หลังจากมีรูปหลุดและหนึ่งในประโยคที่ชวนให้ตื่นเต้นรอวันเปิดตัว “เราจะมีสิ่งที่ไม่เคยมีในสมาร์ทโฟนมาก่อน” ทำเอาเหล่าสาวกแทบอบใจรอให้ถึงงาน IFA 2016 ไม่ไหว และ Sony ก็ไม่ทำให้ผิดหวังในการเปิดตัว XPERIA XZ ซึ่งเป็นเรือธงตัวใหม่ที่จะมาแทนที่ XPERIA X Performance และก็เป็นธรรมเนียมที่จะต้องเปิดตัวเรือธงรุ่นเล็กปีละรุ่น ซึ่งในปีนี้เราก็ได้พบกับ XPERIA X Compact ที่เราจะนำมารีวิวให้เพื่อนๆได้ชมกันในวันนี้ครับ

img_2267

    XPERIA X Compact จะเป็นซีรี่ย์จอเล็ก สเปคจัดเต็มเท่ารุ่นใหญ่ แต่ในปีนี้อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด เดี๋ยวเราจะมาดูว่ามันมีอะไรที่แตกต่างจาก XPERIA XZ บ้าง แต่โดยรวมมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ กล้องที่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ และความเปลี่ยนแปลงอื่นๆอีกหลายอย่าง เราจะพาทุกท่านไปดูกันทีละส่วนว่า XPERIA X Compact ตัวนี้มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้างครับ 🙂

lineunboxxpb

img_2452

    รูปแบบของกล่องบรรจุภัณฑ์จะมาในรูปแบบเดียวกับ XPERIA X Performance สีของกล่องด้านในจะมาในธีมพู่กันซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของซีรี่ย์ XPERIA X โดยเครื่องที่ผมได้มาทดสอบไม่มีอะแดปเตอร์และหูฟัง จึงไม่แน่ใจว่าเครื่องที่จำหน่ายจริงจะเป็นแบบไหน ส่วนสาย USB Type-C จะเป็นสายรุ่น UCB20

linedesignxpb

img_2341

    สำหรับซีรี่ย์ XPERIA X ของปลายปีนี้จะมาในดีไซน์ใหม่ที่เรียกว่า “Loop Surface” ซึ่งเป็นการออกแบบสมาร์ทโฟนให้เป็นเส้นโค้งที่บรรจบกันเป็นวงส่วนด้านบนและล่างตัดกันเป็นเหลี่ยม แต่ก็ยังคงความบาลานซ์ในสไตล์ Omnibalance ไว้

img_2254

    หน้าจอจะเป็นหน้าจอกระจกโค้ง 2.5D บวกกับดีไซน์แบบใหม่ทำให้จับกระชับมือ ตัวเครื่องมาพร้อมกับสีโทนใหม่อย่าง Universe Black (ซึ่งเป็นสีออกโทนกรมท่าซึ่งเป็นสีเครื่องที่เราจะมารีวิวในวันนี้) White (ขาว) และ Mist Blue (เป็นโทนสีฟ้าอ่อนๆเอาใจสาวๆกันสุดๆ) โดยตัวเครื่องมีสัดส่วน 129 x 65 x 9.5 มม. และมีน้ำหนัก 135 กรัม ขนาดกะทัดรัดตามสไตล์รุ่น Compact

img_2302

    ด้านหน้าจะมาพร้อมหน้าจอ IPS มาพร้อมเทคโนโลยี TRILUMINOS Display ขนาด 4.6 นิ้ว ความละเอียดจะอยู่ที่ HD (720 x 1280 พิกเซล) โดยกระจกที่ใช้จะเป็น Corning Gorilla Glass ด้านบนเป็นกล้องความละเอียด 5MP ใช้เลนส์มุมกว้าง 22 มม. เซนเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/3.06 นิ้ว f/2.0 รองรับ ISO สูงสุด 6400 ทำให้สามารถเซลฟี่ในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น และข้างๆเป็นเซ็นเซอร์วัดแสง ส่วนไฟแจ้งเตือน Notification จะย้ายไปอยู่ตำแหน่งขวาบนแทน ลำโพงยังคงเป็นแบบ Stereo ด้านล่างและบน เสียงดังปานกลางพอๆกับ Z5

