนมาใช้ USF Internal Memory รองรับการแชร์ภาพกับ Facebook, Picasa และ Flickr รองรับฟีเจอร์ Home Network ซึ่งการ Cast ภาพหรือวีดีโอไปแสดงบน Smart TV นั้นเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้เป็นแบบ High data rate preferred คือส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง แต่อาจจะเสียรายละเอียดภาพไปบ้างหรือ High quality preferred ซึ่งจะส่งภาพที่ความเร็วต่ำกว่า อาจจะใช้เวลาเพิ่ม แต่จะไม่เสียรายละเอียดภาพในการส่ง

Video สามารถตั้งค่าให้เล่นแบบ Background playback และเปิด Subtitle ได้ และได้เพิ่ม Home Network เข้ามาในแอปเลย ด้านการตัดต่อวีดีโอยังมาพร้อมกับแอป Movie Creator เพื่อสามารถสร้างวีดีโอสไลด์ภาพเก๋ ๆ โชว์เพื่อนก็ได้ ผมชอบฟังก์ชั่นที่มันจะจับภาพในรอบ 1 สัปดาห์หรือ 1 เดือนมาทำวีดีโอไฮไลท์ให้เราได้ดู

Settings ได้รับการปรับปรุงใหม่ เมนูที่เคยอยู่ในหมวดออกมาอยู่ด้านหน้าเลย เพื่อความสะดวกในการเข้าถึง และเพิ่มกราฟฟิกสวย ๆ ขึ้นมาในแต่ละเมนูเพื่อสื่อให้เราเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น มการ Cast ภาพไปยังอุปกรณ์ต่างๆยังรองรับการเทคโนโลยี Screen mirroring, Cast on TV หรือการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นจอย DUALSHOCK4 ได้อย่างครบถ้วน

การเลือกโหมดแสดงผลของหน้าจอที่จะมีรูปและคลิปเปรียบเทียบให้ดูกันไปเลยว่าแต่ละโหมด ระหว่างเปิดกับปิดให้ภาพต่างกันยังไง โดยใน Xperia XZ1 Compact นั้นจะแยกการเปิด/ปิดฟีเจอร์ X-Reality for mobile ออกไปอยู่ในหัวข้อ Video image enhancement แทน ส่วนการตั้งค่าสีหน้าจอปกติจะใช้คำว่า Color gamut and contrast แทน โดยจะเปลี่ยนการตั้งค่าเป็น 3 โหมดหลักๆคือ

  • Professional mode จะเป็นโหมดที่ใช้ sRGB ที่ 100% color gamut ซึ่งจะให้สีที่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งสะดวกเวลาเราต้องแต่รูปบนมือถือและต้องการนำรูปนั้นไปปริ้นใช้งานจริง เพราะสีที่เห็นบนจอจะใกล้เคียงสีจริงมากที่สุด น่าจะถูกใจช่างภาพที่โอนภาพจากกล้องมาแต่งบนมือถือได้โดยที่ไม่ต้องรอกลับไปแต่งที่บ้าน
  • Standard mode จะใช้เทคโนโลยี TRILUMINOS Display ในการเรนเดอร์ภาพให้มีสีสันที่สวย สดใสมากขึ้น
  • Super-vivid mode โหมดที่จะทำให้สีหน้าจอของเครื่องสดมาก เหมาะแก่การเล่นเกมหรือคนที่ชอบสีเข้มๆแบบฟลูคัลเลอร์

ซึ่งการเลือกโหมดต่างๆนี้ถ้าเราไปปรับค่า White Balance หน้าจอในโหมดต่างๆ เมื่อเราเปลี่ยนโหมดมันก็จะจำได้ว่าตอนเราใช้โหมดนี้ เราปรับค่า White Balance หน้าจอไว้เท่านี้นะ ถ้าเราเปลี่ยนกลับมามันก็จะเปลี่ยนค่า White Balance ไว้ตามที่เราตั้งไว้ในโหมดนั้นๆ โดยไม่ต้องมาตั้งกันใหม่

Backlight control ที่จะคอยจับความเคลื่อนไหวของสายตาผู้ใช้ เพื่อไม่ให้หน้าจอดับแม้จะไม่มีการสัมผัสหน้าจอนั่นเอง สามารถตั้งค่า Text และ Display size โดยจะมีตัวอย่างให้ดูระหว่างการตั้งค่าเลย

สามารถตั้งค่า Notification ได้ละเอียดกว่าเดิมชนิดที่ว่าเลือกไปตั้งค่าแต่ละแอปกันได้เลย โดยสามารถกำหนดในแต่ละแอปได้เลยว่าจะให้เลือกเตือนเฉพาะแอปไหนบ้างซึ่งเราสามารถตั้งค่า Default ของแอปต่างๆว่าจะให้เปิดตัวแอปอะไร โดยจะมีหน้ารวม App permission ต่างๆให้เราดูได้ว่ามีแอปตัวไหนขอ Permission อะไรไปบ้าง

