ปกติมือถือโซนี่ระดับกลางมักจะไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าไรเพราะมีสเปคที่ไม่สูงมาก แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหลังจากที่มี Xperia M4 Aqua เปิดตัวออกมาด้วยดีไซน์ที่คล้ายคลึงเรือธงอย่าง Xperia Z3 ในตอนนั้นและกล้องหน้าขนาด 5MP กล้องหลัง 13MP ซึ่งถือว่าเป็นการอัพเกรด Xperia M Series ไปอีกขั้นแต่กลับแป๊กเรื่องง่ายๆเนื่องจากหน่วยความจำภายในขนาด 8GB ซึ่งไม่มีใครทำกันแล้ว!!!

แต่ทุกอย่างย่อมมีการอัพเกรด(ซึ่งก็มาซะเร็วเลย) เพราะไม่นานมากก็ได้มีการเปิดตัว Xperia M5 ออกมาแถมเปิดมาในชนิดที่ว่า Xperia M4 Aqua หงอยยังไม่พอ ยังอัดสเปคซะรุ่นใหญ่ตอนนั้นอย่าง Xperia Z3(+) กระเทือนเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้า 13MP และกล้องหลังตัวใหม่ขนาด 21.5MP ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Hybrid Autofocus ที่สามารถโฟกัสได้ด้วยความไว 0.25 วินาที (O_o”) นี่มัน Flagship Killer (your self) ชัดๆ เดียวจะเป็นการเกริ่นที่ยาวไป เราไปดูกันเลยดีกว่าheadar1_unboxIMG_3031กล่องกลับมาใช้รูปแบบเดียว Xperia S อีกครั้ง โดยเปิดมาก็จะพบกับเครื่อง Xperia M5 พร้อมสายชาร์จ EC450 และอแดปเตอร์ชาร์จไฟ EP800 คู่มือและหูฟัง Earbud เช่นเคยheadar1_designIMG_3041IMG_3040ดีไซน์ของ Xperia M5 ยังคงใช้ดีไซน์แบบ Omnibalance อยู่เช่นเคยด้วยรูปทรงที่คล้าย Xperia Z3 โดยวัสดุที่ใช้ได้รับการอัพเกรดจาก Xperia M4 Aqua ขึ้นมาพอสมควรไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ขอบข้างเป็นเงา(ซึ่งทำให้สีทองสวยมาก) มาพร้อมมุมแบบ Nylon Caps ทำจากอลูมิเนียม ซึ่งช่วยกันกระแทกและสามารถถอดเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนทั้งโครง โดยตัวเครื่องมาในขนาด 145 x 72 หนา 7.6 มิลลิเมตร หนักเพียงแค่ 142.5 กรัมIMG_3052ด้านหน้ายังคงคล้ายกับ Xperia Z3+ มีหน้าจอขนาด 5 นิ้ว IPS Display แสดงผลที่ความละเอียด 1080p ด้วยขนาดและขอบเครื่องที่ไม่หนามากทำให้สามารถใช้งานมือเดียวได้สะดวก โดยตำแหน่งลำโพงสนทนาและไมค์สนทนาถูกย้ายไปติดกับขอบเครื่องแล้ว ด้านบนก็จะพบกับไฟ LED แจ้งเตือนดวงเล็กและกล้องหน้าขนาด 13MP Exmor RS มี Autofocus และสามารถบันทึกวีดีโอได้ที่ 1080p@30fps มาพร้อมกับเลนส์มุมกว้างสำหรับเซลฟี่ทั้งวงตระกูลได้เลยทีเดียว 😛 (โลโก้ 2 ซิมสามารถแกะออกได้)IMG_3075ด้านข้างก็จะเป็นปุ่ม Power ซึ่งมีขนาดใหญ่(รู้สึกว่า) ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่ม/ลด เสียง และล่างสุดเป็นปุ่มกล้องสำหรับชัตเตอร์หรือกดค้างเพื่อเข้าสู่โหมดกล้องก็ได้IMG_3071จะเป็นช่องสำหรับใส่ NanoSIM โดยในรุ่นที่เราซื้อมาจะเป็นรุ่น Dual ซึ่งใส่ได้ทั้งหมด 2 ซิมในถาดเดียว อีกช่องจะเป็นช่องสำหรับใส่ MicroSD Card ซึ่งรองรับได้สูงสุดถึง 200GB เลยทีเดียวIMG_3069เป็นช่องเสียบสาย MicroUSB แบบไม่ต้องมีพอร์ตปิดกันน้ำให้กวนใจกันอีกแล้ว ถัดไปเป็นลำโพงสนทนาซึ่งให้เสียงที่ดังพอสมควร แต่จะเป็นเสียงก้องๆไม่ค่อยตึบซักเท่าไรIMG_3076Xperia M5 มาพร้อมกับกล้องขนาด 21.5MP แต่เป็นชุดเลนส์ธรรมดานะครับไม่ใช่ G Lens แบบเรือธง ตำแหน่ง LED Flash ถูกย้ายไปด้านขวาแทนด้านล่างและอยู่ห่างจากเลนส์พอสมควร ถัดลงมาเป็นตำแหน่ง NFC และโลโก้ Sony Xperia วัสดุฝาหลังเป็นพลาสติก

