หลังจากที่ปล่อยให้ Xperia Z3 ครองตำแหน่งเรือธงมาอย่างยาวนาน เพราะถึงแม้จะทำตัวต่อยอดออกมาอย่าง Xperia Z4 หรือ Z3+ ก็กลับเจอปัญหาหลักๆเรื่องความร้อนแรงของ Snapdragon 810 ที่ทำเอาผวากันไปตามๆกัน ประกอบกับตัวเครื่องที่แทบจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ ทั้งการดีไซน์และฟีเจอร์ทำให้กระแส Xperia Z3+ นั้นเงียบไปและวางขายแค่ไม่กี่ประเทศ(ไม่วางขายในไทย) จนเริ่มมีข่าวลือถึง Xperia Z5 ซึ่งก็มีรูปหลุด ข้อมูลรั่วต่างๆออกมาเป็นระยะ ว่าจะใช้เซ็นเซอร์กล้องตัวใหม่ มีสแกนลายนิ้วมือนะ ให้สาวกได้ชื่นใจและรอคอยจนใจจดใจจ่อ
จนงาน IFA2015 ที่ผ่านมาโซนี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เปิดตัวเรือธงตัวใหม่ Xperia Z5 มาพร้อมกับเลนส์ตัวใหม่ 23MP และ Hybrid Autofocus ที่เร็วถึง 0.03 วินาที และปุ่มพาวเวอร์แบบใหม่ บอกลาตุ้มกลมๆได้เลย เพราะมันถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือนั่นเอง แถมเปิดตัวออกมาถึง 3 รุ่นด้วยกันคือ Xperia Z5 Compact ตัวเล็ก สเปคแรงที่เหมือนจับ Xperia Z5 มาย่อส่วน และอีกตัวที่หวือหวาพอสมควรกับ Xperia Z5 Premium ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับหน้าจอ 4K เครื่องแรกของโลก!!! และตัวเครื่องที่เงาวับชนิดที่ใช้เป็นกระจกเงาได้เลยทีเดียว เกริ่นไปเกริ่นมากิเลสเริ่มเกิดเยอะและ เราลองไปดู Xperia Z5 กันก่อนดีกว่าว่าตัวนี้จะมีอะไรใหม่ๆกันบ้าง
Xperia Z5 ที่เราได้มารีวิวให้ชมกันเป็นเครื่องจากไต้หวัน ซึ่งตัวเครื่องจะแถม Adaptor เป็นตัว UCH10 ซึ่งก็คืออะแดปเตอร์ Quick Charge ของโซนี่นั่นเอง นอกนั้นแพคเกจยังคงเป็นแบบทั่วไป คือคู่มือ สาย Micro USB to USB และหูฟังซึ่งที่แถมมาจะเป็นตัว MH750 แบบ in-ear
เราลองมาดูที่ตัวเครื่องกันบ้าง ยังคงดีไซน์แบบ Omnibalance เช่นเคย ดีไซน์ส่วนมากยังคงคล้าย Xperia Z3 คือขอบเครื่องมนและมีมุม Nylon Caps กันกระแทก แต่ถูกปรับให้ดีไซน์ดูเหลี่ยมมากขึ้นทำให้ตัวเครื่องไม่มนแบบ Xperia Z3 แล้วและมุมเครื่องก็จะมีความมนน้อยลงทำให้ดูเหลี่ยมๆกว่า Xperia Z3 ตัวเครื่องจะมีขอบดำโผลขึ้นมาตามขอบ ทำให้เวลาแนบหูคุยโทรศัพท์นานๆจะรู้สึกเจ็บๆ แต่ข้อดีคือมันจะกันไม่ให้เวลาเราวางคว่ำหน้าจอจะไม่ถูกพื้นโดยตรงและถ้าเราติดพวกฟิล์มกระจกกันกระแทก จะทำให้ฟิล์มไม่นูนออกจากตัวเครื่องแบบ Xperia Z3 แต่จะพอดีกับขอบนี้แทน และอีกอย่างที่ถูกเพิ่มเข้ามาคือการสลักโลโก้ Xperia ไปที่ขอบเครื่องซึ่งดูเท่มาก ส่วนพอร์ตด้านบนเป็นช่องใส่ NanoSIM และ MicroSD Card
ทางด้านขวาของเครื่องจะเป็นตำแหน่งปุ่ม Power ซึ่งถูกเปลี่ยนจากเป็นปุ่มกลมซึ่งเป็นเอกลัษณ์ตั้งแต่ Xperia Z มาเป็นปุ่มแบนใหญ่ๆแทนเพื่อรองรับฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งผมว่ามันทำให้กดยากขึ้นแต่พอใช้งานไปสักพักจะเริ่มชิน ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงถูกปรับให้ระดับต่ำลงมาใกล้กับปุ่มชัตเตอร์ ซึ่งผมว่ามันทำให้กดยากขึ้นเวลาถือมือเดียว มันต้องงอนิ้วโป้งมากขึ้นเพื่อลงมากดมัน >_< ส่วนด้านล่างก็เป็นปุ่มชัตเตอร์ 2 ระดับสำหรับโฟกัสและถ่ายภาพเช่นเคย ซึ่งคราวนี้ผมว่ามันกดง่ายขึ้นมาก การกดแทบไม่ต้องใช้แรงเยอะแบบรุ่นก่อนๆ ทำให้การกดถ่ายไม่ต้องกลัวเราออกแรงและทำให้โทรศัพท์สั่นหรือเอียงเลย การกดทำได้นุ่มขึ้นเยอะ ชอบ 😀
ด้านบนเครื่องเป็นพอร์ตแจ็คหูฟังขนาด 3.5mm ด้านข้างเป็นตำแหน่งไมค์ตัวที่ 2 สำหรับบันทึกและตัดเสียงรบกวน
ด้านบนของหน้าจอจะเป็นตำแหน่งกล้องหน้าซึ่งถูกเพิ่มเป็น 5MP แล้วเท่ากับ Xperia Z3+ แต่คุณภาพกล้องหน้านั้นผมว่าทำได้ดีกว่าเก่าเยอะมาก เดียวเราจะรีวิวให้ดูในหัวข้อกล้อง ถัดมาเป็นโลโก้ Sony ซึ่งถูกปรับให้โทนสีเทาขึ้นไม่ดูสว่างแบบ Xperia Z3 แล้ว ถัดมาก็เป็น Proximity Sensor สำหรับเปิด/ปิดหน้าจอและเซ็นเซอร์วัดแสง ส่วน Notification จะเป็นไฟดวงเล็กอยู่ที่ตำแหน่งมุมซ้ายบน ส่วนลำโพงคู่ด้านหน้าจะไม่ถูกเอาลงมาแบบ Xperia Z3 แล้วจะเป็นแถบติดกับมุมเครื่องแบบ Xperia Z2 และ Xperia Z3+ ซึ่ง Xperia Z5 นั้นให้เสียงที่ดัง และเคลียกว่า แต่เสียงทุ้มตึบๆยังสู้ Xperia Z3 ไม่ได้ (แอบอยากให้ไฟ Notification กลับมาเป็นแถบยาวแบบ Xperia Z2 เนอะ ^_^)