img_2304

    ด้านหลังวัสดุที่ใช้จะเป็นพลาสติกที่ขอบโค้งเหมือนกันแต่ค่อนข้างเกิดรอยนิ้วมือได้ง่ายมาก ตรงกลางจะเป็นโลโก้ XPERIA ด้านล่างโลโก้จะเป็นตำแหน่ง NFC มุมซ้ายบนมีกล้องความละเอียด 23MP ใช้เซ็นเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/2.3 นิ้ว ถัดมาทางด้านขวาจะเป็น Laser Autofocus และ RGBC-IR Sensor และไฟ LED Flash โดยจะไม่มีเขียนอักษรข้างเลนส์กล้องว่า G Lens แล้ว (XPERIA XZ ก็เช่นกัน แต่ยังใช้ G Lens อยู่นะ)

img_2309

    ด้านบนมาพร้อมกับพอร์ตหูฟัง 3.5mm (ยังอยู่นะ ไม่ถอดออกง่ายๆ :P) และตำแหน่งไมค์ตัวที่ 2 วัสดุที่ใช้จากที่ผมสัมผัสดูเหมือนจะเป็น Frosted Glass หรือกระจกฝ้าแบบเดียวกับฝาหลัง XPERIA Z5

img_2308

    ด้านล่างจะเป็นพอร์ต Micro USB แบบ Type-C แล้ว และไม่มีช่องคล้องสายห้อยโทรศัพท์ วัสดุจะเป็น Frosted Glass เช่นกัน

img_2311

    ด้านข้างขวาจะเป็นปุ่มพาวเวอร์ที่ฝังเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้เช่นเคย โดยความไวและความแม่นยำในการสแกนดีกว่า XPERIA Z5 ถ้าจอดับอยู่แค่ใช้นิ้วที่ตั้งไว้กดปุ่มก็จะปลดล็อคให้เลยก็ว่าได้ ส่วนปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง ผมว่ามันมีขนาดที่สั้นไปหน่อยทำให้กดพลาดบ่อย ๆ เวลาจะเพิ่มหรือลด ถัดมาเป็นปุ่มชัตเตอร์ซึ่งสามารถกดโฟกัสและถ่ายได้อย่างนิ่มนวลไม่แข็งเกินไป

img_2347

    เมื่อเครื่องดับอยู่สามารถเข้าสู่โหมดกล้องทางลัดได้จากปุ่มชัตเตอร์ด้วยการกดค้าง โดยสามารถเลือกได้ว่าให้เปิดกล้องแล้วถ่ายรูปเลยหรือเปิดกล้องแล้วอัดวีดีโอได้เลยอีกด้วย ซึ่งเวลาในการเปิดไวมากจนคุณยากที่จะพลาดช็อตสำคัญ

img_2313

img_2333

  ด้านซ้ายเป็นตำแหน่งถาดใส่ Nano SIM และ Micro SD Card จะเป็นถาดเดียวกันซึ่งช่วยประหยัดเนื้อที่ โดยตัวพอร์ตปิดจะติดกับถาดเลย ถ้าเปิดพอร์ตออกมาเครื่องจะรีสตาร์ทอัตโนมัติ

