สรุปงานเปิดตัว Sony IFA 2014

 ก็รอคอยกันมาอย่างยาวนานสำหรับงาน IFA2014 ที่จัดขึ้นที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน หลังจากมีทั้งภาพหลุดและข่าวลือต่างๆนาๆเกี่ยวกับสิ่งที่ Sony จะนำมาเปิดตัวในงานนี้ ซึ่งงานนี้เป็นงานช่วง Q3 ของปีต่อจากงาน MWC2014 ที่ได้เปิดตัว Xperia Z2 ไปแล้ว แล้วความนี้ก็จะเป็นรุ่นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากเรือธงท้ายปี Xperia Z3 Series นั่นเอง โดยภาพในงานนี้เปิดตัวออกมาถึง 3 รุ่นด้วยกัน คือ Xperia Z3, Xperia Z3 Compact, Xperia E3 และไลน์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวกับ Phablet ตัวล่าสุด Xperia Z3 Tablet Compact นอกจากนั้นยังมีการเปิดตัวกล้องตระกูล DSC อีก 2 รุ่นด้วยกัน และกระแส Smart Wear ที่กำลังฮิตตอนนี้ทำให้โซนี่ไม่พลาดที่จะเปิดตัว SmartWatch3 กับ SmartBand Talk ด้วย เราไปดูกันดีกว่าครับว่าในงานมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อะไรใหม่ๆบ้าง

Xperia Z3

เปิดตัวกันด้วยเรือธงท้ายปี Xperia Z3 กันก่อนเลยดีกว่า หลังจากมีทั้งภาพหลุดข่าวลือมาระยะนึงแล้ว หลักๆแล้วเมื่อดูจากสเปคโดยรวมอาจจะต่างจาก Xperia Z2 ไม่มากแต่ก็มีหลายฟีเจอร์ที่ถูกยัดเข้ามาใหม่ โดยรูปทรงถ้าดูเผินๆยังคงคล้ายกับ Xperia Z2 ยังคงเป็นดีไซน์แบบ Omnibalance Design ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Xperia Z Series อยู่แล้ว แต่ว่าคราวนี้ขอบเครื่องได้ถูกเปลี่ยนใหม่ให้มีความโค้งมนจับสะดวกมือมากยิ่งขึ้นปุ่ม Power ที่เปลี่ยนดีไซน์ใหม่กลับไปคล้ายกับตอน Xperia Z คือมีขนาดใหญ่แบบเรียบๆไม่เป็นตุ่มออกมาแบบตอน Xperia Z1, Xperia Z2 และเนื่องจากมีหลายๆคนบ่นเกี่ยวกับมุมของตัวเครื่องที่เป็นเหลี่ยมมากเกินไป คราวนี้โซนี่เลยใช้แบบ  Nylon Caps เพื่อปิดให้ Xperia Z3 มีความโค้งมนมากขึ้นและยังรับแรงกระแทกได้ดีขึ้นด้วย และยังเพิ่มสีใหม่คือ เขียวทะเล กับสีทองแดงสุดหรูอีกด้วย (สีขาวก็ได้ทำส่วนหน้าจอด้านหน้าให้เป็นสีขาวแบบที่แฟนๆเรียกร้องอีกด้วย)

โดยสเปคของ Xperia Z3 คร่าวๆก็มีดังนี้

หน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียด(1920 x 1080) TRILUMINOS Display พร้อม Live Colour LED และ X-Reality
ชิพ Qualcomm Snapdragon 801 (MSM8974AC) 2.5 GHz quad-core พร้อมตัวประมวลผลกราฟิก Adreno 330 มาพร้อมกับ Android 4.4 KitKat
RAM 3GB มาพร้อมกับพื้นที่ภายในขนาด 16GB หรือ 32GB
กล้อง 20.7MP มาพร้อมเซ็นเซอร์ Exmor RS 1/2.3 นิ้ว ใช้ Sony G Lens 25มม. พร้อมดัน ISO ได้สูงสุดที่ ISO12800 / กล้องหน้า 2.2MP
ลำโพงคู่ S-FORCE Front Surround มาพร้อมกับชิป DSEE HX, i-Res Audio และระบบ Digital Noise Cancellation
แบตเตอรี่ขนาด 3,100 mAh
มาตราฐานกันน้ำกันฝุ่นที่ IP65/68
น้ำหนัก 153 กรัม