ด้านหลังของตัวเครื่องยังคงเป็นวัสดุกระจกเช่นเคย โดยจะใช้เป็นกระจกแบบ Frosted Glass หรือกระจกฝ้านั่นเองทำให้การใช้งานดูสากมือขึ้นไม่ลื่นๆแบบ Xperia Z3 แล้ว และด้วยตัวเครื่องซึ่งเป็นสีด้านอยู่แล้วทำให้ด้านหลังดูสวยขึ้นเยอะทีเดียว โดยข้อดีอีกอย่างที่โซนี่เลือกใช้กระจกชนิดนี้คือมันช่วยไม่ให้เกิดลายนิ้วมือข้างหลังแล้ว แต่มันจะระบายความร้อนได้ดีกว่ากระจกแบบเก่าหรือแตกยากกว่าไหมเรายังไม่สามารถรู้ได้(รอคนพิสูจน์ :P) แต่สีขาวด้านหลังเครื่องจะเอาแนวขาวเงินๆแทน ด้านหลังก็จะเป็นกล้อง 23MP 1/2.3 G Lens ตำแหน่งการจัดวางจะคล้ายกับ Z3 แต่ไฟ LED Flash จะถูกปรับให้ต่ำลงมาอีกนิด ถัดมาจะเป็นตำแหน่ง NFC และโลโก้ Sony ซึ่งดูเหมือนว่าคราวนี้โซนี่จะสกรีนโลโก้ลงบนกระจกเลย ไม่ได้สกรีนลงฝาหลังแล้วใช้กระจกทับอีกทีแล้ว เวลาสัมผัสโลโก้จะรู้สึกหนึบๆนิ้ว และถ้าสังเกตุดีๆจะเห็นว่าขอบเครื่องจะถูกทำให้ยื่นออกมาทำให้รู้สึกมันคมๆมือเวลาจับ แต่มันช่วยป้องกันให้ตัวเครื่องไม่ทาบกับพื้นโดยตรงเวลาวางไว้ และถ้าเราติดฟิล์มกระจกกันกระแทกก็น่าจะพอดีขอบนี้เช่นกัน เหมือนทำเผื่อเราเสริมกระจกหลังเลย ^_^
ตัวเครื่องด้านล่างจะเป็นโลโก้ XPERIA ซึ่งอันนี้น่าจะสกรีนลงบนฝาเครื่องไม่ใช่กระจกแบบโลโก้ Sony ด้านล่างเป็นพอร์ต MicroUSB แบบกันน้ำ ส่วนรูด้านข้างคือตำแหน่งร้อยสายคล้องซึ่งหลังๆแทบไม่มีมือถือค่ายไหนทำแล้ว แต่โซนี่ยังรักษาเอกลักษณ์ตรงนี้ไว้ 🙂
ใน Xperia Z5 ถาดใส่ NanoSIM และ MicroSD Card จะเป็นถาดเดียวกันซึ่งช่วงประหยัดเนื้อที่พอร์ตปิดไปได้เยอะทำให้ไม่ต้องทำจุกปิดใหญ่และยังดูแน่นหนากว่าเก่าอีกด้วย โดย MicroSD Card นั้นรองรับได้สูงสุดที่ 2TB เลยทีเดียว
หลังจาก Xperia Z5 เปิดตัว คำถามหลักๆเลยก็คือยังใช้ชิพประมวลผล Qualcomm Snapdragon 810 อยู่อีกหรือ เพราะมันเป็นมังกรไฟตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดปัญหาความร้อนบน Xperia Z3+ มาแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงไปครับเพราะโซนี่ได้ปรับปรุง Hardware มาเพื่อสยบมังกรไฟตัวนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยการใส่ ท่อ Heat pipes นำความร้อนมาให้ถึง 2 ท่อเพื่อช่วยกันระบายจนเครื่องเย็นลงและไม่มีปัญหาความร้อนแบบ Xperia Z3+ แล้ว อ่านได้ที่นี่ (Xperia Z3+ ก็ถูกปรับปรุง Software จนไม่มีปัญหาความร้อนแล้วเช่นกัน)
Xperia Z5 มาพร้อมกับชิพประมวลผลแบบ 64-bit octa-core รุ่น Qualcomm Snapdragon 810 ที่ประกอบด้วยซีพียูความเร็ว 2.0GHz จำนวน 4 แกนและซีพียูความเร็ว 1.5GHz จำนวน 4 แกน ขนาดตัวเครื่องคือ 146×72 mm หนา 7.3 mm ซึ่งขนาดจะเท่ากับ Xperia Z3 เป๊ะๆ น้ำหนักอยู่ที่ 154 กรัมหนักกว่า Xperia Z3 2 กรัมจึงถือว่าไม่ต่างจากตัวเก่าเท่าไร มาพร้อมกับ Android 5.1.1 (Lolipop) ซึ่งน่าจะได้รับการอัพเกรด Android M ในเร็วๆนี้ มาพร้อมกับ RAM ขนาด 3GB และหน่วยความจำภายในขนาด 32GB(เหลือใช้งานจริง 21.7GB) แบตเตอรี่ขนาด 2900mAh ซึ่งได้รับการันตีแล้วว่าสามารถใช้งานได้ถึง 2 วันสบายๆ รองรับเทคโนโลยี Quick Charge 2.0 ของ Qualcomm ซึ่งจะชาร์จไฟได้เร็วกว่าเดิมถึง 75% รองรับการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 4.1 และ NFC
ด้านกล้องหลังที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก หลังจากที่ว้าวกับการเปิดตัวเทคโนโลยี Hybrid Autofocus ใน Xperia M5 ที่โฟกัสได้ไวถึง 0.25 วินาที แต่ Xperia Z5 นั้นสามารถโฟกัสได้ไวสุดถึง 0.03 วินาที!!! เรียกว่าเร็วสุดในสมาร์ทโฟนตอนนี้เลยก็ว่าได้ โดยใช้เซนเซอร์ Exmor RS รุ่นใหม่ขนาด 1/2.3 นิ้ว ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล และสามารถถ่ายรูปในโหมด Superior Auto ที่ความละเอียดสูง 23MP ได้แล้ว สำหรับใครที่กำลังเบ้ปาก เชอะ!! โหมดออโต้น่ะเรอะ!@%$@^ ขอให้คิดใหม่ได้เลยครับ เพราะใน Xperia Z5 นั้นได้ปรับปรุงโหมด Superior Auto ให้กลับมาเจ๋งดังที่มันควรจะเป็นแล้ว ^_^)/ รองรับ ISO ได้สูงสุดที่ 12800 เช่นเคย แต่สามารถปรับ ISO เองได้ที่ความละเอียด 8MP ได้ที่ 3200 นอกนั้นจะล็อคไว้ที่ออโต้