dsc_6314

linehandfxpb

img_2392

Xperia X Compact Specification

  • CPU Qualcomm® Snapdragon™ 650, 64-bit processor
  • 3GB RAM, 32 GB eMMC ROM สามารถใส่ micro SD card เพิ่มได้สูงสุด 256 GB (2TB ในอนาคต)
  • ขนาดตัวเครื่อง 129 x 65 x 9.5 mm หนัก 135g
  • หน้าจอ IPS TRILUMINOS HD 720p ขนาด 4.6 นิ้ว ใช้กระจก Corning® Gorilla® Glass®
  • มาพร้อมกับ Android 6.0.1 Marshmallow เตรียมรับ Android 7.0 Nougat เร็วๆนี้
  • แบตเตอรี่ 2700 mAh มีโหมดประหยัดพลังงาน STAMINA mode และเทคโนโลยีถนอมอายุแบตเตอรี่ Qnovo Adaptive Charging
  • กล้องหลัก 23MP เซนเซอร์ Exmor RS™ ขนาด 1/2.3 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี Triple Image Sensing และ Predictive Hybrid Autofocus รองรับ ISO สูงสุด 12800
  • กล้องหน้า 5 MP เซนเซอร์  Exmor RS™ ขนาด 1/3.06 นิ้ว เลนส์มุมกว้าง 22 มม. f/2.4 รองรับ ISO สูงสุด 6400
  • เครื่อข่ายรองรับ GSM GPRS/EDGE (2G), UMTS HSPA+ (3G), LTE (4G) Cat 6
  • การเชื่อมต่อ A-GNSS (GPS + GLONASS), Wi-Fi Miracast, Bluetooth® 4.2 wireless technology, DLNA Certified®, Google Cast™, NFC
  • ระบบเสียง High-Resolution Audio (LPCM, FLAC, ALAC, DSD), DSEE-HX, LDAC, aptX, Digital Noise Cancellation, Clear Audio+, S-Force Front Surround, Stereo recording

img_2291

    ปกติซีรี่ย์ Compact จะมาพร้อมกับสเปคที่แรงเทียบเท่าเรือธง แต่กับ XPERIA X Compact ได้ฉีกคอนเซ็ปเดิมออกไปเพราะเลือกใช้ชุดชิพประมวลผล Qualcomm Snapdragon 650 แทนที่จะเป็นตัวท๊อปอย่างซีรี่ย์ 8XX แทน ซึ่งอย่าเพิ่งตกใจว่าเครื่องมันจะไม่แรงหรือเป็นตัวสเปคต่ำ เพราะด้วยขนาดหน้าจอ HD และที่จริงแล้วชิพเซ็ตตัวนี้ไม่ได้ขี้เหร่เลย ทำให้การใช้งานจริงลื่นไหลมาก แทบไม่รู้สึกว่าช้าเลย ซึ่ง Qualcomm Snapdragon 650 (64-bits) เป็นตัวเดียวกับที่อยู่ใน XPERIA X แต่มันจะให้ความรู้สึกลื่นไหลกว่าเพราะว่าใน XPERIA X Compact ความละเอียดหน้าจอเพียง HD 720p เท่านั้นและยังเพิ่ม RAM มาเป็น 3GB (ตอน XPERIA Z5 Compact โดนบ่นมาเยอะ เพราะให้แรมมาแค่ 2GB) แบตเตอรี่มาในขนาด 2700 mAh ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานเพราะหน้าจอความละเอียด HD ไม่กินไฟมากและ Snapdragon 650 ก็ใช้พลังงานไม่เยอะอยู่แล้วทำให้การใช้งานต่างๆในหนึ่งวันเพียงพอแน่นอนครับ