headar1_hf

แน่นอนว่าสิ่งที่ฮือฮาตอนเปิดตัว Xperia M5 คงหนีไม่พ้นสเปคที่จัดหนักจัดเต็มจริงๆ เราไปดูกันดีกว่าว่าจัดหนักจัดเต็มกันแค่ไหนและเลือกใช้ ฮาร์ดแวร์อะไรใน Xperia M5 บ้าง

xperia-m5-gallery-4-1280x840-9f499eecc5445d09cdb1b29b0abf482e

โซนี่เลือกกลับไปคบหา MediaTek อีกครั้ง โดยคราวนี้เลือกใช้ชิปตัวท็อป Mediatek MT6795 Helio X10 ซึ่งเป็นซีพียูแบบ Octa-core 2.0GHz มาพร้อมกับ GPU PowerVR G6200 ซึ่งความแรงมันเทียบชั้น Snapdragon 810 ตัวร้อนแรง(ย้ำ ร้อนแรง) ตอนนี้เลยทีเดียว ยกเว้นด้านกราฟฟิกที่ยังประมวลผลเป็นรองอยู่ แต่ความแรงโดยรวมของมันก็ถือว่าเทียบชั้น Snapdragon 801 ใน Xperia Z3 ได้สบายๆเลย (ดูทดสอบความแรงชอบชิปค่ายต่างๆได้ที่นี่)

IMG_3137

“มุม Nylon Caps ซึ่งช่วยกันกระแทกและสามารถถอดเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนทั้งโครง”

โดยคราวนี้โซนี่ได้จัดแรมมาให้ใช้งานถึง 3GB ด้วยกันซึ่งเพียงพอกับการใช้งานในปัจจุบัน และหน่วยความจำภายในขนาด 16GB เพิ่ม MicroSD ได้ถึง 200GBIMG_3090

“เนื่องจากพอร์ต Micro USB ถูกทำให้กันน้ำแล้ว จึงไม่ต้องมีจุกปิดพอร์ตแบบ Xperia Z3 และถอดฟังกชั่น Magnetic Charge ออก เรียบร้อย”