Clear Image Zoom หรือการซูมโดยไม่เสียรายละเอียด สามารถทำได้ที่ 5 เท่า จากเดิม 3 ใน Xperia Z3 และสามารถใช้ Digital zoom สูงสุด 8 เท่า ส่วนตัวเลนส์นั้นเป็น G Lens มุมกว้าง 24 มม. f/2.0 ซึ่งช่วยในการเบลอหลังและรับแสงได้ดี มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ป้องกันการสั่น Steadyshot โดยได้รับการอัพเกรดเป็น Intelligent Active Steadyshot ซึ่งจะช่วยกันสั่นได้ดีกว่าเดิม และใน Xperia Z5 ยังถ่ายภาพกลางคืนได้เจ๋งกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งเดียวเราจะรีวิวกล้องอย่างละเอียดอีกทีในหัวข้อถัดไปครับ
ส่วนกล้องหน้าเป็นกล้องมุมกว้าง 25 มม. ใช้เซนเซอร์ Exmor R ความละเอียด 5.1MP โดยสามารถถ่ายแบบ 16:9 ได้ที่ความละเอียด 3.7MP การใช้งานสามารถเก็บรายละเอียดได้ดีกว่าเดิม
หน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว IPS Display ทำให้คมชัดทุกมุมมอง ความละเอียดหน้าจอที่ 1080p มาพร้อมเทคโนโลยี Triluminos Display ที่จะช่วยเพิ่มการแสดงสีบนหน้าจอให้มีความละเอียดมากขึ้นกว่าหน้าจอปกติ ทำให้สีที่ได้มีความสมจริงยิ่งขึ้น และยังมีการแต่งโทนสีด้วยซอฟแวร์ซึ่งจะมีทั้งหมด 2 ตัวด้วยกันคือ X-Reality for Mobile ช่วยปรับปรุงคุณภาพในการดูภาพถ่ายและวิดีโอหลังการถ่าย ช่วยให้ภาพที่ได้ใสขึ้น คมชัดขึ้น และเป็นธรรมชาติมากขึ้น ส่วนอีกโหมดคือ Super-Vivid mode จะเป็นการย้อมสีภาพให้สดขึ้นเหมาะกับใครที่ชอบสีสดๆ
และแน่นอนเทคโนโลยีหน้าจอนี้มีทั้งบน Xperia Z3 และ Xperia Z5 ซึ่งต่างก็เป็นเรือธงทั้งคู่ ตอน Xperia Z3 นั้นได้ชื่อว่าเป็นจอที่สว่างที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟน โดยมีความสว่างที่ 300 nit ด้วยกัน เราลองมาเทียบสีหน้าจอ Z3 กับ Z5 กันดีกว่าว่าจะมีการพัฒนาขึ้นมากน้อยแค่ไหน
จะพบว่าหน้าจอทั้ง 2 รุ่นแสดงผลได้ใกล้เคียงกัน แต่ถ้าสังเกตุดีๆจะพบว่า Xperia Z5 สามารถแสดงสีขาวได้ดีกว่า สามารถเห็นรายละเอียดรูปได้เยอะขึ้น ต่างจาก Xperia Z3 ที่จอจะออกโทนอมฟ้า
ทางด้านเสียงนั้น Xperia Z5 ยังรองรับการเล่นไฟล์ High-Resolution Audio (LPCM, FLAC, ALAC, DSD) รองรับ bitrate/sampling rate สูงสุด 24bit/192kHz และด้วยเทคโนโลยี LDAC ที่ถูกเพิ่มเข้ามาทำให้สามารถเล่นเพลงแบบไร้สาย (Wireless) ได้ความละเอียดสูงสุด 24bit/96kHz ซึ่งสามารถใช้กับหูฟังที่รองรับเทคโนโลยี LDAC เท่านั้นถึงจะใช้ฟีเจอร์นี้ได้ และยังมีฟังก์ชั่น DSEE HX ที่สามารถดึงความละเอียดของเสียงในไฟล์เพลงที่มีความละเอียดต่ำจากการบีบไฟล์ ให้มีความละเอียดชัดตามเดิมได้นั่นเอง
รองรับเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน Digital Noise Cancelling เมื่อใช้งานกับหูฟังที่รองรับเทคโนโลยีนี้ นอกจากนั้นก็ยังมีฟีเจอร์ Clear Audio+, S-Force Front Surround, Auto-headset compensation, Stereo Recording และ FM Radio ที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว
อีกฟังก์ชั่นที่ถูกเพิ่มเข้ามาก็คือ Fingerprint Scaner หรือการปลดล็อคเครื่องด้วยลายนิ้วมือ ถือเป็นระบบที่เพิ่มความปลอดภัยไปอีกขั้นนึง หลังจากที่ Apple ได้เพิ่มระบบนี้ใน iPhone 5S จน Samsung ก็ตามเพิ่มเข้ามาใน Galaxy S5 คราวนี้เป็นของโซนี่เราบ้าง ซึ่ง Xperia Z5 เป็นเครื่องแรกที่ถูกเพิ่มระบบนี้ และจากที่มีคลิปทดสอบความเร็วในการสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคจะพบว่า Xperia Z5 นั้นมีความเร็วในการปลดล็อคเร็วพอๆกับ iPhone 6S เลยทีเดียว โดยสามารถเก็บลายนิ้วมือที่จะใช้ปลดล็อคได้มากสุด 5 ลายนิ้วมือ
การกันน้ำยังคงอยู่ที่มาตราฐาน IP65/68 ซึ่งหมายความว่าตัวเครื่องนั้นสามารถกันน้ำที่ถูกฉีดมาจากทุกทิศทาง และสามารถลงใต้น้ำได้สูงสุด 1.5 เมตรเป็นเวลา 30 นาที แม้โซนี่จะออกมาบอกว่าอย่าพยายามใช้ใต้น้ำแล้วก็ตามเพราะการทำโฆษณาที่พลาดจาก Xperia Z3 ที่โปรโมตซะเอาลงไปถ่ายใต้น้ำ ใน Xperia Z5 นั้นจึงโปรโมตแค่กันน้ำหกหรือกันฝนแทน 😛 โดยจุกซีลช่อง NanoSIM/MicroSD ผมว่าทำออกมาได้ดีกว่าเดิม จุกถูกออกแบบให้ปิดลงลึกขึ้นและดูแน่นกว่าเดิม ไม่ต้องกลัวเผยอแบบ Xperia Z2 หรือ Xperia Z3 กันแล้ว พอร์ต MicroUSB ที่ถูกออกแบบมาให้กันน้ำได้ในตัว ทำให้การใช้งานสะดวกขึ้นอย่างมาก และด้วยเหตุนี้จึงถูกตัดพอร์ต Magnetic Charge ออกไป แต่!!! ถ้าเครื่องเพิ่งจุ่มน้ำมาอย่าเผลอนำไปชาร์จไฟเชียวละ เพราะเขาบอกมาแล้วว่าชาร์จได้เฉพาะตอนพอร์ตแห้งอยู่เท่านั้น
