ถือเป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่น่าพึงพอใจสำหรับ Sony Corp. บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นเพิ่งจะประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2015 ออกมาเมื่อวานนี้ โดยมียอดขายรวมทั้งบริษัทอยู่ที่ 2.58 ล้านล้านเยน (ประมาณ 7.6 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 1.821 แสนล้านเยน (ประมาณ 53,649 ล้านบาท) และเป็นกำไรสุทธิ 1.2 แสนล้านเยน (ประมาณ 35,385 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.5%, 11% และ 33.5% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปี 2014

_20160130_015811

    ในไตรมาสที่ 3 นี้ แม้ว่าฝ่าย Sony Mobile จะมียอดขายลดลงถึง 14.7% เหลือ 3.845 แสนล้านเยน (ประมาณ 1.13 แสนล้านบาท) แต่รายได้จากการดำเนินงานกลับเพิ่มขึ้นถึง 133% เป็น 2.41 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 7,099 ล้านบาท) นั่นเป็นเพราะแผนการที่ Sony กำลังพยายามปรับขนาดธุรกิจสมาร์ทโฟนให้เล็กลงเพื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกกำลังชะลอตัว

_20160130_015856

    Sony ชี้แจงว่า “ยอดขายที่ลดลงนี้เนื่องมาจากยอดขายสมาร์ทโฟนที่ลดลงจำนวนมากซึ่งเป็นผลจากการตัดสินใจทางกลยุทธ์ที่เลือกที่จะไม่เน้นขายเอาจำนวนเพื่อที่จะเพิ่มกำไรให้มากขึ้น” ทางบริษัทยังได้เสริมอีกว่า งบการตลาดและการส่งเสริมการขายที่ปรับลดลง ประกอบกับ “การเปลี่ยนไปเน้นรุ่นที่มีมูลค่าเพิ่มสูง” ช่วยผลักดันให้ผลกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

    ธุรกิจการผลิตชิพของ Sony ที่เติบโตเป็นอย่างมากจากการขายเซนเซอร์ถ่ายภาพให้กับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนทั่วโลก กลับกลายเป็นธุรกิจที่ฉุดกำไรของบริษัทลงในไตรมาสนี้ โดยขาดทุนจากการดำเนินการ 1.17 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 3,446 ล้านบาท) จากยอดขายที่ลดลงไป 12.6% เนื่องจาก “อุปสงค์ต่ออุปกรณ์เคลื่อนที่ลดลง และยอดขายที่ลดลงอย่างมากในธุรกิจแบตเตอรี่”

    ทางฟากของฝ่ายเกม PlayStation ยังคงเป็นแม่ทัพใหญ่ของ Sony โดยธุรกิจเกมคอนโซลนี้มียอดขายเพิ่มขึ้นอีก 10% และมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 45% เป็น 4.02 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 1.185 หมื่นล้านบาท) ซึ่ง Sony ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจาก การลดมูลค่าทางบัญชีของทรัพย์สิน (write-down) PS Vita และอุปกรณ์ PS TV ประกอบกับยอดขาย PlayStation 4 ที่เพิ่มขึ้น

    ส่วนกิจการอื่นๆของ Sony อย่างธุรกิจกล้อง ก็เผชิญกับยอดขายที่ลดลง 5% แต่กำไรเพิ่มขึ้น 20% เป็น 2.37 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 6,987 ล้านบาท) ซึ่งธุรกิจ home entertainment (Bravia) ก็เจอสถานการณ์ที่คล้ายกัน กล่าวคือ ยอดขายลดลง 4.3% แต่กำไรเพิ่มขึ้น 19.8% เป็น 3.12 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 9,198 ล้านบาท) ส่วนทางด้านค่ายเพลง Sony Music และ Sony Pictures ต่างก็มียอดขายเพิ่มขึ้น 8.2% และ 26.9% ทำให้มีกำไร 2.74 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 8,078 ล้านบาท) และ 2.04 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 6,014 ล้านบาท) ตามลำดับ ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง 007: Spectre และ Hotel Transylvania 2 เป็นตัวชูโรง

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความรู้สึกของคุณต่อบทความนี้ อย่าลืมที่จะแชร์ให้คนอืนได้รู้ความรู้สึกนี้ .
บอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้
  • ประทับใจสุดๆ
  • ดีจังเลย
  • โกรธสุดๆ
  • เฉยๆ อ่ะ
  • รู้สึกหดหู่