มีจำหน่ายทั้งหมด 4 สี ขาว, ดำ, ทองแดง และเขียวเงิน
ราคาถ้าอ้างอิงจากประเทศนอกจะอยู่ที่ 649 ยูโร(27,325 บาท) ในประเทศเยอรมัน, 679 ยูโร(28,588 บาท) ในประเทศฝรั่งเศส, 699 ยูโร(29,428 บาท) ในประเทศอิตาลี และ 549 ปอนด์(28,937 บาท) ในประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ราคาที่จำหน่ายในไทยอาจถูกกว่าราคาข้างต้น

ฟีเจอร์เด่น

• PS4 Remote Play รองรับการสตรีมเกมมาจากเครื่องเล่น PlayStation 4 โดยตรงมาบนมือถือ Xperia Z3 โดยสามารถเชื่อมต่อกับจอย DualShock4 เพื่อควบคุมเกมได้อีกด้วย(การสตรีมภาพคือ เกมถูกประมวลผลบนเครื่อง PS4 แต่ภาพที่ออกมาบนทีวี สามารถออกมาบน Xperia Z3 ได้ด้วย และควบคุมที่มือถือได้โดยตรง)

• Sony’s DSEE HX technology : ชิปถอดเสียงสัญญาณ Hi-End ของโซนี่ที่จะทำให้อรรถรสการฟังเพลงของคุณก้าวไปอีกระดับ โดยจะทำให้ไฟล์ในเครื่องคุณ ไม่ว่าจะเป็น MP3 หรือ AAC ที่มีความละเอียดของบิทเรตต่ำๆได้รับการปรับจูนให้มีความคมชัดของเสียงได้ดียิ่งขึ้น และฟีเจอร์ Hi-Res Audio ที่จะช่วยลดความผิดเพี้ยนของเสียง และเสียงลบกวนออกไป โดยอันนี้พอร์ตออกมาจาก Walkman เช่นเดียวกับฟังก์ชั่น Noise Cancelling ที่มีใน Xperia Z2

• รองรับมาตราฐานการกันน้ำกันฝุ่นที่ระดับ IP65/68 ทำให้สามารถดำน้ำได้ลึกขึ้นถึง 2 เมตร

แม้ว่า Xperia Z3 จะใช้เซ็นเซอร์ Exmor RS ขนาดเท่าเดิมที่ 1/2.3″ แต่ใช้ Sony G Lens ขนาด 25mm ตัวใหม่ที่ทำให้ถ่ายภาพได้กว้างกว่าเดิม แถมยังสามารถดัน ISO3200 ได้ในโหมด Auto และยังสามารถดันได้สูงสุดถึง 12800 ในโหมด Manual เลยทีเดียว

สำหรับหน้าจอยังเป็นแบบ IPS Display สีคมกริบแบบ Xperia Z2 มาพร้อมกับเทคโนโลยี TRILUMINOS Display พร้อม Live Colour LED และ X-Reality ส่วนกระจกที่ใช้ทำหน้าจอนั้น โซนี่ไม่ได้ระบุว่าใช้ค่ายไหน บอกแค่ว่าเป็น Tempered Glass

สามารถชมคลิปวีดีโอของ Xperia Z3 ทั้งหมดได้ที่ Sony Xperia Youtube Channel

 

 