เรื่องความร้อนของตัวเครื่อง Xperia Z5 นับว่าจัดการความร้อนได้อยู่หมัด ผมลองเปิด Wifi ต่อ Bluetooth กับ SBH-70 เปิดหน้าจอสุดและโหลดแอพฯต่างๆจาก PlayStore และเปิดกล้องถ่ายรูปวีดีโอรัวๆ ตัวเครื่องร้อนขึ้นจนสัมผัสได้ อาจจะเพราะฝาหลังที่บางลงด้วย แต่การระบายความร้อนถือว่าทำได้โอเคอยู่เพราะเมื่อปิดทุกอย่างและวางเครื่องทิ้งไว้สักพักก็หายร้อนแล้ว แต่ด้วยฝาหลังที่เหมือนจะบางลงนี่เองทำให้เวลาเปิดฟังเพลงผ่านลำโพงเสียงดังสุดจะรู้สึกถึงการสั่นที่ฝาหลังเลยทีเดียว ดูภาพเพิ่มเติมการทดลองดับความร้อน Snapdragon 810 ของเราได้ที่นี่
มาดูด้านกล้องกันบ้าง Xperia Z5 นับเป็นก้าวกระโดดอีกก้าวของ Xperia Z Series เลยก็ว่าได้เรื่องกล้องถ่ายภาพ เพราะตั้งแต่ Xperia Z1 เป็นต้นมาที่โซนี่เลือกใช้ G Lens กับ BIONZ ในการ Process ภาพ ภาพที่ได้นั้นก็ยังไม่ดีพอที่จะต่อกรกับคู่แข่งเท่าไร ยิ่งโหมด Superior Auto ที่เข้าขั้นแย่ชนิดที่ว่าเลือกซีนผิด WB เพี้ยนจนหลายคนเลือกที่จะใช้โหมด M ในการถ่ายภาพแทน เพราะสามารถถ่ายได้เต็มความละเอียดในขณะที่ Superior Auto นั้นถ่ายได้แค่ 8MP เท่านั้น กล้องถ่ายวีดีโอใน Xperia Z3 ที่ถูกพัฒนาขึ้นแต่ก็ยังเก็บสีได้ไม่ดีพอ ใครที่เอาไปถ่ายกับธรรมชาติหรือสนามหญ้าจะเห็นได้ชัดว่าสีเขียวที่เก็บได้นั้นมันไม่ถูกต้องเอาซะเลย เอาล่ะ เราลืมเรื่องพวกนี้ก่อนและลองไปดูกล้องของ Xperia Z5 กันเลยครับ
อันดับแรกที่เราจะกล่าวเกี่ยวกับกล้องของ Xperia Z5 เรามาดูกันที่โหมดที่โดนสบประมาทมาโดยตลอดอย่าง Superior Auto กันก่อนดีกว่า เพราะใน Xperia Z5 สามารถเรียกมันเต็มปากว่า Superior ได้แล้วจริงๆ ฮ่าา เพราะมันสามารถเลือกซีนปรับโทนสีภาพได้ถูกต้อง และสีสวยขึ้นมากกก(ภาพในรีวิวนี้ทั้งหมดจะถูกถ่ายด้วยโหมด Superior Auto นะครับ) และสามารถใช้โหมดนี้ได้เต็มความละเอียดที่ 23MP อีกด้วยในอัตราส่วนภาพ 4:3 และ 20MP ในอัตราส่วน 16:9
ความจริง Xperia Z5 จะมี UI กล้องตัวใหม่ให้ใช้งานกันแล้ว โดยจากเปลี่ยนโหมดต่างๆจะใช้การเลือนนิ้วที่เมนูด้านซ้ายแทน การจัดวางเมนูต่างๆใช้งานได้สะดวกขึ้น แต่จะถูกปล่อยอัพเดทช่วงเดือนพฤศจิกายน ในรีวิวนี้จะยังคงเป็น UI ตัวเก่าอยู่ แต่สามารถปรับอุณภูมิของสีภาพได้แล้ว การเรียกใช้งานด่วนโดยการกดปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้ขณะปิดหน้าจอทำได้เร็วกว่าเดิม
“UI กล้องรูปแบบใหม่ที่จะถูกปล่อยอัพเดทในเดือนพฤศจิกายน”
และอีกจุดที่หลายคนให้ข้อสังเกตุก็คือการถ่ายภาพที่อัตราส่วน 4:3 และ 16:9 โดยทั่วไปจะเป็นการนำภาพอัตราส่วน 4:3 มาทำการ Crop บน-ล่างออกเพื่อให้เป็นอัตราส่วน 16:9 แต่ใน Xperia Z5 มันไม่ใช่แบบนั้น
เพราะ Xperia Z5 จะใช้การถ่ายด้วยตำแหน่งเซ็นเซอร์ที่ต่างกัน โดยเมื่อดูจากรูปจะพบว่าอัตราส่วน 4:3 นั้นจะได้ภาพที่ 4,140 x 5,520 pixel ส่วนอัตราส่วน 16:9 นั้นจะได้ภาพที่ 5,984 x 3,366 pixel ซึ่งเมื่อนำความละเอียดสูงสุดมารวมกันคือ 4,140 x 5,984 pixel จะได้ความละเอียดที่ 24.77MP เลยทีเดียวหรือสรุปง่ายๆว่า เซ็นเซอร์ Exmor RS ตัวใหม่นี้ทำออกมาเพื่อรองรับความละเอียดสูงสุดถึง 25MP แต่โซนี่เลือกที่จะโฆษณาที่ 23MP ซึ่งก็คือความละเอียดสูงสุดของอัตราส่วน 4:3 นั่นเอง
เปรียบเทียบภาพที่ถูกถ่ายด้วยสเกล 4:3 และ 16:9 จะเห็นได้ชัดว่าภาพอัตราส่วน 16:9 จะถูกตัดด้านบนและล่างออกไปนิดเดียวและเก็บภาพด้านข้างได้กว้างขึ้นจากอัตราส่วน 4:3
กล้องหน้าถูกอัพความละเอียดจาก 2.2MP ใน Xperia Z3 เป็น 5MP ใน Xperia Z5 แต่ยังเลือกใช้เซนเซอร์เป็น Exmor R แทน Exmor RS ที่ใช้ใน Xperia M5 แต่เลนส์ที่ใช้เป็นเลนส์มุมกว้าง 25มม. ทำให้สามารถเก็บภาพได้กว้างขึ้น สามารถถ่าย 4:3 ที่ความละเอียด 5.1MP และถ่ายแบบ 16:9 ได้ที่ความละเอียด 3.7MP
ตัวอย่างภาพกล้องหน้า โดยรูปที่เป็นอัตราส่วน 16:9 เราจะถ่ายที่ความละเอียด 3.7MP ส่วนรูปอัตรา 4:3 คือความละเอียด 5MP ครับ
ต่อกันด้วยเรื่อง Hybrid Autofocus ที่สามารถโฟกัสได้เร็วถึง 0.03 วินาที โดยอาศัยหลักการของ Phase Detection กับ Contrast Detection เข้าด้วยกันเพื่อลดอาการสั่นของภาพ(โฟกัสและถ่ายให้เสร็จเร็วก่อนที่วัตถุจะเคลื่อนไหว) และสามารถหยุดวัตถุที่วิ่งเร็วๆได้ โดยที่วัตถุไม่เบลอซะก่อน โดยในภาพผมลองถ่ายรถไฟฟ้า BTS ที่จะวิ่งเข้ามา สามารถเก็บรายละเอียดรถไฟฟ้าได้ดี จะมีเพียงแค่บริเวณด้านหน้าที่เบลออยู่นิดๆเท่านั้น สำหรับใครที่สงสัยว่ามันจะโฟกัสได้เร็วเพียงใดไปดูคลิปกันครับ
