หลังจากที่มีภาพและข้อมูลสเปคต่างๆหลุดออกมารัวๆในช่วงเดือนนี้ ในที่สุด Sony Mobile ก็ได้เวลาประกาศเปิดตัว Xperia XZ1 และ Xperia XZ1 Compact เรือธงไซส์กลางและไซส์เล็กประจำปลายปีนี้อย่างเป็นทางการเสียทีพร้อมๆกับ Xperia XA1 Plus สมาร์ทโฟนรุ่นกลางตัวแรกที่มาพร้อมปุ่มพาวเวอร์ที่ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบรุ่นเรือธง ซึ่งในบทความนี้ เราจะแนะนำรุ่นเรือธงตัวใหม่ทั้ง 2 ให้เพื่อนๆได้รู้จัก

Xperia XZ1

    Xperia XZ1 ยังคงมาพร้อมดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า “Loop Surface” แบบเดียวกับ Xperia XZ Premium แต่รอบนี้วัสดุที่ใช้ทำตัวเครื่องไม่ได้ใช้กระจกทั้งด้านหน้าและหลังเหมือนเดิมแล้ว โดยได้หันมาใช้ฝาหลังอะลูมิเนียมแบบ Unibody ที่มีผลทำให้สัญญาณต่างๆผ่านได้ยาก จึงต้องมีแถบเรซินบริเซรด้านหลังส่วนบนและด้านข้างเพื่อให้สัญญาณผ่านได้ นอกจากนี้ NFC ยังถูกย้ายมาวางในช่องร่วมกับเซ็นเซอร์และไฟแฟลชสำหรับถ่ายภาพที่เปลี่ยนมาวางในแนวขวางเหมือนกับ Xperia XZ Premium แล้ว ตัวเครื่องมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีฟ้าแสงจันทร์ (Moonlit Blue), สีดำ (Black), สีเงินโทนอุ่น (Warm Silver) และสีชมพูวีนัส (Venus Pink)

    ในครั้งนี้ Sony Mobile ยังคงเลือกใช้หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.2 นิ้วที่มีความละเอียด Full HD 1080p เหมือนเช่นเคย แต่ในคราวนี้ได้ใส่เทคโนโลยี HDR ที่สามารถแสดง dynamic range ได้ละเอียดมากกว่าปกติแบบเดียวกับ Xperia XZ Premium เข้ามาอีกด้วย แน่นอนว่ายังคงมาพร้อมเทคโนโลยี Triluminos Display for Mobile เอนจิ้นจัดการภาพ X-Reality for Mobile และ Dynamic Contrast Enhancer เหมือนเช่นเคย

    ในด้านประสิทธิภาพ Xperia XZ1 มาพร้อมชุดชิปประมวลผลแบบ 64-bit Octa-core ของ Qualcomm รุ่น Snapdragon 835 ซึ่งทั้งแรงและประหยัดไฟกว่ารุ่นก่อนๆหน้า และ RAM ขนาด 4GB นอกจากนี้ยังรองรับการดาวน์โหลดผ่าน LTE ด้วยความเร็วสูงสุด 1 Gbps หน่วยความจำภายในมีขนาด 64GB ทั้งรุ่น single-SIM และรุ่น dual-SIM โดยเป็นแบบ UFS ที่อ่านข้อมูลได้รวดเร็วถึง 1.5Gbps (ระบบและแอปที่ติดตั้งมากับเครื่องจะใช้พื้นที่ไป 9.5GB) ช่องใส่ SIM เป็นแบบ Hybrid รองรับ Nano SIM ผู้ที่ต้องการหน่วยความจำเพิ่ม สามารถใส่ Micro SD แบบ SDXC ความจุสูงสุด 2TB (ปัจจุบันมีจำหน่ายสูงสุด 256GB) ตัวเครื่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo และรองรับการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0 และ NFC

    ตำแหน่งของปุ่มต่างๆจะยังคงอยู่ในตำแหน่งด้านขวาของตัวเครื่องเช่นเดิม ได้แก่ ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงที่ขยับมาอยู่ด้านบนแล้ว ปุ่มพาวเวอร์ที่ฝังเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้เหมือนเช่นเคย และปุ่มชัตเตอร์ที่จะขาดไปไม่ได้