img_2382

    แต่น่าเสียดายที่ XPERIA X Compact ตัวนี้ไม่กันน้ำแล้ว ซึ่งตรงนี้เพื่อนผมที่รอซื้อก็มีเฟลนิดๆเพราะมันเป็นฟีเจอร์นึงที่ทำให้การใช้งานในชีวิตสะดวกขึ้น (คือเคยใช้กันน้ำ เอาไปเปิดเพลงฟังในห้องน้ำ ทำโน่นนี่ แล้วอยู่ดีๆต้องมาคอยระแวงว่าโทรศัพท์จะเปียกน้ำหรือเปล่า) แต่เท่าที่ลองดูถึงแม้ว่าจะไม่กันน้ำแต่พอร์ต SIM ก็ยังมีจุกยางปิดอยู่ แถมต่างประเทศก็มีคลิปที่เอาลงไปจุ่มในน้ำเป๊บซี่กันมาแล้ว ทำให้พอสรุปได้ว่าถ้าเกิดน้ำกระเด็นใส่หรือน้ำหกใส่ทั่วไปอาจจะไม่ก่อความเสียหายให้โทรศัพท์ แต่อย่าเผลอเอาไปจุ่มน้ำแบบเมื่อก่อนล่ะ

img_2368

     หน้าจอสว่างและใสขึ้นกว่าเดิม สามารถใช้งานกลางแจ้งได้ดี หน้าจอเป็นแบบ IPS มาพร้อมกับเทคโนโลยี Triluminos Display ที่จะช่วยเพิ่มการแสดงสีบนหน้าจอให้มีความละเอียดมากขึ้นกว่าหน้าจอปกติ มาพร้อมซอฟแวร์ปรับแต่งภาพเช่นเคย คือ X-Reality for Mobile ช่วยปรับปรุงคุณภาพในการดูภาพถ่ายและวิดีโอหลังการถ่าย ช่วยให้ภาพที่ได้ใสขึ้น คมชัดขึ้น และเป็นธรรมชาติมากขึ้น ส่วนอีกโหมดคือ Super-Vivid mode จะเป็นการย้อมสีภาพให้สดขึ้นเหมาะกับใครที่ชอบสีสดๆ หน้าจอสามารถใช้งานกลางแดดได้ดี

img_2429

    สำหรับจอ HD 720p ของ XPERIA X Compact นั้น เวลาใช้งานอาจจะไม่รู้สึกแตกต่างกับจอที่ความละเอียดสูงกว่าสักเท่าไร แต่พอดูวีดีโอหรือ Youtube จะพบว่าความคมของภาพนั้นจะสู้ XPERIA Z5 ไม่ได้ ใครที่อยากได้เพื่อมาใช้ดูวิดีโอหรือภาพยนตร์เป็นหลัก อาจไม่เหมาะเท่าไร แต่คงไม่มีใครอยากได้จอเล็กๆเพื่อมาดูวิดีโอหรอกจริงไหม 😛

img_2499

    ด้านเสียงยังรองรับการเล่นไฟล์ High-Resolution Audio (LPCM, FLAC, ALAC, DSD) รองรับ bitrate/sampling rate สูงสุด 24bit/192kHz รองรับ aptX และด้วยเทคโนโลยี LDAC ที่พบได้ในอุปกรณ์รุ่นเรือธงของ Sony ทำให้สามารถเล่นเพลงแบบไร้สาย (Wireless) ผ่าน Bluetooth ได้ด้วยความละเอียดสูงสุด 24bit/96kHz หรือก็คือไม่สูญเสียรายละเอียดเลย แต่จำเป็นต้องใช้ร่วมกับหูฟังหรือลำโพงที่รองรับเทคโนโลยี LDAC เท่านั้นถึงจะใช้ฟีเจอร์นี้ได้ และยังมีฟังก์ชั่น DSEE-HX ที่สามารถดึงความละเอียดของเสียงในไฟล์เพลงที่มีความละเอียดต่ำจากการบีบไฟล์ ให้มีความละเอียดชัดตามเดิมได้นั่นเอง รับรองว่าถ้าคุณต้องการความสุนทรีย์ในเสียงเพลง XPERIA X Compact ตอบโจทย์คุณได้แน่นอนครับ