ส่วนแบตเตอรี่มีขนาด 2600 mAh ซึ่งรุ่นหลังๆของโซนี่ สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 2 วันอยู่แล้ว บวกกับโหมด STAMINA Mode ที่ช่วยประหยัดพลังงานอีกขั้น แต่เดียวท้ายๆบทความเราจะทำการเปรียบเทียบแบตคู่กับ Xperia Z3 อีกทีเพราะเราก็อยากรู้ว่าชิป Helio X10 นี้จะจัดการพลังงานได้อยู่หมัดเพียงใดIMG_3169Xperia M5 รองรับมาตราฐานการกันน้ำกันฝุ่นที่ IP65 และ IP68 ตามลำดับ สามารถกันน้ำลึก 1.5 เมตรได้ 30 นาที แต่!!! การกันน้ำทำมาเผื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดหรือไว้ล้างทำความสะอาดมือถือ ถ้าเอาลงสระหรือถ่ายใต้น้ำก็ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับพอร์ตต่างๆให้ดีเพราะถึงแม้ MicroUSB จะไม่มีพอร์ตปิดแล้ว แต่ช่องใส่เมมและซิมการ์ดยังเป็นแบบพอร์ตยางปิดอยู่นะ และไม่แนะนำให้เอาลงทะเลIMG_3068ระบบเสียงมาพร้อมกับแอพฯ Walkman และฟังก์ชั่น Clear Audio+ เช่นเคย แต่จะเป็นชิปเสียงธรรมดาไม่รองรับ DSEE HX และการเล่นไฟล์เสียง Hi-res Audio เหมือนรุ่นเรือธง
IMG_3136หน้าจอได้รับการอัพเกรดเป็น IPS Display ซึ่งให้สีที่คมชัดทุกมุมมอง มาพร้อมขนาด 5″ ความละเอียด 1080p Full-HD โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยี Mobile BRAVIA Engine2 ที่เพิ่มความคมชัดของภาพ และยังมีโหมด Super Vivid ที่จะย้อมสีภาพใน Gallery ซะหยังกับหลุดไปในโลกดิสนี่เลยทีเดียว แต่จอจะไม่มีเทคโนโลยี Triluminos Display และ X-Reality for Mobile เหมือนเรือธง และถ้าหลายคนยังสงสัยว่าถ้าตัดฟีเจอร์ Triluminos ออกไปยังงี้ภาพจะยังสวยอยู่ไหม ลองไปดูภาพเปรียบเทียบหน้าจอ Xperia Z3 และ Xperia M5 กันก่อนครับ

headar1_camera

IMG_3043

และแล้วก็มาถึงตัวชูโรงของ Xperia M5 กันซักทีเพราะความนี้จัดหนักจัดเต็มจริงๆกับกล้องหลัง 21.5MP f/2.2 สามารถดัน ISO ได้สูงสุด 3200 ในโหมด Manual(แม่งกั๊ก T_T) แต่ มันมาพร้อมกับ เทคโนโลยี Hybrid Autofocus ซึ่งสามารถโฟกัสได้เร็วถึง 0.25 วินาที (เป็นรองแค่ Xperia Z5 ที่โฟกัสได้เร็ว 0.03 วินาที) สามารถซูมภาพได้ 5 เท่าโดยไม่เสียรายละเอียด และรองรับการถ่ายวีดีโอที่ความละเอียด 4K อีกด้วยIMG_3049กล้องหน้าที่ได้รับการอัพเกรดไปแบบก้าวกระโดด เพราะยัดมาให้ถึง 13MP เลยทีเดียว(พอกับ Xperia C5) มาพร้อมกับระบบ Autofocus และยังสามารถถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียด 1080p@30fps อีกด้วย แต่ก็อาจจะเป็นข้อเสียเวลาที่อยากถ่ายรูปแบบไวๆ เพราะ Autofocus กล้องหน้ายังทำได้ไม่เร็วเท่าที่ควรIMG_3044แอพฯกล้องต่างๆยังคงมีให้พร้อมไม่ต่างจากรุ่นเรือธงเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นโหมด Superior Auto ซึ่งจะช่วยให้ถ่ายภาพได้ไวขึ้นโดยมันจะจัดการตั้งค่าเลือกซีนให้เราเสร็จ(ซึ่งตอนหลังพัฒนาให้ดีขึ้นจากแต่ก่อนเยอะมาก) โหมด Manual ซึ่งให้เราปรับค่าต่างๆในการถ่ายภาพได้ด้วยตัวเอง Style Portrait ซึ่งจะเป็นซีนต่างๆสำหรับเซลฟี่โดยเฉพาะ AR mask สำหรับใส่เอฟเฟค AR ให้กับใบหน้าของเรา และตัวนี้ยังเป็นมือถือรุ่นกลางตัวแรกที่สามารถถ่ายวีดีโอได้ที่ระดับ 4K อีกด้วย นอกนั้นก็จะเป็นโหมดทั่วไปแบบรุ่นก่อนๆเช่น AR Effect, Sound Photo, Multi camera, Timeshift Video และ Sweep Panorama เป็นต้นโดยสามารถโหลดแอพฯกล้องต่างๆเพิ่มเติมได้

areffectc5

m5screens4

เมนูกล้องต่างๆยังคล้ายกับรุ่นอื่นๆ โดยกล้องหลังสามารถปรับได้สูงสุด 21MP ในสัดส่วน 4:3 และ 16MP ในสัดส่วน 16:9 มี Smile Shutter สามารถเลือกโฟกัสโหมดได้ 4 โหมด โดยมี Face Detection และ Object Tracking ด้วย มีฟีเจอร์ HDR Mode และสามารถดัน ISO ได้สูงสุดที่ 3200 มี Scene ต่างๆให้เลือกมากมาย ส่วนกล้องหน้า มาพร้อมกับขนาด 13MP ในสัดส่วน 4:3 และ 9MP ในสัดส่วน 16:9 มี Smile Shutter และมี Face Detection ด้วย สามารถเปิด HDR Mode และ Soft Skin Effect ได้IMG_3176

