บน Xperia X Performance สมาร์ทโฟนเรือธงเมื่อต้นปีนี้ Sony ได้ใช้ฟีเจอร์ถ่ายรูปใน 0.6 วินาที และ Predictive Hybrid Autofocus เป็นจุดขายหลัก และได้เรียกว่าเป็นวิวัฒนาการของการถ่ายภาพครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ Xperia แต่ในคราวนี้ Xperia XZ และ Xperia X Compact สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของ Sony ได้อัพเกรดกล้องด้วย ระบบป้องกันสั่น 5 แกน และเทคโนโลยี Triple Image Sensing ทำให้กล้องของทั้ง 2 รุ่นก้าวล้ำไปอีกระดับ วันเดียวกันกับที่มาอธิบายแนวทางการออกแบบของ Xperia รุ่นใหม่ในไต้หวัน คณะดีไซเนอร์และวิศวกรจาก Sony Mobile ประเทศญี่ปุ่นก็ได้แนะนำเทคโนโลยีใหม่ของกล้องถ่ายรูปบน Xperia XZ และ Xperia X Compact ด้วย
▲ คณะดีไซเนอร์ของ Xperia ระบุว่า พวกเขาได้ทำแบบสำรวจและพบว่าสิ่งที่ผู้บริโภคจำนวนมากต้องการจากสมาร์ทโฟนก็คือ การถ่ายภาพในที่แสงน้อย คุณภาพเลนส์ และคุณภาพหน้าจอ จุดเหล่านี้จึงเป็นจุดหลักที่ Sony Mobile เน้นในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา
ในการออกแบบกล้องที่ประกอบด้วยเลนส์ เซนเซอร์รับแสง และหน่วยประมวลผลภาพถ่าย ต่างก็ได้เลือกใช้ชิ้นส่วนระดับ high-end ของ Sony ทั้งสิ้น ทั้ง Xperia XZ และ Xperia X Compact เลือกใช้ชุดเลนส์ G ที่ประกอบด้วยชิ้นเลนส์จำนวน 6 ชิ้น และมีรูรับแสงขนาด F2.0 เพื่อรับรองว่าจะมีปริมาณแสงเข้าไปได้เพียงพอ ในส่วนของเซนเซอร์รับแสงก็เลือกใช้ Exmor RS แบบ Backside-illuminated ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นของ Sony เอง โดยมีขนาด 1/2.3 นิ้ว ส่วนกล้องหน้าใช้เซนเซอร์ Exmor RS เช่นกัน มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และมีขนาด 1/3 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่าของกล้องหน้า Xperia Z5 ถึง 2.6 เท่า และสุดท้ายมีชิพประมวลผลภาพถ่าย BIONZ ช่วยประมวลผลให้ได้ภาพที่คุณภาพคมชัดยิ่งขึ้น
▲ เซนเซอร์กล้องหน้าใหญ่ขึ้น เลนส์ G แบบ 6 ชิ้น ประกอบกับชิพประมวลผล BIONS ช่วยให้ผู้บริโภคได้ผลลัพธ์การถ่ายรูปที่วางใจได้
เทคโนโลยี Triple Image Sensing
ในครั้งนี้ Sony Mobile ได้ผลักดันเทคโนโลยี Triple Image Sensing (เซนเซอร์ถ่ายภาพ 3 แบบ) มาเป็นตัวชูโรง โดยเซนเซอร์ตัวแรก คือ เซนเซอร์ถ่ายภาพ CMOS ที่รองรับ PDAF (Phase detection Auto Focus) และ Predictive Hybrid Auto Focus ส่วนเซนเซอร์ชิ้นต่อมาคือ RGBC-IR หรือเซนเซอร์อินฟาเรดสำหรับตรวจจับสี RGB ซึ่งเป็นเซนเซอร์ใหม่ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใน Xperia ทั้ง 2 รุ่นนี้ ภายใต้อุณหภูมิสีที่เหมือนกัน เซนเซอร์อินฟาเรดจะทำการวิเคราะห์จุดกำเนิดแสง ณ สถานที่นั้นโดยตรง สามารถพิจารณาแหล่งที่มาของแสงในสภาพแวดล้อมนั้นได้อย่างแม่นยำ ช่วยป้องกันไม่ให้ระบบปรับ White Balance อัตโนมัติคำนวณผิดพลาด และเซนเซอร์อีกตัวหนึ่งที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้ามา ได้แก่ Laser Auto Focus สามารถตรวจจับระยะห่างจากวัตถุ ทำให้สามารถโฟกัสได้รวดเร็วขึ้นในสภาพแสงที่มืดมิด