    พวกเขาระบุว่า หน้าจอ HDR ของ Xperia XZ1 สามารถแสดงสีได้สมจริงและมีการไล่เฉดสีที่ละเอียดกว่าจอทั่วไป แน่นอนว่ายังคงมาพร้อมเอนจิ้นจัดการภาพ X-Reality for Mobile ที่ช่วยปรับภาพให้สวยยิ่งขึ้น ด้วยการลด noise และเพิ่ม texture ทำให้ภาพดูสดใสและคมชัดมากขึ้น แม้จะมาจากต้นฉบับที่ความละเอียดต่ำก็ตาม

    ครั้งนี้โมดูลกล้องที่ใช้ยังคงเป็น Motion Eye ตัวเดียวกันกับ Xperia XZ Premium และ Xperia XZs กล่าวคือ เซ็นเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/2.3 นิ้ว ความละเอียด 19 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซลใหญ่ 1.22μm และยังคงมาพร้อมเลนส์ G อันเลื่องชื่อลือชา มุมกว้าง 25 มม. f / 2.0 และเอนจิ้นประมวลผลภาพถ่าย BIONZ for Mobile เหมือนเช่นเคย มาพร้อมเทคโนโลยี Triple Image Sensing Technology (เซนเซอร์ถ่ายภาพที่มีระบบ Predictive Hybrid Autofocus + Laser Autofocus + เซนเซอร์ RGBC-IR สำหรับตรวจจับสี) รวมถึงเทคโนโลยี Predictive Capture และ Super-slow motion ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Motion Eye

    เผื่อคนที่ลืมกันไปแล้ว Predictive Capture จะทำการ buffer ตรวจจับการเคลื่อนไหวรอไว้ตลอดเวลา และจะเก็บบันทึก 3 ช็อตที่ดีที่สุดล่วงหน้าก่อนที่ผู้ใช้จะกดชัตเตอร์ด้วย โดยตัวกล้องจะเป็นตัวที่คัดรูปภาพที่วัตถุอยู่ในจุดที่ดีที่สุดออกมาให้ผู้ใช้เลือกว่าจะเซฟรูปดังกล่าวไว้หรือไม่ ซึ่งทำให้มันเหมาะกับการถ่ายภาพที่วัตถุมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไม่สามารถถ่ายพลาดได้ ส่วน DRAM บนเซ็นเซอร์กล้องนอกจากจะใช้ในฟีเจอร์ Predictive Capture แล้ว ยังทำให้ Xperia XZ1 สามารถถ่ายวิดีโอ super slow-motion ที่ 960 fps ได้เหมือนกับ Xperia รุ่นเรือธงของต้นปีนี้ (fps สูงกว่าสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นในตลาดถึง 4 เท่า) โดยกล้องจะทำการจับภาพเป็นเวลา 0.182 วินาที แล้วนำไปเล่นที่ 30 fps ได้ความยาว 5.8 วินาที

    Xperia XZ1 ยังคงมีฟีเจอร์ป้องกันการบิดเบือนของภาพ (Anti-distortion Shutter) เช่นกัน ซึ่งจะเห็นผลได้ชัดเมื่อถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วอย่างรถยนต์หรือรถไฟความเร็วสูง (คนละกรณีกับอาการภาพบิดเบี้ยวจากเลนส์) แอปกล้องยังคงสามารถเรียกใช้งานและถ่ายได้ภายใน 0.6 วินาทีด้วยการกดปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้เมื่อเครื่องอยู่ในสถานะ standby ตัวกล้องรองรับ ISO สูงสุด 12800 (ภาพนิ่ง) / 4000 (วิดีโอ) เช่นเคย และสามารถซูมได้ถึง 5 เท่าโดยไม่เสียรายละเอียด และ digital zoom สูงสุด 8 เท่า นอกจากนี้การถ่ายวิดีโอยังคงมีระบบป้องกันสั่น EIS 5 แกน ที่ใช้ชื่อว่า SteadyShot with intelligent active mode

    สิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามา คือ การปรับปรุงในส่วนของซอฟต์แวร์กล้อง มีการเพิ่มฟีเจอร์  Autofocus burst ที่รองรับการถ่ายภาพต่อเนื่องแบบ Burst mode พร้อมๆกับการโฟกัสอัตโนมัติ ซึ่งสามารถถ่ายต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 100 ภาพ (เต็มความละเอียด 19 ล้านพิกเซล) แล้วนำไปทำภาพเคลื่อนไหวต่อได้ นอกจากนี้ และแล้วสิ่งที่หลายๆคนรอคอยก็เป็นความจริง ในโหมด Manual ผู้ใช้สามารถเลือกปรับ ISO พร้อมๆกับ Shutter Speed ได้แล้ว (น้ำตาจะไหล ฝากแชร์นะครับ T^T) แต่ Shutter Speed ยังคงจำกัดช้าสุดที่ 1 วินาทีเหมือนเดิม

    ส่วนกล้องหน้าเป็นเลนส์มุมกว้าง 22 มม. เซ็นเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/3.06 นิ้ว ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.0 รองรับ ISO สูงสุด 6400 (ภาพนิ่ง) / 1600 (วิดีโอ) ซึ่งรองรับระบบป้องกันภาพสั่นไหว Steadyshot with intelligent active mode เหมือนกับกล้องหลัง

    3D Creator ฟีเจอร์ที่แปลกใหม่และล้ำหน้าที่สุด ผู้ใช้สามารถใช้กล้องในการสแกนโครงหน้าหรือวัตถุอื่นๆ เช่น อาหาร แล้วทำออกมาเป็นโมเดล 3D ที่สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแชร์ไปให้คนอื่น, ทำ 3D Avatar, ทำ Wallpaper, เอาไปใช้ใน AR Effect หรือแม้แต่ปรินท์ออกมาด้วยเครื่องปรินท์ 3D ก็ยังได้


    Xperia XZ1 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 2700mAh ที่สามารถใช้งานได้ทั้งวัน รองรับ Quick Charge 3.0 และมาพร้อมเทคโนโลยี Qnovo Adaptive Charging ที่จะช่วยจัดการพลังงานอย่างอัจฉริยะซึ่งทำให้แบตเตอรี่แบบฝังเครื่องมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นถึง 2 เท่า (เสื่อมช้าลงนั่นเอง) ตัวเครื่องมี STAMINA mode และมีโหมดถนอมแบตเตอรี่ Battery Care ตัวเครื่องใช้พอร์ต USB Type-C เวอร์ชั่น 3.1 Gen 1 (ความเร็วถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 5Gb ต่อวินาที)

    แน่นอนว่า Xperia XZ1 ก็ยังคงสามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP65/68 เหมือนกับรุ่นเรือธงที่ผ่านๆมา โดยสามารถกันน้ำได้โดยไม่ต้องปิดพอร์ตหูฟังและ USB Type-C

    ในด้านเสียงนั้น Xperia XZ1 ยัง คงรองรับไฟล์ High-Resolution Audio (LPCM, FLAC, ALAC, DSD) มีฟีเจอร์ DSEE HX ที่ช่วยอัพเกรดคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้น รองรับการเข้ารหัส LDAC และ aptX HD audio ที่ทำให้สามารถฟังเพลงผ่านหูฟังบลูทูธได้โดยไม่สูญเสียความละเอียด และยังคงรองรับ Digital Noise Cancelling เช่นเคยเมื่อใช้ร่วมกับหูฟังที่รองรับ นอกจากนั้นก็ยังคงมีฟีเจอร์ Clear Audio+, Stereo recording, ลำโพงคู่ S-Force Front Surround, Auto-headset compensation และ Stereo Recording ที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ลูกเล่น PS4 Remote Play ก็ยังคงสามารถใช้งานได้เช่นเคย

