หลังจากที่มีภาพเรนเดอร์หลุดออกมาล่วงหน้าเป็นเดือนและเมื่อคืนที่ผ่านมาได้มีภาพหลุดออกมาเต็มๆ ในที่สุดบ่ายวันนี้ Sony ก็ได้ประกาศเปิดตัว Xperia 1 II หรือ Xperia One Mark Two เรือธงรุ่นใหม่สำหรับต้นปี 2020 อย่างเป็นทางการแล้ว โดยใช้วิธีนับรุ่นเหมือนกับกล้องตระกูล α ของพวกเขา และมันยังคงเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างฝ่ายต่างๆของ Sony เหมือนเช่นเคย
Xperia 1 II ยังคงใช้วัสดุที่ใช้เป็นกระจก Corning Gorilla Glass 6 ทั้งด้านหน้าและหลัง ส่วนเฟรมเครื่องเป็นอะลูมิเียมเหมือนเช่นเคย หน้าจอและด้านหลังแบนเรียบ แต่มีส่วนนูนเล็กน้อยที่บริเวณโมดูลกล้อง มุมทั้ง 4 มีความเหลี่ยมขึ้นมากกว่าเดิม เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือกับปุ่มพาวเวอร์รวมเป็นปุ่มเดียวกันอยู่ทางข้างขวาของตัวเครื่อง ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ถัดมาทางด้านบน และยังคงมีปุ่มชัตเตอร์เหมือนเช่นเคย สำหรับรุ่นนี้จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ สีขาว และสีม่วง ซึ่งด้านหน้าจะเป็นสีดำทั้งหมด
หน้าจอ 4K HDR OLED 21:9 พร้อม Motion Blur Reduction
Xperia 1 II มีการอัปเกรดจากหน้าจอของ Xperia 1 ที่ทำไว้ได้ดีมากๆ (ยกเว้นเรื่องความสว่าง) กล่าวคือ ใช้หน้าจอ OLED 21:9 CinemaWide ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 4K (3840 x 1644 พิกเซล) และรองรับ HDR 10-bit และขอบจอบน-ล่างยังเล็กลงกว่าเดิม
เอ็นจิ้นจัดการภาพ X1 for mobile ที่ร่วมมือกับฝ่าย Bravia และโหมด Creator mode ที่เกิดจากการร่วมมือกับฝ่าย CineAlta ก็ยังคงอยู่ สามารถแสดงผลภาพได้สีสันตรงและสมจริงตามมาตรฐาน DCI-P3 100%, BT2020 colour space และ D65 White Point เหมือนกับหน้าจอ Master Monitor ที่ใช้ในกองถ่ายและสตูดิโอ
ถึงแม้หน้าจอยังไม่รองรับรีเฟรชเรท 90Hz แต่ว่าพวกเขาได้ใส่ฟีเจอร์ Motion Blur Reduction เพื่อทำให้ทุกคอนเทนต์บนหน้าจอแสดงออกมาได้เทียบเท่าจอ 90Hz แม้ต้นฉบับจะไม่ใช่ 90fps ก็ตาม
Snapdragon 865 RAM 8GB กับความจุ 256GB ครั้งแรก
ในด้านประสิทธิภาพ Xperia 1 II มาพร้อมชุดชิปประมวลผลแบบ 64-bit Octa-core ของ Qualcomm รุ่น Snapdragon 865, RAM ขนาด 8GB นอกจากนี้ยังรองรับ 5G sub-6, LTE 6CA, Wi-Fi 6 MIMO 2×2 และมีหน่วยความจำภายในมีขนาดใหญ่ถึง 256GB โดยเป็นแบบ UFS ที่อ่านข้อมูลได้รวดเร็ว
ช่องใส่ SIM ที่ 2 เป็นแบบ Hybrid รองรับ Nano SIM ผู้ที่ต้องการหน่วยความจำเพิ่ม สามารถใส่ Micro SD แบบ SDXC ความจุสูงสุด 2TB (ปัจจุบันมีจำหน่ายสูงสุด 1TB) ตัวเครื่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 10 และรองรับการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.1 และ NFC
กล้อง 3 ตัว + กล้อง 3D ToF พร้อมเลนส์ Zeiss
นี่คือครั้งแรกของ Sony ที่ใส่กล้องหลัง 4 ตัวบนสมาร์ทโฟน โดยโมดูลกล้องรุ่นใหม่นี้ประกอบด้วยเซ็นเซอร์ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลทั้ง 3 เลนส์ ดังนี้:
- ระยะ 24mm: ใช้เซ็นเซอร์ Exmor RS for mobile ขนาดใหญ่ถึง 1/1.7 นิ้ว ประกอบกับเลนส์ F1.7 มุมกว้าง 82° พร้อม OIS และฟีเจอร์ Dual-PD AF, Dual Photo Diode สำหรับภาพนิ่ง และระบบ Hybrid OIS/EIS สำหรับวิดีโอ
- ระยะ 16mm (Super-wide): ใช้เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.55 นิ้ว ประกอบกับเลนส์ F2.2 มุมกว้างเป็นพิเศษ 124° พร้อมฟีเจอร์ Dual-PD AF, Dual Photo Diode
- ระยะ 70mm (Telephoto 3x): ใช้เซ็นเซอร์ขนาด 1/3.4 นิ้ว ประกอบกับเลนส์ F2.4 มุมกว้าง 34° พร้อม OIS สำหรับภาพนิ่ง และระบบ Hybrid OIS/EIS สำหรับวิดีโอ
- เซ็นเซอร์ 3D iToF สำหรับช่วย AF ให้ทำงานในที่แสงน้อยได้อย่างรวดเร็ว และสำหรับการถ่ายภาพเบลอหลัง
กล้องของ Xperia 1 II จะมาพร้อมเลนส์ที่ควบคุมการผลิตโดย ZEISS และเคลือบด้วยสารเคลือบ T* coating ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ภาพถ่ายเกิด ghost และ flare นอกจากนี้พวกเขายังคงใส่ OIS มาในกล้องหลัง 2 ตัวด้วยกัน โดยจะทำงานเดี่ยวๆในการถ่ายภาพนิ่ง และทำงานร่วมกับ EIS ในการถ่ายวิดีโอ
ส่วนกล้องหน้าเป็นเลนส์มุมกว้าง 84° เซ็นเซอร์ขนาด 1/4 นิ้ว ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 รองรับการเปิดแฟลชด้วยแสงหน้าจอ พร้อมระบบป้องกันสั่น SteadyShot with Intelligent Active Mode (กันสั่น 5 แกน) และฟีเจอร์ Portrait Selfie effects
ซอฟต์แวร์ที่ดียิ่งกว่าเดิมและแอป Photo Pro
พวกเขาได้ร่วมกับทีมงาน Sony α เพื่อปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์กล้องให้ดีขึ้นไปอีกระดับ นอกจากระบบประมวลผลภาพถ่าย BIONZ X จะยังคงอยู่ คราวนี้พวกเขาได้เพิ่มฟีเจอร์ Real-time Eye AF (โฟกัสอัตโนมัติแบบติดตามดวงตา) ซึ่งรองรับทั้งดวงตาคนและสัตว์แล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น Burst shot ได้ถูกปรับปรุงให้สามารถถ่ายได้รัวถึง 20 ภาพต่อวินาที (รัวกว่าเดิม 2 เท่า) โดยที่ระบบ AF/AE (Auto Focus/Auto Exposure) จะทำการประมวลผล 60 ครั้งต่อวินาทีในระหว่างที่กดชัตเตอร์ค้างไว้ (หรือวัดแสงและโฟกัสใหม่ 3 ครั้งต่อการจับภาพ 1 ครั้ง)
Xperia 1 II รองรับการบันทึกภาพเป็นไฟล์ JPEG และ RAW (จะอัปเดตตามมาทีหลัง) นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี Dual photo diode ที่ช่วยให้เซ็นเซอร์สมารถรับแสงได้มากกว่า ร่วมกับเซ็นเซอร์ 3D iToF เพื่อให้ถ่ายภาพกลางคืนได้อย่างคมชัดและไม่หลุดโฟกัส
ข่าวดีสุดๆสำหรับเพื่อนๆหลายๆคนที่ชอบการถ่ายภาพในโหมด manual ก็คือ พวกเขาได้สร้างแอป Photo Pro ที่ออกแบบมาสำหรับการถ่ายแบบ Full Manual หน้าตา UI คล้ายกับกล้องตระกูล α สามารถเลือกปรับการตั้งค่าต่างๆได้อย่างเต็มรูปแบบเลยทีเดียว
กล้องวิดีโอระดับมืออาชีพบนสมาร์ทโฟนที่พัฒนาขึ้นอีก
จุดพีคของ Xperia 1 ก็คือความสามารถการถ่ายวิดีโออัตราส่วน 21:9 อันน่าตื่นตาตื่นใจด้วยแอป Cinema Pro ที่ร่วมสร้างกับฝ่าย CineAlta ที่ผู้ใช้สามารถเลือกปรับโทนสี, ระยะโฟกัส, ชัตเตอร์สปีด, ISO ฯลฯ ได้อย่างอิสระเหมือนกับใช้กล้องวิดีโอ CineAlta ของพวกเขา
Dolby Atmos, DSEE Ultimate, 360 Reality Audio และการกลับมาของรูหูฟัง 3.5 มม.