อีกหนึ่งจุดเด่นเลยก็คือการทำ Clear Image Zoom หรือก็คือ Digital Zoom ดีๆนี่แหละ แต่โซนี่การันตีว่าสามารถซูมถ่ายภาพได้โดยไม่เสียรายละเอียดในการซูม ซึ่งตั้งแต่ Xperia Z1 เป็นต้นมาสามารถซูมได้ที่ 3 เท่า แต่ใน Xperia Z5 สามารถซูมได้ถึง 5 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งจากการลองถ่ายแล้วก็สามารถยืนยันได้ว่าเป็น Clear Image Zoom ที่เก็บรายละเอียดได้ดีจริงๆ โดยทุกภาพที่ถ่ายมาไม่ว่าจะที่ 3X Zoom หรือ 5X Zoom ก็จะได้ไฟล์ภาพที่เต็มความละเอียดตามที่ตั้งไว้ ไม่มีลดทอนลงแต่อย่างใด
การถ่ายวีดีโอถูกปรับปรุงขึ้นอย่างมาก อย่างแรกเลยคือเรื่องสีที่สามารถเก็บสีที่สภาพแวดล้อมต่างๆได้สมจริงขึ้น และถูกต้องมากขึ้น การบันทึกเสียงทำได้ดี(บางทีก็เก็บรายละเอียดดีเกินไป >_<) ส่วนจุดเด่นหลักๆคงหนีไม่พ้นฟังก์ชั่น SteadyShot ซึ่งโซนี่เป็นเพียงไม่กี่ค่ายที่ไม่ยอมใช้กันสั่นด้วยฮาร์ดแวร์อย่าง OIS แต่เลือกที่จะพัฒนาการกันสั่นด้วยซอฟแวร์อย่าง SteadyShot ขึ้นมาแทนและใน Xperia Z5 ก็ทำได้ดีด้วย
อย่างแรกเลยคือการเบลอของภาพระหว่างแพนกล้องเริ่มน้อยลงแล้ว การกันสั่นทำได้ดีขึ้นจนแทบไม่มีอาการสั่นเหลืออยู่เลย และด้วยอานิสงของ Hybrid Autofocus ทำให้การถ่ายวีดีโอทำได้อย่างลื่นไหล เพราะถ้าเราถ่ายให้วัตถุมันก็จะโฟกัสให้อย่างรวดเร็ว และเมื่อเราออกจากวัตถุนั้นก็จะคลายโฟกัสออกรวดเร็วเช่นกันทำให้แถบไม่มีอาการกล้องเบลอระหว่างถ่ายเลย โดยในโหมด Superior Auto สามารถเลือกเปิดฟังก์ชั่น Smile Shutter และสามารถเลือกโหมดกันสั่น SteadyShot ได้ 2 โหมดคือแบบ Standard และ Intelligent Active และในโหมด Manual สามรรถเลือกอัดได้ที่ความละเอียด Full HD 1080p ที่ 30 หรือ 60FPS ได้ หรืออัดที่ความละเอียด 720p และสามารถเลือกการโฟกัสว่าจะใช้แบบ Fac detaction หรือ Object tracking ได้อีกด้วย
แอพฯเสริมของกล้องก็จะมาในรูปแบบเดิม เพิ่มเติมคือ Sticker Creator สำหรับสร้างสติ๊กเกอร์แปะรูปภาพ นอกนั้นก็จะเป็นการถ่าย AR Effect, AR mask มีโหมด Style portrait และ Creative effect สำหรับใสเอฟเฟคและฟิลเตอร์ให้ภาพถ่าย การถ่าย Sweep Panorama หรือจะถ่ายสโลโมชั่นด้วยโหมด Timeshift Video ฯลฯ ซึ่งจะเป็นแอพฯโดยทั่วไปซึ่งมีมาในทุก Z Series อยู่แล้ว
เราจะมาโฟกัสที่ 4K Video Recorder กันเพราะว่าใน Xperia Z5 นั้นได้สยบความร้อนของ Snapdragon 810 และทำให้มันถ่าย 4K ได้นานระดับ 10 นาที+
จะเห็นได้ว่า SteadyShot ใน 4K นั้นยังมีการสั่นไว้เยอะกว่าการถ่ายแบบ Full-HD อยู่ซึ่งน่าจะเป็นข้อจำกัดของซอฟแวร์เพราะการทำงานของ SteadyShot คือการ Crop ภาพลงมาเพื่อประมวลผลเทียบการสั่นของตัวเครื่องผ่านเซนเซอร์ Gyro เพื่อรักษาภาพในเฟรมที่เหลือให้สั่นน้อยที่สุด แต่ใน 4K ที่ความละเอียดสูงอาจจะทำให้มีพื้นที่ตรงนั้นไม่มากนักตัวอย่างภาพถ่ายในตอนกลางวันและตอนกลางคืนนะครับ เพื่อเป็นการให้เกียรติกับคนที่ใช้เน็ต Data เราจะขอลดขนาดรูปนะครับฮ่าๆ โดยทุกภาพจะถูกย่อความละเอียดลงมาเหลือความกว้าง 1400 pixel ที่ Quality 10/12 โดยทุกรูปที่เราถ่ายจะเน้นแนวหยิบปุ๊บถ่ายปั๊บ เพื่อให้ดูเป็นแนวผู้ใช้ทั่วไปที่สุด
ตัวอย่างภาพถ่ายในตอนกลางวัน ใช้โหมด Superior Auto
ตัวอย่างภาพถ่ายในที่แสงน้อยและตอนกลางคืน ใช้โหมด Superior Auto
มาดูในส่วนของซอฟแวร์กันบ้าง Xperia Z5 มาพร้อมกับ Android 5.1.1 Lolipop การใช้งานทั่วไปยังคงคล้ายกับรุ่นก่อนๆอย่าง Xperia Z3 แต่ก็ได้มีการปรับโฉม UI ขึ้นบางส่วนให้ดูสะอาดตาขึ้นตามแบบฉบับ Material Design แต่ตัวเครื่องเหมือนจะยังไม่ลื่นเท่าที่ควรยังมีอาการแลคนิดๆให้เห็นบ้างบางครั้ง รวมถึงคะแนน Benchmark ที่ยังต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งต้องรอดูการอัพเดทที่กำลังจะถึงอีกทีเพราะโซนี่ยังไม่ได้เปลี่ยน UI Camera เป็นตัวใหม่ หรืออาจจะอัพเดทพร้อม Android M ก็เป็นได้ 😀 เอาล่ะเราลองมาดูซอฟแวร์คร่าวๆกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