img_2421

    สำหรับเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน Digital Noise Cancelling เมื่อใช้งานกับหูฟังที่รองรับเทคโนโลยีนี้ จะช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ถึง 98% (ตามที่ Sony ระบุ) นอกจากนั้นก็ยังมีฟีเจอร์ Clear Audio+, S-Force Front Surround, Auto-headset compensation และ Stereo Recording ที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว อ๋อ… ตัวนี้สามารถใช้งาน FM Radio ได้ด้วยนะ

img_2402

    XPERIA X Compact ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Quick Charge 3.0 (เพราะเปลี่ยน USB เป็นแบบ Type-C แล้ว) ทำให้สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิมในช่วง 0-80% เมื่อชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ที่รองรับ ซึ่งถ้าใครกลัวแบตเสื่อมเนื่องจากเทคโนโลยีชาร์จเร็วล่ะก็ XPERIA X Compact ยังมีเทคโนโลยี Qnovo Adaptive Charging ที่จะคอยตรวจสอบและปรับกระแสไฟให้เหมาะสมกับการชาร์จเพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ และด้วยความที่มันเป็น USB Type-C มันสามารถใช้มือถือเป็น Powerbank จ่ายไฟให้อุปกรณ์ต่างๆได้อีกด้วย

dsc_6350

    ในด้านการเล่นเกม สามารถเล่นเกมกราฟิกสูงๆได้อย่างลื่นไหล ซึ่งความละเอียดหน้าจอ HD 720p นี่แหละก็มีส่วน เพราะมันจะใช้การประมวลผลกราฟิกไม่สูงมากและยังใช้ RAM น้อยกว่าหน้าจอ Full HD 1080p อีกด้วย โดยความร้อนเท่าที่รู้สึกหลังจากลองเล่น Need for speed พบว่าร้อนแค่อุ่นๆ ไม่ได้ร้อนมาก

img_2393

dsc_6298

linecameraxpb

img_2251

    ในการเปิดตัวครั้งนี้ ได้เกิดเทคโนโลยีใหม่อย่าง Triple Image Sensing และสามารถปรับสปีดชัตเตอร์ในโหมด M ได้แล้ว!!! (แต่ได้แค่วิเดียว T_T) โดยกล้องหลังจะมาพร้อมกับความละเอียด 23MP ถึงแม้จะไม่ได้สลักคำว่า G Lens ที่ด้านหลังแล้ว แต่สำหรับตัวนี้ยังคงเป็นเลนส์ G ซึ่งมีเลนส์ทั้งหมด 6 ชิ้นด้วยกัน และมีรูรับแสงขนาด F2.0 ยังคงใช้เซ็นเซอร์ Exmor RS เหมือนเคยโดยมีขนาดเซ็นเซอร์อยู่ที่ 1/2.3 นิ้ว ส่วนกล้องหน้ามาพร้อมกับความละเอียด 5MP เลนส์มุมกว้าง 22 มม. เซนเซอร์ Exmor RS ขนาด 1/3.06 นิ้ว มีค่ารูรับแสงที่ f/2.0 เท่ากัน รองรับ ISO สูงสุด 6400 ทำให้สามารถเซลฟี่ในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น โดยยังประมวลผลผ่าน BIONZ เช่นเคย

innocences_1_b94e0f95c5232a484068bdffc113faf4

Triple Image Sensing คืออะไร มันคือ 3 เซนเซอร์หลักๆที่่ช่วยสร้างสรรค์ภาพถ่ายให้ออกมาสวยที่สุด ประกอบด้วย

  • CMOS Sensor ขนาด 1/2.3 นิ้ว รองรับเทคโนโลยี Phase detection Auto Focus และ Predictive Hybrid Auto Focus ที่โฟกัสได้ไวกว่าเดิมและสามารถเดาการเคลื่อนที่ล่วงหน้าของวัตถุได้
  • RGBC-IR สำหรับตรวจจับสีของภาพถ่ายให้ออกมาสมจริงที่สุด โดยมีการตรวจจับสี RGB ให้มีค่าใกล้เคียงรูปจริงที่ถ่ายได้ เพราะว่าสีบนโลกล้วนเกิดจากการผสม RGB ทั้งนั้น
  • Laser Auto Focus ช่วยให้สามารถตรวจจับจุดโฟกัสวัตถุได้แม่นยำขึ้น แม้จะเป็นในที่แสงน้อยก็ตาม