เนื่องจากเครื่องขนาดจอ 5″ ทำให้การเซลฟี่นั้นทำได้ง่ายกว่า Xperia C5 Ultra มาก เหมาะกับสาวๆที่อยากได้มือถือซักเครื่องไว้อัพรูปลง Facebook, Instragram ส่วนภาพที่ได้จะคมชัด สดใสเพียงไหนไปดูกันครับ 😀

กล้องหลังตัวนี้ซึ่งเป็นรุ่นกลางตัวแรกที่ได้ใช้กล้องหลังขนาดถึง 21.5MP แถมมาพร้อมกับเทคโนโลยี Hybrid Autofocus แบบ Xperia Z5 ซะด้วยสิ เราไปดูกันดีกว่าว่าภาพที่ได้จากกล้องหลัง Xperia M5 จะเป็นยังไงบ้าง

IMG_3185headar1_swIMG_3092Xperia M5 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lilipop และ Xperia Home UI เช่นเคย โดยหน้าตาของธีมยังคงคอนเซ็ป Material Design อยู่เช่นเดิม ไอคอนที่ถูกปรับดีไซน์ให้เรียบขึ้น แอพฯส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็น Music, Movie, Gallery ยังคงดีไซน์เอกลักษณ์เช่นเดิม นอกจากนั้นก็จะคล้ายๆกับรุ่นอื่นๆ
m5screens1หน้า Lock Screen สไตล์ 5.0 ใช้การปัดนิ้วขึ้นเพื่อปลดล็อคหรือปัดลงเพื่อดู Notification ต่างๆก็ได้ โดยมีฟังก์ชั่น Quick App คือลากจากมุมล้างซ้ายจะเป็นการเข้าเมนูโทรศัพท์ ลากจากมุมล่างขวาจะเป็นการเข้ากล้อง หน้า Home Screen ยังคงสไตล์เดิม โดยแบ่งเป็นทั่งหมด 4 แถว สามารถเพิ่มหน้า Home ได้ เมื่อกดเข้า App Draw จะเป็นการเรียงแบบ 5×4 และไอคอนขนาดใหญ่ทำให้สามารถกดใช้งานได้ง่าย (ถ้าอัพ Android 5.1 สามารถเข้าไปแก้ไขขนาด icon ได้ที่ Home Setting) และแถบ Recent App ซึ่งจะแสดงแอพฯที่ทำงานทั้งหมด สามารถปิดแอพฯที่ไม่ได้ใช้งานหรือเลือกปิดทั้งหมดก็ได้m5screens2การใช้งานแอพฯต่างๆไม่ว่าจะเป็น Settings, Email, Clock, Celendar ยังมีให้ใช้งานครบครันและหน้าตาที่ดูสะอาดใช้งานง่าย หน้า Phone และ Call ที่ถูกปรับใหม่ให้เป็น Material Design ดูสะอาดตา สามารถดาวน์โหลดแอพฯเพิ่มเติมได้จาก Play Storem5screens3แน่นอนสิ่งที่ขาดไม่ได้คือแอพฯ Entertainment ต่างๆ ยังให้มาครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Music ซึ่งออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างง่ายมี EQ ให้ปรับ มาพร้อมกับฟีเจอร์ ClearAudio+ สามารถใช้ฟังก์ชั่น Throw เพื่อส่งเพลงไปเล่นยังอุปกรณ์บลูทูสต่างๆที่เราเชื่อมต่อไว้ได้อย่างง่าย ด้าน Video ยังเป็นเครื่องเล่นเพลงหลักๆของเครื่อง โดยสามารถย่อวีดีโอลงมาเพือดูขนาดเล็กเพื่อไม่ขาดช่วงเวลาหาคลิปใหม่ได้แล้ว ทางด้าน Gallery ยังคงรูปแบบเดิมที่สวยงาม สามารถใช้ 2 นิ้วลากปรับขนาดรูปพรีวิวได้อย่างง่ายIMG_3184headar1_comparisonIMG_3081หลายๆคนที่กำลังจะเตรียมซื้อมือถือใหม่อาจจะสับสน แอ๊ะ!!! จะเอารุ่นไหนดีนะ เพราะ Xperia M5 ก็เปิดตัวมาที่ราคาแค่ 14,990 บาท(ไม่เกิน 15000 ตามที่โซนี่ให้สัญญาไว้ ^_^)/ ) แต่ Xperia Z3 ซึ่งเป็นเรือธงปีก่อนก็ราคาลดลงมาต่ำจนสามารถเพิ่มเงินอีกไม่กี่บาทเพื่อไปเอาเรือธงได้แล้ว เพราะถึงแม้จะเก่าแต่ก็มีความเก๋าเอ้ย สเปคที่ยังโดดเด่นพอตัว (ถ้าไม่รวมกล้องหน้าที่โดย Xperia M5 ข่มซะยับเยินอ่ะนะ) ซึ่งแน่นอนว่าในงานมือถือที่จะถึงนี้มันจะสร้างความลังเลให้กับหลายๆคนที่สนใจหาเครื่องใหม่อยู่แน่นอน เราไปดูกันดีกว่าว่าทั้ง 2 ตัวนี้มีความเหมือนหรือความต่างกันอย่างไรบ้าง
IMG_3085ขนาดของตัวเครื่องและดีไซน์ที่แทบจะก็อปกันมาทำให้ Xperia M5 และ Z3 มีขนาดไม่ต่างกันมาก โดยมีความหนาต่างกันเพียง 0.3 mm เท่านั้น ส่วนน้ำหนัก Xperia M5 อยู่ที่ 142.5g ส่วน Xperia Z3 มีน้ำหนัก 152g ขอบข้างที่เป็นอลูมิเนียมเหมือนกันแต่ดูเหมือนว่า Xperia M5 จะใช้วัสดุที่เกรดต่ำกว่าหรืออาจจะเพราะการชุบเงาจึงทำให้การสัมผัสไม่ค่อยรู้สึกถึงความเป็นอลูมิเนียมเหมือนของ Xperia Z3 ที่เป็นสีด้าน **ข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บโซนี่อลูมิเนียมจะเป็นตัว Nylon Caps ที่มุมทั้ง 4 เท่านั้น ส่วนโครงเครื่องยังไม่แน่ชัดว่าใช้วัสดุอะไร**IMG_3141แน่นอนจุดแตกต่างอีกอย่างคือพอร์ต Micro USB ที่ถูกเปลี่ยนมาใช้แบบกันน้ำ ทำให้ไม่ต้องใช้จุกปิดแบบ Xperia Z3 ให้รำคาญในการเปิดใช้งานอีกต่อไปแล้ว แต่เนื่องจากการใช้งานพอร์ต Micro USB ที่สะดวกขึ้นทำให้โซนี่เลือกที่จะถอด Magnetic Charge ออกไปด้วยเช่นกัน ส่วนลำโพงของ Xperia M5 นั้นเนื่องจากเป็นแบบ Mono ทำให้เสียงที่ได้ไม่สามารถสู้ Xperia Z3 ที่เป็นลำโพงคู่ Stereo ได้อยู่แล้ว IMG_3124กล้องหน้าที่คงไม่ต้องพูดอะไรมากรุ่นกลางอย่าง Xperia M5 จัดหนักจัดเต็มถึง 13MP ทำเอา Xperia Z3 น็อคยกกลับบ้านไปอย่างง่ายดาย เพราะกล้องหน้า Xperia Z3 ขนาด 2.2MP นั้นยังไม่สุดยอดมากแถมมีอาการแพ้กลางคืนอีกต่างหากIMG_3167กล้องหลังนี่แหละจุดไครแม็กซ์ เพราะ Xperia Z3 ก็ไม่ธรรมดามาพร้อมกับขนาด 20.7MP GLens F2.0 ISO12800 แถมประมวลภาพด้วยชิป BIONZ อีกต่างหาก ส่วน Xperia M5 ถึงแม้จะไม่ได้มาพร้อมกับ GLens หรือชิป BIONZ แต่ก็มาพร้อมกับเซนเซอร์ตัวใหม่ซึ่งพ่วงมาด้วยความละเอียดถึง 21.5MP F2.2 และเทคโนโลยี Hybrid Autofocus ซึ่งสามารถโฟกัสได้ไวถึง 0.25 วินาที แถมทำ Clear Image Zoom ได้ 5 เท่าเหมือน Xperia Z5 อีกด้วย (Xperia Z3 ทำได้ 3 เท่า) แต่น่าเสียดายที่ดัน ISO ได้แค่ 3200 เท่านั้น :'( เราลองไปดูกันดีกว่าว่ากล้องหลังทั้ง 2 ตัวนี้จะถ่ายรูปออกมาได้สวยต่างกันแค่ไหน