Lock Screen ยังคงเป็นรูปแบบเดิม ซึ่งเป็นมาตราฐาน Android ในปัจจุบัน โดยการปลดล็อคจะเป็นการปัดนิ้วขึ้น ปัดนิ้วจากมุมล่างซ้ายไปขวาเพื่อเข้าหน้าโทรศัพท์หรือปัดมุมล่างขวาไปซ้ายเพื่อเข้าหน้ากล้องถ่ายภาพ นาฬิกาจะเป็นแบบฉบับของโซนี่สามารถเลือกเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ โดยจะมีการแจ้งเตือนที่ Lockscreen สามารถดูการแจ้งเตือนทั้งหมดได้เพียงแค่เลื่อนนิ้วลง การปลดล็อคสามารถตั้งได้ทั้งแบบ Swipe, Pattern, PIN หรือจะเป็นการสแกนลายนิ้วมือที่ถูกเพิ่มเข้ามาก็ทำได้ โดยถ้าเราสแกนพลาด 5 ครั้งจะเข้าสู่หน้า PIN ให้เราใส่รหัสที่เรากรอกไว้ตอนเปิดโหมดสแกนนิ้วครั้งแรก
หน้าจอ Home Screen ยังคงเป็นรูปแบบเดิม กดค้างเพื่อเข้าสู่โหมดปรับแต่ง สามารถเพิ่ม/ลดหน้าโฮมได้ เลือก Widget เปลี่ยน Wallpaper หรือเปลี่ยนธีมของเครื่องซึ่งโซนี่จะมีคลังธีมให้เลือกโหลดมาเปลี่ยนมากมาย โดยสามารถปรับขนาด icon ได้แล้วที่เมนู Home Setting สำหรับใครที่ไม่ชอบ icon ใหญ่ๆที่ถูกเปลี่ยนตอน Xperia Z3 และสามารถเลือก Home Screen เป็นแบบ Simple Home ซึ่งจะโชว์เป็นแอพฯไอคอนใหญ่ๆสำหรับผู้สูงอายุ
App Drawer ที่ถูกปรับใหม่ให้ไม่แสดงแถบ Notification ในหน้านี้แล้ว การตั้งค่าต่างๆที่เคยเป็นแถบด้านซ้ายถูกปรับให้เป็นเมนูด้านบนแทนในการเลือกการจัดวางแอพฯ การลบหรือจัดเรียงแอพฯทำได้โดยการกดค้างที่ไอคอน หน้าโฟลเดอร์เป็นสีขาว
แถบ Notification จะเป็นแบบมาตราฐาน Android คือลากลงมาจะเป็นการแจ้งเตือนต่างๆ เมื่อลากอีกครั้งจะเป็นการเข้าโหมด Quick Setting ซึ่งจะเป็นการตั้งค่าต่างๆไม่ว่าจะเป็นการเปิด/ปิด Wifi, Bluetooth หรือการตั้งแสงสว่างหน้าจอ ฯลฯ
Contacts ยังคล้ายเดิม สามารถ Sync รายชื่อจากบัญชี Gmail ของเราลงมาได้เลย การเพิ่มชื่อ หรือมาร์ค Favorites คนที่โทรหาบ่อยหรือจะตั้งกลุ่มรายชื่อก็ทำได้
ปฏิทินถูกปรับให้เข้ากับรูปแบบ Material Design การเพิ่ม Event ต่างๆทำได้ง่ายมีการแจ้งเตือนเมื่อใกล้ถึงกิจกรรมต่างๆที่เราบันทึกไว้
หน้า Recent App ยังคงคล้ายกับ Android ทั่วไปสามารถเลือกสลับแอพต่างๆหรือจะปิดแอพฯทั้งหมดก็ได้ โดยโซนี่จะมีจุดเด่นอีกอย่างคือ ซึ่งจะเป็นโปรแกรมเล็กๆที่จะขึ้นมาบนหน้าจอเช่นเว็บเบราว์เซอร์ เครื่องคิดเลข ฯลฯ ให้เราใช้งานได้สะดวกโดยยังใช้แอพฯต่างๆที่เราเปิดอยู่ได้ สามารถเรียกใช้ได้จากหน้านี้
Messaging ในหน้าข้อความจะโชว์รูป Contact คนที่ส่งข้อความมาด้วย สามารถเลือกจัดการข้อความต่างๆได้สะดวก คีย์บอร์ดยังคงเป็น Xperia Keyboard โดยภาษาไทยจะมาในแบบ 4 แถวสามารถตั้งค่าต่างๆได้ว่าจะให้กดค้างเพื่อเป็นการเลือกตัวที่ 2 หรือขี้เกียจกดพิมพ์จะ Swipe คำก็สามารถทำได้ โดยจะมีฟังก์ชั่น Use my writing style ซึ่งจะเก็บข้อมูลการพิมพ์ของเราเพื่อช่วยให้ Swipe แม่นยำขึ้น มี Emoji ให้เลือกใช้ด้วย
Music ถูกปรับธีมใหม่เป็นสีขาว การใช้งานต่างๆยังคล้ายเดิมการใช้งานทำได้อย่างง่าย สามารถเลือนนิ้วจากมุมซ้ายเพื่อเข้าสู่เมนูต่างๆไม่ว่าจะเป็น Play queue, Albums, Song, Playlist หรือ Setting โดยสามารถเลือกดาวน์โหลดข้อมูลเพลงผ่าน Download Music info ได้ ในส่วนของ Audio Settings จะเป็นการเลือกเปิดฟังก์ชั่นต่างๆไม่ว่าจะเป็น DSEE HX, ClearAudio+, Dynamic normaliser, S-Force Front Surround
ในส่วนของ Sound Effect สามารถเลือกตั้งค่า Equalizer หรือเลือกระบบเสียงต่างๆของหูฟังได้ ในส่วนของ Accessory จะเป็นตัวเลือกของอุปกรณ์เสริมต่างๆเช่น Noise cancelling, LDAC, Mic sensitivity
Album ยังคงสวยงามเหมือนเดิม เป็น Gallery ที่ผมชอบสุดในบรรดา Android และซึ่งสามารถปรับขนาด Thumbnail ที่โชว์รูปได้เพียงแค่การใช้นิ้ว 2 นิ้วซูมเข้าออก การเรียงลำดับรูปจะเรียงตามวันที่ที่ถ่ายภาพ โดยสามารถเลือกดูรูปเป็น Folders ได้หรือจะซิงค์รูปจาก Picasa, Facebook, Flickr ก็ทำได้เช่นกัน มีโหมด Faces ที่จะจดจำใบหน้าของแต่ละคนและแยกรูปเฉพาะของคนๆนั้นออกจากกันได้แต่เราต้องไปตั้งค่าแต่ละคนก่อนนะ หรือ Places ที่จะโชว์แผนที่ว่าเราไปถ่ายรูปนี้จากที่ไหน และ Photo Editior ซึ่งสามารถปรับแต่งรูปได้มากกว่าเดิม มีการใส่ฟิลเตอร์หรือลูกเล่นต่างๆเพิ่มเข้ามา การแก้ไขรูป Crop, Flip, Rotate สามารถทำได้ง่ายขึ้น