    และอีกจุดเด่นที่เพิ่มเข้ามาอย่างระบบป้องกันสั่น 5 แกนซึ่งเป็นมือถือตัวแรกของโลกที่มีเทคโนโลยีนี้ ซึ่งจะช่วยในการถ่ายวีดีโอโดยที่เปิดใช้งาน Steadyshot with Intelligent Active Mode ทาง Sony ระบุว่าระบบจะทำงานครบ 5 แกนเมื่อถ่ายวีดีโอแบบ Macro (ซึ่งระบบป้องกันสั่นนี้จะเปิดใช้งานได้สูงสุดที่ความละเอียด 1080p 30FPS ถ้าเกิดถ่ายที่ 60FPS จะเป็นโหมด Steadyshot ธรรมดาและจะทำงานแค่ 3 แกน(pitch/yaw/roll)

    อันนี้จะเป็นวีดีโอที่ถ่ายที่ความละเอียด 1080p แบบ 30FPS โดยจะลองแพนกล้องถ่ายมือเดียวและเดินเร็วๆดู ถ้าเท่าที่ผมสังเกตภาพวีดีโอคมขึ้นกว่าตอน XPERIA X Performace แต่…ภาพที่ได้เวลาเดินจะมีอาการสั่นเล็กๆเข้ามาแทนไม่ดูสมูทแบบตอน XPERIA X Performance หรือ XPERIA Z5 คงต้องรอดูซอฟต์แวร์ในเวอร์ชั่นที่จำหน่ายจริงอีกที เนื่องจากยังไม่แน่ใจว่าเฟิร์มแวร์ที่เราใช้ทดสอบจะเป็นตัวเดียวกับที่วางจำหน่ายหรือไม่ ส่วนเวลาซูมจะแทบไม่มีอาการสั่นให้เห็นเลย เวลาถ่ายใกล้วัตถุต่างๆสามารถปรับโฟกัสเป็น Macro ได้รวดเร็ว

screenshot_20160925-071414

    Predictive Hybrid Autofocus จากที่ลองถ่ายดูก็พบว่าการกะขนาดวัตถุต่างๆมีความแม่นยำ ถ้าวัตถุนั้นมีรูปทรงที่ชัดเจนไม่กลื่นกับพื้นหลัง ถ้าถ่ายภาพบุคคลก็จะเลือกโฟกัสใบหน้าได้เต็ม การเดาวัตถุล่วงหน้าทำได้ดีในกรณีที่วัตถุเห็นชัดจากพื้นหลัง อาจมีโฟกัสผิดทางบ้างเวลาสีของวัตถุกลมกลืนกับพื้นหลังเกินไป โดยรวมผมไม่เห็นความแตกต่างของฟีเจอร์นี้กับของ XPERIA X Performance เท่าไร