pic1xperiam5z3 pic2xperiam5z3 pic5xperiam5z3 pic3xperiam5z3 pic4xperiam5z3

IMG_3080

การใช้งานเครื่องโดยทั่วไป พบว่า CPU Helio X10 ทำงานได้ดีการเปิดปิดแอพฯต่างๆ ทำได้รวดเร็ว แต่ยังมีความร้อนพอสมควร เพราะลองดู Youtube หรือถ่ายรูปนานๆความร้อนจากหลังเครื่องค่อนข้างเยอะ RAM 3GB ที่ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานลงแอพฯโซเชียลต่างๆครบก็ยังเหลือให้ใช้งานเหลือเฝือ การทัชสกรีนซึงรองรับเพียงแค่ 4 จุดแต่ก็ไม่มีปัญหาต่อการใช้งานเพราะปกติเราใช้กันมากสุดแค่ 2 จุดอยู่แล้ว

หน้าจอ IPS ซึ่งความสวยงามไม่แพ้รุ่นพี่ของมันแต่สีของจอกลับไม่สดมาก และความสว่างที่สามารถใช้กลางแดดได้ดี และด้วยจอขนาด 5″ ทำให้สามารถใช้งานมือเดียวได้อย่างสะดวก

กล้องที่พัฒนาขึ้นมาอย่างมากถ้าเทียบกับรุ่น M4 ซึ่งโซนี่เลือกใช้เซ็นเซอร์ที่ความละเอียด 21.5MP และมาพร้อมกับเทคโนโลยี Hybrid Autofocus อีกซึ่งมันสูงเกือบเทียบเท่าเรือธงอย่าง Z3 เลย การใช้งานการโฟกัส ชัตเตอร์ที่ไวขึ้นมาก (แต่การเซฟภาพยังมีหมุนๆบ้างอยู่เนื่องจากความละเอียดภาพที่สูง) โทนสี WB ซึ่งผมว่าทำได้โอเคขึ้น ซึ่งทำให้อดคิดไม่ได้จริงๆว่าใน Xperia Z5 มันจะแจ่มแมวขนาดไหน

เสียงลำโพงที่ดังใสๆ ฟังเพลงแนวสบายๆได้เพราะอยู่ ซึ่งดูดีกว่ารุ่น M4 ที่เสียงดูอุดอู้ไปหน่อย

แบตเตอรี่ผมว่าขนาด 2600mAh ซึ่งผมว่าน้อยไปนิดนึงแอบอยากให้โซนี่จัดมาซัก 2900mAh แต่การใช้งานเล่นโซเชียลต่างๆ ถ่ายรูปสามารถอยู่ได้ทั้งวันสบายๆ การชาร์จที่ทำได้ไว แม้จะไม่รองรับเทคโนโลยี QuickCharge เพราะไม่ได้ใช้ Snapdragon ซึ่งหลายๆคนอาจอยากรู้ว่าระหว่าง Snapdragon 801 ใน Xperia Z3 กับ Helio X10 ใน Xperia M5 การใช้พลังงานในกิจกรรมต่างๆนั้นแตกต่างกันอย่างไร วันนี้เราได้ลองเทสโดยการใช้งานต่างๆดังนี้ครับ