Movie สำหรับดูคลิปต่างๆถูกทำให้เป็นธีมเดียวกับ Album แล้วซึ่งผมมองว่ามันใช้ง่ายกว่าเดิมมาก เพราะสมัยก่อนจะเลือกเฉพาะคลิปใหม่ๆโชว์หน้าแรก ถ้าจะดูเพิ่มต้องกดเข้าไปในโหมด Folder แต่อันนี้เอามารวมไว้หน้าแรกทั้งหมดแล้ว สามารถตั้งค่าให้เล่นแบบ Background playback และเปิด Subtitle ได้ โหมด Movie Creator ที่ทำมาใหม่ให้ใช้งานได้มากขึ้นสามารถนำภาพถ่ายมาใส่เสียงสร้างเป็นวีดีโอสไตล์เราได้เลย
เว็บเบราว์เซอร์จะใช้ Google Chome เป็นตัวหลัก ส่วนนาฬิกาปลุกยังคงรูปแบบเดิมสามารถดูเวลาโลก จับเวลาหรือนับถอยหลังก็ได้ สามารถโหลดแอพฯต่างๆเพิ่มได้จาก PlayStore และเครื่องคิดเลขที่เมื่อเอียงเครื่องจะมีโหมด sin cos tan มาให้ด้วย
แอพฯใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาอย่าง Weather ซึ่งสามารถดูสภาพอากาศได้จากแอพฯนี้ TrackID ที่ปรับธีมใหม่ให้ดูสวยขึ้น รองรับการค้นหาเพลงภาษาไทย ส่วน Sketch สำหรับวาดภาพยังคงมีมาให้เช่นเคย
Settings ยังคงรูปแบบเดิม แต่บางส่วนที่ทำให้ดูง่ายขึ้นเช่นการเลือกโหมดแสดงผลของหน้าจอที่จะมีรูปและคลิปเปรียบเทียบให้ดูกันไปเลยว่า X-Reality for mobile หรือ Super-vivid mode ระหว่างเปิดกับปิดให้ภาพต่างกันยังไง นอกนั้นการตั้งค่าต่างๆยังคล้ายๆเดิมเหมือน Android ทั่วๆไป โดย Xperia Z5 ลงแอพฯใช้งานทั่วไปพวกโซเชี่ยวทั้งหลายหมดแล้วจะเหลือแรมให้ใช้งานประมาณ 1GB
มาในส่วนของพลังงานกันบ้างกับหน้า Power management ซึ่งจะโชว์เวลาที่สามารถใช้งานเครื่องก่อนที่แบตจะหมดได้ โดยสามารถเลือกเปิดโหมดประหยัดแบตหรือ STAMINA mode ได้ที่ส่วนนี้ โดย STAMINA จะเลือกปิดแอพฯที่ไม่จำเป็นหรือการแจ้งเตือนต่างๆ(เราตั้งได้) เวลาปิดหน้าจออยู่ได้ หรือถ้าเราออกนอกบ้านจะตัด Wifi อัตโนมัติและจะเชื่อมต่ออีกครั้งเมื่อเรากลับมาถึงบ้าน ในส่วนของหน้าจัดการ Fingerprint Manager สามารถเลือกตั้งค่าจัดการลายนิ้วมือที่เราจะใช้ปลดล็อคเครื่องได้ โดยสามารถเก็บได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ
Xperia Z5 นับเป็นการอัพเกรดอีกก้าวหนึ่งเพราะการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่าง ไม่เหมือนตอน Xperia Z2 มา Xperia Z3 ซึ่งเหมือนกับการอัพเกรดเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มระบบสแกนลายนิ้วมือซึ่งน่าจะเป็นฟังก์ชั่นที่นิยมในอนาคตอันใกล้ แม้จะต้องเสียปุ่ม Power กลมอันเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่ Xperia Z ไป แต่ปุ่ม Power แบบใหม่ก็ยังดูสวยกว่าที่คิด(แม้จะกดยากขึ้นก็เถอะ) การออกแบบหลังๆที่เริ่มมีขอบยื่นออกมาเพื่อไม่ให้กระจกหลังหรือหน้าเครื่องสัมผัสพื้นโดยตรงเพื่อกันรอยขีดข่วนกลับทำให้รู้สึกแปลกเวลาจับ หรือเพราะชินกับขอบที่เรียบไปกับตัวเครื่องของ Xperia Z3 ก็เป็นได้
การใช้งานทั่วไปยังคงไม่แตกต่างจาก Xperia Z3 มากเนื่องจากขนาดจอที่เท่ากันคือ 5.2 นิ้วและขนาดตัวเครื่องยังเท่ากันอีก ทำให้การจับถือแทบไม่มีความแตกต่างกัน แต่ Xperia Z5 อาจจะรู้สึกแข็งๆมือไปนิดเพราะตัวเครื่องไม่โคงมนรับการจับแบบ Xperia Z3
เซนเซอร์กล้องตัวใหม่ขนาด 23MP ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Hybrid Autofocus ที่โฟกัสได้เร็ว 0.03 วินาที ในขณะที่ Xperia M5 นั้นความเร็วโฟกัสจะอยู่ที่ 0.25 วินาที และไม่ใช่เพียงฮาร์ดแวร์ที่ทำการอัพเกรด ซอฟแวร์กล้องที่ได้พัฒนาร่วมกับทีมงาน NEX ก็ทำได้ดีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโหมด Superior Auto ที่ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แถมถ่ายได้เต็มความละเอียด 23MP อีกด้วย เลนส์กล้องถูกทำให้เป็นชิ้นเดียวกับฝาหลัง ซึ่งข้อดีคือมันไม่มีแหวนครอบเลนส์นูนออกมาแล้ว แต่ถ้าจะเปลี่ยนทีคงต้องเปลี่ยนทั้งฝา
ด้วยขนาดความกว้างและความหนาของ Xperia Z3 และ Xperia Z5 มีขนาดที่เท่ากัน การหยิบจับใช้งานทั่วไปจึงไม่แตกต่างกันมาก เพียงแค่จะรู้สึกว่า Xperia Z3 จับได้สบายมือกว่าเพราะมีความโค้งมนมากกว่า Xperia Z5 ที่ดีไซน์เหลี่ยมมากขึ้น
พอร์ต Micro USB เป็นแบบกันน้ำในตัวแล้ว ไม่ต้องมีจุกปิดให้รำคาญใจอีกต่อไป แต่ระวังอย่าเผลอเสียบชาร์จตอนที่พอร์ตยังเปียกอยู่ล่ะ