Xperia Z3 Compact

หลังจากประสบความสำเร็จด้วยดีกับยอดขายถล่มถลายในประเทศญี่ปุ่นของ Xperia Z1 Compact ที่มีตัวเครื่องที่เล็กกระทัดรัดแต่สเปคจัดเต็มระดับเรือธง แต่เราก็ผิดหวังที่ตอนเปิดตัว Xperia Z2 กลับไม่มีวี่แววของ Xperia Z2 Compact ออกมา แต่โซนี่ก็ไม่ยอมให้ซีรี่ย์นี้ดับไปง่ายๆ จึงเปิดตัว Xperia Z3 Compact ออกมา โดยดีไซน์เป็น Omnibalance แบบเดียวกับรุ่นพี่ Xperia Z3 ขอบด้านข้างเป็นแบบมน โดยสเปคหลักๆคล้ายกับ Xperia Z3 ทุกอย่างยกเว้นขนาดหน้าจอที่ลดเหลือ 4.6 นิ้ว ความละเอียด 1280*720 พิกเซลแบตเตอรี่ 2600 mAh RAM 2GB และตัวเครื่องมีขนาด 127.3 x 64.9 x 8.64 mm หนักเพียง 129 กรัมเท่านั้น มีทั้งหมด 4 สี คือ สีดำ, สีขาว, สีแดงและสีมิ้นต์เงิน

ราคาอยู่ที่ 99 ยูโร(21,003 บาท) ทั้งในประเทศเยอรมัน ฝรั่งเศส และอิตาลี ส่วนในอังกฤษมีราคาอยู่ที่ 429 ปอนด์(22,616 บาท) ทั้งนี้ราคาในไทยอาจถูกกว่าราคาข้างต้น

นอกจากนี้ยังมีฝาพับ Flip Cover แบบแสดงผลที่หน้าจอ เข้ากับโทนสีเครื่องให้เลือกใช้อีกด้วย

สามารถชมคลิปวีดีโอของ Xperia Z3 Compact ทั้งหมดได้ที่ Sony Xperia Youtube Channel

Xperia Z3 Tablet Compact

เป็นไลน์ใหม่ของทางโซนี่กับชื่อ Tablet Compact (แปลกใจทำไมโซนี่ไม่ได้ Ultra ต่อนะ หรือจะมี Ultra เปิดตัวในงานถัดไป!!!) โดยคราวนี้เป็น Phablet ในชื่อ Xperia Z3 Tablet Compact มีมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 8 นิ้ว กล้องหลัง 8MP แบบไม่มี Flash (มันก็คล้ายกับตอน Xperia Z Ultra นะ ><) โดยฟีเจอร์ส่วนใหญ่จะคล้ายกับที่เพิ่มเข้ามาใน Xperia Z3 ที่อธิบายไปข้างต้น คราวนี้เราลองมาดูสเปคคร่าวๆของ Mini Tablet ตัวนี้กันดีกว่า

หน้าจอขนาด 8 นิ้วความละเอียด Full-HD (1920×1200 พิกเซล) TRILUMINOS Display พร้อม X-Reality
ซีพียู  Snapdragon 801 Quad-core 2.5 GHz, RAM 3GB หน่วยความจำภายใน 16GB (เพิ่มได้สูงสุด 128GB)
แบตเตอรี่ขนาด 4500 mAh
กล้องหลัง 8.1MP Exmor RS กล้องหน้า 2.2MP
มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 4.4 KitKat
รองรับมาตราฐานกันน้ำกันฝุ่นที่ IP65/68
ขนาดตัวเครื่อง 213 x 123 x 6.4 mm หนัก 280 กรัม

ราคารุ่น Wifi อยู่ที่ 16GB ที่ 379 ยูโร(15,952 บาท) ในประเทศเยอรมัน ฝรั่งเศสและสเปน และ 399 ยูโร(16,794 บาท) ในประเทศอิตาลี ส่วนราคาในประเทศอังกฤษอยู่ที่ 329 ปอนด์(17,341 บาท) สำหรับรุ่น 32GB ตั้งราคาไว้ที่ 429 ยูโร(18,062 บาท)ในประเทศเยอรมัน ฝรั่งเศสและสเปน ส่วนในประเทศอังกฤษมีราคาอยู่ที่ 379 ปอนด์(19,970 บาท)

ส่วนรุ่น 4G LTE อยู่ที่ 16GB มีราคา 479 ยูโร(20,167 บาท)ในประเทศเยอรมัน, 499 ยูโร(21,003 บาท)ในประเทศอิตาลี และ 429 ปอนด์(22,616 บาท)ในประเทศอังกฤษ

สามารถชมคลิปวีดีโอของ Xperia Z3 Tablet Compact ทั้งหมดได้ที่ Sony Xperia Youtube Channel