เริ่มจากแบต Xperia M5 98% Xperia Z3 99% (พอดีติดปัญหานิดหน่อยทำให้ไม่ได้เริ่มเทสที่ 100% ทั้งคู่โทษทีครับ T_T) ปิดแอพฯทั้งหมด เชื่อมต่อ Wifi แต่การใช้งานโทรศัพท์ผมใส่ซิมที่ Xperia Z3 ไว้ Xperia M5 เป็น Emergency Mode ถือว่าต่อให้และกัน 😛 โดยเราลองใช้ในกิจกรรมต่างๆดังนี้ แสงหน้าจอที่ 60% เสียงปรับที่ 80%IMG_3196

ดูคลิป Youtube 30 นาที  – พบว่าแบต Xperia M5 เหลืออยู่ที่ 90% ส่วน Xperia Z3 เหลืออยู่ที่ 92%

youtubetestm5z3

ความร้อนของ Xperia M5(ซ้าย) และ Xperia Z3(ขวา) หลังจากดูคลิป Youtube นาน 30 นาที

ฟังเพลง 15 นาที  – พบว่าแบต Xperia M5 เหลืออยู่ที่ 88% ส่วน Xperia Z3 เหลืออยู่ที่ 90%

musictestm5z3

ความร้อนของ Xperia M5(ซ้าย) และ Xperia Z3(ขวา) หลังจากฟังเพลงนาน 15 นาที

เปิดอัดคลิปโหมด 4K เป็นระยะเวลา 5 นาที  –    พบว่าแบต Xperia M5 เหลืออยู่ที่ 85% ส่วน Xperia Z3 เหลืออยู่ที่ 87%

4ktestm5z3

ความร้อนของ Xperia M5(ซ้าย) และ Xperia Z3(ขวา) หลังจากเปิดถ่าย 4K นาน 5 นาที โดย Xperia Z3 ขึ้นเตือนความร้อนตอน 3 นาที ส่วน Xperia M5 ไม่มีขึ้นเตือนความร้อนแต่อย่างใด

IMG_3139headar1_overallIMG_3153Sony Xperia M5 ถือว่าเป็นตัวต่อยอด Xperia M4 Aqua ที่เพอเฟค และสามารถเรียกได้เต็มปากว่า Super Mid-range เพราะสเปคที่ให้มาจัดเต็มเทียบกับราคา 14,990 บาทถือว่าคุ้มค่า แม้จะโดนตัดฟีเจอร์ต่างๆที่มีในรุ่นท็อปออกไป แต่ฟีเจอร์ที่ให้มาใน M5 นั้นถือว่าไม่ได้ขี้เหร่จากเรือธงเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้าและหลังที่ถูกอัพเกรดขึ้น เทคโนโลยี Hybrid Autofocus ที่เพิ่มเข้ามา RAM ที่ใส่มาให้ 3GB การเลือกใช้ MediaTek Helio X10 ซึ่งความแรงไม่แพ้ค่าย Qualcomm Snapdragon และมาตราฐานการกันน้ำกันฝุ่นที่ระดับ IP68(เท่ากับ Xperia Z5) แค่นี้ก็ทำให้มันยืนในตลาดระดับกลางได้อย่างไม่ต้องเกรงกลัวตัวไหนแล้ว และหลังจากอ่านรีวิวนี้ ใครสนใจเป๋าสั่น 6 ริกเตอร์ไม่ไหวมันอยากบินอยู่ออกจากกระเป๋าแล้ว ตอนนี้วางขายในราคาไม่เกิน 15,000 บาทแบบที่โซนี่ไทยได้ให้สัญญาไว้แล้วครับ โดยวางขายอยู่ที่ 14,990 บาท สามารถซื้อได้ที่ Shop Sony ทั่วไปหรือถ้าใครสนใจโปรโมชั่นดีๆ สามารถไปเลือกซื้อกันในงาน Thailand Mobile Expo 2015 1-4 ตุลาคมนี้ที่ศูนย์สิริกิตย์นะครับ อย่าลืมแวะไปทักทายบูธ SE-Update กันนะครับ เจอกันรีวิวหน้า 😀
headcoverm52blue2uline

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความรู้สึกของคุณต่อบทความนี้ อย่าลืมที่จะแชร์ให้คนอืนได้รู้ความรู้สึกนี้ .
บอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้
  • ประทับใจสุดๆ
  • ดีจังเลย
  • โกรธสุดๆ
  • เฉยๆ อ่ะ
  • รู้สึกหดหู่