เนื่องจาก Xperia Z5 ใช้พอร์ต MicroUSB แบบกันน้ำแล้วจึงไม่จำเป็นต้องใช้พอร์ต Magnetic Charge อีกต่อไป
Xperia Z5 ยังถือเป็นอีกก้าวกระโดดของ Xperia Z Series ซึ่งแม้จะมาช้าไปหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการรอคอย เพราะด้วยสเปคที่ถูกเพิ่มเข้ามาและซอฟแวร์ต่างๆที่พัฒนาขึ้นสามารถกลบข้อด้อยของรุ่นก่อนๆได้หมด ตัวเครื่องที่ใช้สีโทนด้านแทนสร้างความโดดเด่นไม่น้อย แต่ก็ยังมีข้อเสียการใช้งานเช่นปุ่มพาวเวอร์ที่กดยากขึ้นและปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงที่อยู่ต่ำไปหน่อย
ในด้าน Entertainment โซนี่ก็จัดให้เต็มไม่ว่าจะเป็นแอพฯ Music ที่ใช้งานง่าย และมาพร้อมกับเทคโนโลยี DSEE HX, ClearAudio+ ที่จะช่วยให้การฟังเพลงมีมิติขึ้นอีก แถมมาพร้อมกับ LDAC เทคโนโลยีใหม่ที่จะทำให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์บลูทูสเพื่อฟังเพลงได้รายละเอียดเสียงแบบเต็มอิ่มอีก ทางด้าน Video แอพฯถูกปรับ UI ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ด้วยความที่เป็นจอ IPS + Triluminos Display ทำให้การแสดงสีสันมีความสมจริง การดูภาพผ่าน Album ทำได้อย่างง่ายดายและสามารถนำภาพมาทำคลิปอวดเพื่อนผ่าน Movie Creator ได้อีกด้วย
กล้องหลังถูกปรับปรุงใหม่ให้เอื้อต่อผู้ใช้ทั่วไปมากขึ้น จากแต่ก่อนจะถ่ายรูปสวยๆทั้งทีต้องเข้าไปเซ็ตกันในโหมด M แต่ Superior Auto ตัวใหม่สามารถกลับมากู้ชื่อได้แล้ว ทำให้มันกลายเป็นมือถือที่สามารถหยิบปุ๊ปถ่ายปั๊ปได้อีกครั้งนึง กล้องหน้าที่เคยโดนสบประมาทไว้ตอน Xperia Z3 ว่าตายสนิทในที่แสงน้อยก็ได้รับการแก้มือเรียบร้อยเพราะกล้องหน้าใน Xperia Z5 นั้นสามารถถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีและโอเคมากในที่แจ้ง
ปัญหาเรื่องความร้อนของ Snapdragon 810 ที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้ก็ได้รับการแก้ไขทางด้าน Hardware โดยการเพิ่มฮีทไปบ์ช่วยระบายความร้อนถึง 2 ท่อด้วยกัน การใช้งานทั่วไปจึงถือว่าไม่เจอปัญหาความร้อนเท่าไร ยกเว้นเปิดโหลดแอพฯเยอะๆ หรือเล่นเกมไปชาร์จไป ส่วนการอัดวีดีโอ 4K ที่ส่วนมากจะอัดได้แค่ 5 นาที ใน Xperia Z5 นั้นสามารถอัดได้ที่ 10 นาทีขึ้นไปแล้ว
แบตเตอรี่ของ Xperia Z5 นั้นให้มา 2900mAh ซึ่งเพียงพอในการใช้งาน 2 วันสบายๆ และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จไวหรือ Quick Charge 2.0 ซึ่งผมลองชาร์จจากแบต 18% จนถึง 100% ใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
แน่นอนมันคือสมาร์ทโฟน “Made for Bond” หรือทำออกมาเพื่อให้ 007 ใช้โดยเฉพาะ โดยเราจะได้เห็นกันใน 007 : Spectre ที่จะเข้าฉายในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ และเราหวังว่า Xperia Z5 คงจะช่วยคุณ Bond ทำภารกิจต่างๆมากกว่าหยิบมาเปิดอ่าน SMS นะ 😛
Xperia Z5 ยังคงรองรับอุปกรณ์เสริมต่างๆเช่นเคยไม่ว่าจะเป็น SmartBand, Bluetooth Headset และด้วยเทคโนโลยี LDAC ทำให้การฟังเพลงผ่านหูฟังบลูทูธที่รองรับเทคโนโลยีนี้ให้เสียงที่ครบถ้วนมากขึ้น
Xperia Z5 ยังถือเป็นเรือธงที่ต่อยอดความสมบูรณ์ให้กับ Xperia Z3 ได้ครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายภาพที่ได้รับการอัพเกรดให้เข้าถึงผู้ใช้ทั่วไปมากขึ้น สามารถหยิบจับขึ้นมาถ่ายได้เลย โดยไม่ต้องเข้าไปตั้งค่าโหมด M ให้ยุ่งยากอีกต่อไป เทคโนโลยี Hybrid Autofocus ที่ช่วยให้การถ่ายภาพแบบรวดเร็วไม่มีอาการเบลอ และทำให้การถ่ายวีดีโอมีการโฟกัสที่ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ปัญหาความร้อนของชิป 810 ก็ถูกแก้เรียบร้อยแถมยังทำให้ถ่ายวีดีโอ 4K ได้ยาวนานกว่าเดิม โดย Xperia Z5 ได้เปิดตัวมาทั้งหมด 4 สีด้วยกันคือดำ,ขาว(จะออกแนวสีขาวเงินๆ),ทอง และเขียว โดยการวางจำหน่ายตัวเครื่องจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคมเป็นต้นไป ในราคา 24,990 บาท
สำหรับใครที่กำลังมองหา Smartphone ตัวใหม่และงบถึงล่ะก็ Xperia Z5 เป็นตัวเลือกหนึ่งของคุณแน่นอนครับ 😀
อะอ่ะ….ยังไม่จบ มี End credit สวยๆมาฝากกันครับ
ขอบคุณภาพสวยๆจาก Easily Circle’Photo
สำหรับใครที่ยังดูรูป Xperia Z5 ไม่จุใจ เสพกันต่อได้เลย 😀
- ประทับใจสุดๆ
- ดีจังเลย
- โกรธสุดๆ
- เฉยๆ อ่ะ
- รู้สึกหดหู่
พ่อค้าเคสโซนี่แห่งประเทศไทย