Sony Xperia E3

มาต่อกันที่รุ่นเล็กกันบ้างกับ Xperia E3 ซึ่งเปิดตัวมาทั้งหมด 4 สีด้วยกันคือ ขาว เขียวอ่อน ทองแดง และดำ มีสเปคดังนี้

CPU Snapdragon 400 ความเร็ว 1.2 GHz
หน้าจอ LCD ขนาด 4.5 นิ้ว ความละเอียด WVGA
หน่วยความจำในตัว 4 GB รองรับ microSD สูงสุด 128 GB RAM 1 GB
กล้องหลัก 5 ล้านพิกเซล รองรับดิจิทัลซูม 8 เท่า
แบตเตอรี่ขนาด 2330 mAh
จำหน่าย 2 รุ่นด้วยกันคือ 3G/LTE และ DualSIM

ยังไม่กำหนดราคาวางจำหน่าย

ต่อมาก็มาถึงส่วน Gadget ที่เปิดตัวใหม่กันบ้าง โดยในงาน IFA2014 ก็มีการเปิดตัว Sony SmartWatch3 และ SmartBand Talk ซึ่งเป็น Smart Wear ตัวใหม่ และยังมีเลนส์ DSC-QX30 และ QX1 นอกจากนั้นยังมี Accessory อื่นๆไม่ว่าจะเป็น Bluetooth Headset  และ Bluetooth Speaker อีกด้วย

SmartWatch 3

เนื่องจากงานเปิดตัว Android L ที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัว Android Wear ซึ่งจะเป็นมาตราฐานระบบปฏิบัติการใหม่ของอุปกรณ์สวมใส่ ทำให้โซนี่ต้องหันไปใช้ด้วย(แต่ตอนแรกก็ประกาศจะไม่ทำ Android Wear นะ >.<) แต่เนื่องจาก SmartWatch นั้นหันมาใช้ Android Wear ทำให้ความสามารถพื้นฐานไม่ต่างกับนาฬิกาที่ค่ายอื่นเปิดตัวมา ทำให้โซนี่ต้องยัดฟังก์ชั่น Lifelog ลงใน SmartWatch 3 ด้วย และสามารถถอดตัวนาฬิกาออกเพื่อเปลี่ยนสายได้คล้ายๆกับ SmartBand โดย SmartWatch3 มีสเปคคร่าวๆดังนี้

หน้าจอแบบ Transflective TFT LCD ขนาด 1.6 นิ้วมีความละเอียดที่ 320×320 พิกเซล
ใช้หน่วยประมวลผล ARM A7 ความเร็ว 1.2 GHz แบบ Quad-Core
หน่วยความจำ eMMC ขนาด 4GB, RAM 512MB
มีเซ็นเซอร์ Ambient light sensor, Accelerometer, Vibrator, Compass, Gyroscrope และ GPS ในตัว
รองรับการเชื่อมต่อผ่าน NFC ใช้ Bluetooth 4.0
สามารถถอดเปลี่ยนสายได้
แบตเตอรี่ขนาด 420mA สามารถใช้งานได้ประมาณ 2 วัน

ราคา 229.99 ยูโร จำหน่ายพร้อมกับ Xperia Z3 ครับ (ราคาจำหน่ายในไทยอาจถูกกว่า)

SmartBand Talk

หลังจากเปิดตัว SmartBand มาเมื่อคราวก่อน แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายเท่าที่ควรเพราะสินค้าลักษณะเดียวกันของค่ายอื่น มีหน้าจอ! คราวนี้โซนี่จึงไม่พลาดใส่หน้าจอมาใน SmartBand ของตัวเองด้วยและเพิ่มฟังก์ชั่นการพูดคุยโทรศัพท์ลงไป โดยเพิ่มแบตเตอรี่ให้เยอะขึ้นจนสามารถอยู่ได้ 3 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง สเปคคร่าวๆของ SmartBand Talk มีดังนี้

หน้าจอชนิด E Ink ขาว-ดำ ขนาด 1.4 นิ้วความละเอียด 288×128 พิกเซล
หน่วยประมวลผล ARM Coretex-M4
หน่วยความจำ 2MB
มีเซ็นเซอร์ Accelerometer, Altimeter, Vibrator ในตัว
รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 4.0
สามารถถอดเปลี่ยนสายได้
แบตเตอรี่ขนาด 70 mA (สามารถใช้งานได้ 3 วันติด)

ราคาอยู่ที่ 159.99 ยูโร (ราคาจำหน่ายในไทยอาจถูกกว่า)

ในงาน IFA2013 โซนี่ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการกล้องโทรศัพท์ด้วยการเปิดตัว DSC-QX10 และ DSC-QX100 มาแล้ว ในงาน IFA2014 โซนี่ไม่พลาดที่จะสานต่อความสุดยอดนี้ด้วยการเปิดตัวกล้องอีก 2 รุ่นด้วยกันคือ DSC-QX30 และ ILCE-QX1

DSC-QX30

เป็นกล้องสไตล์ซูมอีกเช่นเดียวกับ DSC-QX10 แต่มีการปรับปรุงเล็กน้อยดังนี้

ใช้เซ็นเซอร์ Exmor R BSI-CMOS ขนาด 1/2.3″ ความละเอียด 21MP ใช้ชิป BIONZ X ช่วยประมวลผลภาพ
ตั้ง ISO ได้สูงสุดที่ ISO3200
ระยะโฟกัส 24-720mm Optical Zoom 30เท่า ซูมดิจิตอลได้ 2 เท่า
รูรับแสง F3.5-F6.3
ตั้งความเร็วชัตเตอร์ได้ที่ 4 วินาทีจนถึง 1/1600 วินาที
ชดเชยแสงได้ 3 ระดับ และสามารถถ่ายวีดีโอที่ความละเอียด Full HD ได้
ราคาอยู่ที่ 350 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราคาจำหน่ายในไทยอาจถูกกว่า)

ILCE-QX1

มาต่อที่ตัวใหม่ซึ่งเป็นเหมือนกล้อง Mirrorless ที่ถูกทำมาให้ใช้กับ Xperia ได้ยังไงยังงั้นกับ ILCE-QX1 เพื่อให้สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ตามสถานการณ์ โดยเลนส์สามารถใช้เลนส์ E-Mount ของตระกูล Alpha NEX ได้หรือจะติดตัวแปลง A-Mount เพื่อใช้เลนส์ ของตระกูล Alpha/Konica Minolta ก็ได้อีก ^_^)/ แถมยังสามารถใช้ Pop-up Flash ได้อีกด้วย เรามาดูสเปคคร่าวๆของกล้องตัวนี้กันดีกว่า

ใช้เซ็นเซอร์ Exmor APS-C CMOS ความละเอียด 20.1 ล้านพิกเซล ใช้ชิป BIONZ X ในการช่วยประมวลผล
สามารถตั้ง ISO ได้สูงสุดที่ ISO16000
สามารถซูมแบบไม่เสียรายละเอียดภาพได้ 2 เท่า
มีจุดโฟกัสภาพทั้งหมด 25 จุดด้วยกัน
ค่าตัวคูณ Focal length multiplier ที่ 1.5x
ความเร็วชัตเตอร์ตั้งได้ที่ 30 วินาที จนถึง 1/4000 วินาที
มี Flash ในตัว ระยะยิงแฟลชสูงสุดที่ 4 เมตร แฟลชซิงก์ที่ 1/160 วินาที
ถ่ายภาพต่อเนื่องที่ 4 เฟรมต่อวินาที
ชดเชยแสงได้ 3 ระดับ
สามารถใช้เมมโมรี่ Memory Stick Micro, microSD, microSDHC, microSDXC ได้

ราคาขายเฉพาะตัวบอดี้อย่างเดียวอยู่ที่ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ยังไม่มีประกาศราคาแบบขายพร้อมชุดเลนส์ (ราคาจำหน่ายในไทยอาจถูกกว่า)

นอกจากนั้นยังมีการเปิดตัว Accessory อีก 2 ตัวด้วยกันคือ ลำโพง Bluetooth® Speaker BSP10 และหูฟัง Stereo Bluetooth® Headset SBH60 ซึ่งถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมของ 2 ตัวนี้เราจะมาอัพเดทอีกทีครับ 😀