▲ Triple Image Sensing ประกอบด้วย CMOS ที่รองรับ PDAF, Laser Auto Focus และ RGBC-IR
▲ จุดขายหลักของกล้อง Xperia รอบนี้ประกอบด้วยเทคโนโลยี 3 อย่าง ได้แก่ เซนเซอร์ถ่ายภาพ 3 แบบ, ระบบป้องกันสั่น 5 แกน และกล้องหน้าที่ยอดเยี่ยมสำหรับเซลฟี่
▲ นำ Xperia XZ รุ่นใหม่ไปเทียบกับ Xperia Z5 พบว่าภาพถ่ายเก็บรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น
▲ วิวัฒนาการเทคโนโลยีออโต้โฟกัสของ Xperia จาก Z3 > Z5 > Xperia X > Xperia XZ กล้องของ Xperia มีการพัฒนาขึ้นในทุกๆรุ่น
▲ Predictive Hybrid Auto Focus หรือการโฟกัสโดยคาดเดาทิศทางการเคลื่อนที่วัตถุล่วงหน้า เป็นอีกฟีเจอร์ที่โดดเด่นของกล้อง Xperia
▲ คลิปนี้แสดงการถ่ายวิดีโอโดยที่กล้องมีการเคลื่อนที่ตลอดเวลา แต่กล้องก็สามารถล็อกโฟกัสไว้ที่วัตถุได้ ไม่ว่าตัวกล้องเองจะขยับ หรือวัตถุนั้นจะขยับ กล้องก็ยังสามารถติดตามโฟกัสวัตถุนั้นได้อย่างแม่นยำ
▲ เมื่อมีเทคโนโลยี Predictive Hybrid Auto Focus เข้ามาช่วย จะสามารถถ่ายภาพวัตถุเคลื่อนไหวได้โดยไม่หลุดโฟกัส
ในส่วนของระบบการโฟกัส ตระกูล Xperia X ทั้ง 2 รุ่นใหม่นี้นอกจากจะมีระบบโฟกัสพื้นฐานอย่าง Contrast AF (Auto Focus) และ Phase Detection AF แล้ว ยังได้เพิ่ม Laser AF และ RGBC-IR เข้ามาด้วย โดยสำหรับ Laser AF นั้น หากอยู่ในสภาพแสงที่ค่อนข้างน้อย ระบบ Contrast AF แบบดั้งเดิมจำเป็นต้องใช้วิธีโฟกัสโดยการขยับเลนส์ซ้ำไปซ้ำมา จึงจะสามารถหาจุดโฟกัสที่แม่นยำได้ แต่พอมีระบบ Laser AF เพิ่มเข้ามา เซนเซอร์จะสามารถตรวจวัดระยะห่างจากวัตถุอย่างรวดเร็วด้วยการยิงเลเซอร์ออกไป แล้วมาบอกระยะโฟกัสวัตถุให้แก่กล้องได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นขั้นตอนในการโฟกัสก็จะลดน้อยลง ทำให้กล้องสามารถจับโฟกัสวัตถุได้รวดเร็วขึ้น
▲ นี่คือหลักการทำงานของ Laser AF ใช้เซนเซอร์อินฟาเรดในการตรวจจับระยะห่างของวัตถุ จึงลดขั้นตอนการโฟกัสลงได้
ตัวช่วยสำคัญในการถ่ายรูปอีกอย่างหนึ่ง ได้แก่ เซนเซอร์อินฟาเรด RGBC-IR โดย Sony ระบุว่า ในการถ่ายภาพทั่วไปนั้น โดยปกติแล้วจะพิจารณา White Balance จากการกระจายตัวของแสง RGB ที่มองเห็นได้ในภาพ แต่บางครั้งถึงจะมี RGB ที่เหมือนกัน แต่อุณหภูมิสีที่ได้กลับไม่ค่อยแม่นยำ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่คนเลือกใช้หลอดไฟ LED กันมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งมีผลทำให้กล้องวัดค่าผิดได้ง่าย ในครั้งนี้ Xperia ได้เพิ่มเซนเซอร์ RGBC-IR เข้ามาก็เพื่อป้องกันสถานการณ์เช่นนี้ เซนเซอร์ RGBC-IR สามารถแยกแยะแสงอินฟาเรดที่เป็นแสงที่ไม่สามารถมองเห็นได้ภายในสิ่งแวดล้อมขณะนั้น เมื่อเพิ่มระบบการตรวจจับนี้เข้ามา ต่อไปการพิจารณา White Balance ก็จะสามารถทำได้อย่างแม่นยำขึ้นมาก และทำให้ภาพที่ได้ตรงกับสีที่แท้จริงมากขึ้น
▲ เมื่อเพิ่มการพิจารณาสีด้วย RGBC-IR เข้ามา กล้องก็จะสามารถเลือก White Balance ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
▲ ในสภาพแวดล้อมที่มีแหล่งกำเนิดแสงหลายจุดผสมกัน พอมี RGBC-IR เข้ามาช่วย White Balance ก็แม่นยำยิ่งขึ้น (ซ้ายมี RGBC-IR, ขวาไม่มี RGBC-IR) (รูปภาพจาก Sony Mobile)