ส่วนพื้นที่การใช้งาน Storage นั้นสามารถดูได้ว่าตอนนี้ใช้พื้นที่ไปกี่ % แล้วเหลือเท่าไร โดยสามารถกด Free up space โดยแอปจะเลือกว่ามีไฟล์ไหนที่ควรลบบ้าง ส่วนฟังก์ชั่น Smart cleaner นั้นได้ย้ายไปอยู่ในเมนู Assist แทน

Assist ที่ปรับปรุง UI ให้น่าใช้มากยิ่งขึ้น โดยจะรวมเมนูต่างๆไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นใช้งานเครื่อง (Introduction to Xperia) หรือเทคนิคการใช้งานต่างๆ (Xperia Tips) และโหมดใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอย่าง  Xperia Actions ซึ่งช่วยปรับแต่งค่าการทำงานของสมาร์ทโฟนให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ เพื่อให้คุณใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น โดยสามารถเลือกตั้งค่าการใช้งานให้เข้ากับชีวิตเราได้มากยิ่งขึ้น โดยจะแบ่งเป็นตอนต่างๆเช่นเรานอน, ทำงาน หรือเวลาเรานั่งเครื่อง ช่วยให้สามารถใช้งาน Xperia ในสถานการณ์ต่างๆโดยที่ไม่ต้องคอยมาตั้งค่าตลอดเวลา

ส่วนการจัดการ User & account ที่จะเป็นศูนย์รวมจัดการแอคเคาต์กับแอปต่างๆของเรา และ Lock screen & security ที่ได้เพิ่ม Google Play Protect ที่เป็นฟีเจอร์ที่มาพร้อมกับ Android O โดยจะทำการสแกนและตรวจสอบแอปต่างๆอยู่เสมอว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือแอบโหลดอะไรมาลงบ้างหรือปล่าว

ส่วนเมนู System จะรวมการตั้งค่าระบบเบื้องต้นต่างๆ ทั้งภาษา เวลาของเครื่องหรือการ Back up อยู่ด้วยกันในเมนูเดียว Xperia Care นั้นเราสามารถเข้าไปเช็ค Product ID หรือประกันที่เหลืออยู่ได้ นอกจากนั้นสามารถเข้าไปดูข้อมูลการใช้งานต่างๆได้ผ่าน Xperia Care ได้เช่นกัน

     Xperia XZ1 Compact ยังคงเป็นรุ่นเรือธงที่ลุยในตลาดที่ไม่มีค่ายอื่นทำ ซึ่งหลายคนชอบมือถือที่กะทัดรัด พกพาสะดวก และอยากได้สเปคที่แรงๆเท่าเรือธงจอใหญ่ๆในตลาดทั่วไป จุดนี้ Xperia XZ1 Compact นั้นให้คุณได้ แต่ก็มีข้อหนึ่งเรื่องวัสดุที่ Xperia ซีรี่ย์ Compact ทุกตัวยังใช้โพลีเมอร์เป็นวัสดุหลัก ถ้าย้ายไปใช้อลูมิเนียมหรือกระจกแบบรุ่นพี่น่าจะทำให้ดูพรีเมี่ยมขึ้นไปอีกหน่อย ส่วนเรื่องชิปเซ็ตและกล้องถ่ายภาพ ก็เป็นปกติที่จะนำทุกอย่างจากพี่ใหญ่มาใส่ในน้องเล็กตัวนี้ไม่ว่าจะเป็น Snapdragon 835 หรือกล้อง Motion Eye 19 ล้านพิกเซล รวมถึง RAM ที่ได้รับการอัพเกรดให้เท่ารุ่นพี่เป็น 4GB ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานนั้นแรงเทียบเท่าเรือธงตัวท็อปของค่าย แต่ก็มีจุดขายอย่างกล้องหน้า Super-wide ที่รุ่นอื่นไม่มี

    ราคาจำหน่ายในไทยตอนนี้อยู่ที่ 18,990 บาท สามารถเลือกจับจองเป็นเจ้าของกันได้ที่ร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือเจ้าใหญ่ๆทั่วประเทศ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 สีด้วยกันคือ สีดำ และสีฟ้าขอบฟ้า แต่สีชมพูทไวท์ไลท์กับสีขาวเงินนั้นไม่เข้าไทยจ้า

สำหรับใครที่เป็นเจ้าของ Xperia XZ1 Compact แล้ว กำลังตามหาเคสสวยๆหรืออุปกรณ์เสริมสามารถเลือกซื้อกันได้ที่ SE-Update shop เลยครับ

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความรู้สึกของคุณต่อบทความนี้ อย่าลืมที่จะแชร์ให้คนอืนได้รู้ความรู้สึกนี้ .
บอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้
  • ประทับใจสุดๆ
  • ดีจังเลย
  • โกรธสุดๆ
  • เฉยๆ อ่ะ
  • รู้สึกหดหู่