Xperia 1 II ยังคงมาพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos ที่พัฒนามาสำหรับระบบเสียงของโรงภาพยนตร์ซึ่งให้เสียงหลากมิติจากทุกทิศทางรอบตัว และลำโพงล่างได้ย้ายกลับมาอยู่ด้านหน้าเหมือนเดิมแล้ว แต่สิ่งที่หลายคนให้ความสนใจกันมากที่สุดในครั้งนี้คือ การกลับมาของรูหูฟัง 3.5 มม.
ตัวเครื่องนอกจากจะมาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอที่ให้เสียงที่ดังและมีมิติ และยังคงรองรับไฟล์ High-Resolution Audio (LPCM, FLAC, ALAC, DSD) แล้ว ยังมีฟีเจอร์ DSEE Ultimate ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ โดยจะช่วยอัพเกรดคุณภาพเสียงไม่ว่า source จะมาจากไฟล์ offline ในเครื่องหรือจะเป็นการฟังสตรีมมิ่งออนไลน์ก็ตาม AI จะทำการวิเคราะห์และปรับปรุงคุณภาพเสียงแบบ real-time ให้มีคุณภาพใกล้เคียงไฟล์ Hi-Res ซึ่งรองรับทั้งการฟังแบบไร้สายและมีสาย
อีกหนึ่งฟีเจอร์ด้านเสียงที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ 360 Reality Audio ที่ใช้ฮาร์ดแวร์ในการถอดรหัสและประมวลผลจำลองเพลงให้เหมือนกับเราถูกห้อมล้อมไปด้วยเครื่องดนตรีต่างๆแบบในคอนเสิร์ตที่เล่นกันสดๆ โดยรองรับการใช้งานผ่านแอป Tidal อีกด้วย
แน่นอนว่ายังคงรองรับการเข้ารหัส LDAC และ aptX HD audio ที่ทำให้สามารถฟังเพลงผ่านหูฟังบลูทูธได้โดยไม่สูญเสียความละเอียด และยังคงมีฟีเจอร์ Stereo Recording ที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว
Game Enhancer ใหม่ ถูกใจนักแคสต์เกม – Dual Shock 4 ใช้ได้กับทุกเกม
ฟีเจอร์ Game Enhancer บน Xperia 1 II ได้ถูกอัปเกรดให้ดีและมีลูกเล่นใหม่มากยิ่งกว่าเดิม นอกจากจะช่วยบริหารจัดการทรัพยากรเครื่องให้สามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล และป้องกันการรบกวนจากการแจ้งเตือนต่างๆ พวกเขาได้เพิ่มโหมด High Performance Gaming ที่จะทำให้เกมทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพของตัวเครื่อง กล่าวคือจะไม่มีการปรับลดความเร็ว CPU แม้อุณหภูมิเครื่องจะสูงขึ้น และเพิ่มความไวของการสัมผัสจอ ทำให้ input delay สั้นลง
การบันทึกหน้าจอทั้งภาพนิ่งและวิดีโอทำได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการบันทึกวิดีโอ ผู้ใช้สามารถเลือกปรับระดับเสียงพูด เสียงเกม และเสียงมีเดียได้อย่างอิสระ ทั้งยังสามารถปลอมเสียงพูด หรือปรับโทนเสียงสูง-ต่ำได้ตามใจชอบอีกด้วย เหมาะกับนักแคสต์เกมเป็นอย่างยิ่ง
แน่นอนว่ารุ่นนี้ก็ยังคงรองรับ PS4 Remote Play ได้เช่นเคย แต่ในครั้งนี้พวกเขาได้เปิดกว้างให้เราสามารถใช้งานจอย Dual Shock 4 กับเกมแอนดรอยด์แล้วในทุกเกมที่รองรับการใช้จอย
แบตเตอรี่แตะ 4,000 mAh ครั้งแรก รองรับชาร์จไร้สาย
Xperia 1 II หนา 7.9 มม. กว้าง 72 มม. และยาว 166 มม. ส่วนน้ำหนักนั้นอยู่ที่ 181 กรัม กันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP65/68 เหมือนเคย สำหรับราคาและวันวางจำหน่าย Sony ยังไม่ได้เปิดเผยแต่อย่างใด แต่คาดว่าน่าจะไม่เกินเดือนมิถุนายน
- ประทับใจสุดๆ
- ดีจังเลย
- โกรธสุดๆ
- เฉยๆ อ่ะ
- รู้สึกหดหู่
สาวกอารยธรรมผู้คลั่งไคล้ทุกสรรพสิ่งที่ติดโลโก้ SONY.