ระบบป้องกันสั่น 5 แกน
Sony ได้เพิ่มระบบป้องกันสั่นแบบ 5 แกนเข้ามาในหมู่ฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอของ Xperia เป็นครั้งแรก นอกจากระบบป้องกัน 3 แกนเดิมที่ประกอบด้วย Yaw / Pitch / Roll แล้ว ครั้งนี้ X / Y ได้ถูกเพิ่มเข้ามา ทำให้การถ่ายวิดีโอจะทำได้นิ่งยิ่งกว่าเดิมที่ทำได้ดีมากอยู่แล้ว ซึ่ง Xperia XZ และ Xperia X Compact ต่างก็เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกที่มีระบบป้องกันสั่น 5 แกนเช่นนี้
▲ นอกจากจะป้องกันสั่นในทิศทางการหมุนหน้า-หลังและการหมุนตาม-ทวนเข็มนาฬิกาแล้ว ยังได้เพิ่มการป้องกันสั่นในตั้งและแนวราบเข้ามาอีก
▲ จากคลิปทดสอบการถ่ายวิดีโอนี้จะพบว่า แม้ว่าผู้ถือกล้องจะตั้งใจถือให้สั่นอย่างรุนแรง แต่ภาพวิดีโอที่บันทึกในขณะนั้นแทบไม่มีการสั่นไหวเลย บอกได้เพียงว่ากันสั่น 5 แกนไม่ธรรมดาจริงๆ
▲ เพื่อที่จะใส่ระบบป้องกันสั่นในแกน X / Y เข้ามา Sony ได้ใช้ Accelerometer เข้ามาช่วยทำงานร่วมกับ Gyro Sensor ซึ่งต้องมีการประมวลที่ซับซ้อน แต่ก็ทำสำเร็จได้ด้วยเทคโนโลยีของ Sony
คุณภาพของภาพและเสียงที่สูงขึ้น
นอกจากจะมีการอัพเกรดครั้งใหญ่ในด้านการถ่ายรูปแล้ว อย่าลืมว่า Sony ยังมีเทคโนโลยีและความรู้มากมายในด้านภาพและเสียงอยู่ในกำมือ ซึ่งทั้ง 2 ด้านนี้ Sony จัดว่าอยู่ในแนวหน้าเลยทีเดียว และแน่นอนว่าสมาร์ทโฟนของ Sony ก็ไม่ลืมที่จะพัฒนาในส่วนเหล่านี้เช่นกัน อันดับแรก ในส่วนของภาพ Xperia เลือกใช้หน้าจอแบบ IPS เพื่อที่จะรับประกันว่าภาพที่ได้จะมีคุณภาพสีที่แม่นยำ ซึ่ง Sony เองก็ทราบดีกว่าในการแสดงผลสีดำอาจทำได้ไม่ดีเท่า OLED แต่ในสภาพแสงที่สว่าง หน้าจอ IPS สามารถแสดงภาพได้งดงามกว่า นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี X-Reality ของ Sony ที่ช่วยยกระดับคุณภาพของภาพที่แสดง
▲ เปรียบเทียบระหว่าง IPS และ OLED ในสภาพแวดล้อมที่แสงยิ่งสว่าง IPS จะทำได้ดีกว่า
▲ ยังมีเทคโนโลยี X-Reality ช่วยยกระดับคุณภาพของภาพและความอิ่มของสี
▲ ในด้านอัตราการแสดงสี sRGB ทาง Sony ระบุว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนแบบใหม่ของพวกเขาสามารถแสดงสีสันได้ดีกว่าแต่ก่อน และดีกว่า OLED ด้วย
▲ ยกเอา Color space มาเทียบให้ดู ยิ่งสามเหลี่ยมภายในกรอบยิ่งกว้าง ขอบเขตของสีที่สามารถแสดงได้ก็จะมีมากขึ้น
สุดท้ายในส่วนของเสียง ตั้งแต่ Xperia Z5 เป็นต้นมา ต่างก็รองรับเพลงความละเอียดสูง 24bit โดยผู้ใช้เพียงแค่มีหูฟังที่รองรับ Hi-Res Audio และไฟล์เพลงความละเอียดสูง ก็จะสามารถเพลิดเพลินไปกับการฟังเพลงคุณภาพสูงได้ ซึ่ง Xperia ก็มุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์ทั้งภาพและเสียงคุณภาพยอดเยี่ยมให้แก่ผู้ใช้มาตลอด และ Xperia ก็จะพัฒนาคุณภาพการแสดงภาพและเสียงให้ยอดเยี่ยมมากขึ้นอีกในอนาคต
▲ ตารางเปรียบเทียบฟีเจอร์ด้านเสียงของ Xperia แต่ละรุ่น
ที่มา: ePrice
- ประทับใจสุดๆ
- ดีจังเลย
- โกรธสุดๆ
- เฉยๆ อ่ะ
- รู้สึกหดหู่
สาวกอารยธรรมผู้คลั่งไคล้ทุกสรรพสิ่งที่ติดโลโก้ SONY.