    Xperia XZ1 หนา 7.4 มม. กว้าง 73 มม. และยาว 148 มม. ส่วนน้ำหนักนั้นอยู่ที่ 156 กรัม สำหรับวันวางจำหน่าย Sony Mobile ระบุว่าจะเริ่มวางจำหน่ายภายในช่วงสัปดาห์หน้านี้เลย

 

Xperia XZ1 Compact

    มาถึงตารุ่นเล็กสเปคแรงเว่อร์ๆอย่าง Xperia XZ1 Compact กันบ้าง ดีไซน์ สเปคและฟีเจอร์หลักๆของรุ่นนี้ดูคล้ายกับเหมือนกันกับ Xperia XZ1 ดังนั้นเราจะพูดถึงแค่สิ่งที่แตกต่างออกไป Xperia XZ1 Compact มีดีไซน์ที่เรียกได้ว่าถอดแบบมาจาก Xperia X Compact เลย ดูคล้ายคลึงกันมาก ตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอ IPS LCD ขนาด 4.6 นิ้วที่มีความละเอียด 720 x 1280 พิกเซล (HD) เหมือนกับ Compact รุ่นก่อนๆ โดยถูกครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass และมาพร้อมเทคโนโลยี Triluminos Display for Mobile และ X-Reality เหมือนกับ Xperia XZ1 แต่ใช้ชุดชิพประมวลผลแบบ 64-bit Octa-core ของ Qualcomm รุ่น Snapdragon 835 เหมือนกัน ส่วน RAM ได้ถูกอัพเกรดขึ้นมาเป็น 4GB แล้ว

    Xperia XZ1 Compact มาพร้อมความจำภายใน 32GB เท่านั้น (พื้นที่ใช้งานสำหรับผู้ใช้ 22.73GB) และไม่มีรุ่น dual-SIM ดีไซน์ใช้ร่วมกับ Xperia XZ1

    กล้องของ Xperia XZ1 Compact อัดแน่นมาด้วยเทคโนโลยีแบบเดียวกับ Xperia XZ1 ที่กล่าวมาข้างต้น มาทั้ง Predictive Capture, Super-slow motion 960 fps, Triple Image Sensing Technology และระบบป้องกันสั่นแบบ 5 แกน และยังมาพร้อมฟีเจอร์ 3D Creator อีกด้วย

    กล้องหน้าของ Xperia XZ1 Compact เป็นเลนส์ Super-wide มุมกว้าง 18 มม. เซนเซอร์ Exmor RS ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาด 1/4 นิ้ว f/2.0 รองรับ ISO สูงสุด 3200 (ภาพนิ่ง) / 1600 (วิดีโอ) ซึ่งรองรับระบบป้องกันภาพสั่นไหว Steadyshot with intelligent active mode เหมือนกับกล้องหลัง แต่มีฟีเจอร์พิเศษก็คือสามารถสลับระหว่างภาพมุมปกติกับ Super-wide ได้ ซึ่งจะช่วยให้เก็บภาพได้กว้างถึง 120 องศาเลยทีเดียว

    แบตเตอรี่มีขนาด 2700 mAh เท่ากันกับ Xperia XZ1 มาพร้อม USB Type-C แบบ 2.0 และมีเทคโนโลยีอื่นๆเหมือนกับ Xperia XZ1 นอกจากนี้ Xperia XZ1 Compact ยังสามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP65/68 เหมือนกับรุ่นเรือธง

    ตัวเครื่องมีสัดส่วน 129 x 65 x 9.3 มม. น้ำหนัก 143 กรัม โดยจะวางจำหน่ายในสีเงินขาว (White Silver), ดำ (Black), น้ำเงินขอบฟ้า (Horizon Blue) และชมพู (Twilight Pink) จะเริ่มวางขายในเดือนกันยายนนี้

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความรู้สึกของคุณต่อบทความนี้ อย่าลืมที่จะแชร์ให้คนอืนได้รู้ความรู้สึกนี้ .
บอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้
  • ประทับใจสุดๆ
  • ดีจังเลย
  • โกรธสุดๆ
  • เฉยๆ อ่ะ
  • รู้สึกหดหู่