screenshot_20160926-212247

    ด้านกล้องถ่ายรูป ในโหมด Superior Auto ยังสามารถปรับค่าได้่พื้นฐานทั่วไป เช่นการตั้งเวลาถ่าย ความละเอียดของภาพ (ได้ที่ 23MP[4:3], 20MP[16:9] และ 8MP[4:3][16:9]) EV และ ค่าอุณภูมิสี โดยสามารถเลือกเปิด/ปิดฟังก์ชั่น Object tracking เพื่อใช้งาน Predictive Hybrid Autofocus ได้ สามารถเลือกตั้งค่าเวลาเราสัมผัสหน้าจอว่าจะให้แค่โฟกัสจุดที่เราสัมผัสหรือโฟกัสและวัดแสงจุดที่เราสัมผัสด้วยได้ การถ่ายแล้วเลือก Scene ต่างๆแม่นยำขึ้น ภาพสีสันดูโอเคขึ้น อาจเพราะ RGBC-IR Sensor ด้วย แต่เวลาถ่ายย้อนแสงโหมดยังเลือกที่จะลดค่า ISO ลงให้เห็นรายละเอียดท้องฟ้าแทนที่จะเป็น HDR โหมด และไม่สามารถเลือกเปิด/ปิด HDR ได้จากโหมดนี้ด้วย ถ้าใครอยากได้ประสบการณ์เต็มๆด้านถ่ายภาพ เรายังมีโหมด Manual อยู่ครับ ^^

    Manual Mode สามารถปรับค่าได้เยอะขึ้นกว่าเดิม โดยสามารถเลือกความละเอียดภาพได้ตั้งแต่ 23MP[4:3], 20MP[16:9], 8MP[4:3][16:9], 3MP[4:3] และ 2MP[16:9] สามารถปรับค่า ISO ได้ตั้งแต่ 50 – 3200 โดยที่ความละเอียด 23MP และ 20MP สามารถเลือกปรับ ISO ได้สูงถึง 3200 แล้ว สามารถเลือกตั้งเวลาถ่ายอัตโนมัติที่ 3 และ 10 วินาทีได้เช่นเดิม สามารถเลือกเปิด/ปิด Object Tracking ได้ การวัดแสงจะมีให้เลือกทั้งแบบ Face, Multi, Center, Spot และ Touch ส่วนฟังก์ชั่นเลือก Scene ถ่าย (SCN) จะสามารถเลือกได้ที่ความละเอียด 8MP ลงมาเท่านั้นเหมือนอย่างเคย

    ที่เพิ่มเข้ามาใหม่เลยคือการปรับสปีดชัตเตอร์ โดยจะไปอยู่รวมกับเมนูปรับ EV ด้านซ้ายของปุ่มชัตเตอร์ เมื่อเปิดขึ้นมาสามารถเลือกปรับโฟกัสเป็นแบบใกล้หรือไกลได้ ส่วนสปีดชัตเตอร์สามารถเลือกปรับได้ตั้งแต่ 1/4000 ถึง 1 วินาที ซึ่งตรงนี้เสียดายที่ยังไม่สามารถลากได้เกินนี้ด้วยแอปกล้องถ่ายภาพหลักของเครื่อง ส่วนค่าการชดเชยแสง(EV) สามารถปรับได้ที่ +2 ถึง -2 และ White Balance สามารถปรับได้ตามเดิม ไม่สามารถเลือกอุณภูมิสีได้ในโหมด Manual

dsc_0119

dsc_0122

dsc_0124

    อีกหนึ่งจุดเด่นเลยก็คือการทำ Clear Image Zoom หรือก็คือ Digital Zoom ดีๆนี่แหละ แต่ Sony การันตีว่าสามารถซูมถ่ายภาพได้โดยไม่เสียรายละเอียดในการซูม ซึ่งตั้งแต่ XPERIA Z1 เป็นต้นมาสามารถซูมได้ที่ 3 เท่า แต่ตั้งแต่ XPERIA Z5 และ XPERIA X Series สามารถซูมได้ถึง 5 เท่าโดยไม่เสียรายละเอียด ซึ่งจากการลองถ่ายแล้วก็สามารถยืนยันได้ว่าเป็น Clear Image Zoom ที่เก็บรายละเอียดได้ดีจริงๆ โดยทุกภาพที่ถ่ายมาไม่ว่าจะที่ 3X Zoom หรือ 5X Zoom ก็จะได้ไฟล์ภาพที่เต็มความละเอียดตามที่ตั้งไว้

img_2358

    กล้องหน้า UI ใช้งานได้ง่ายขึ้น สามารถสไลด์หน้าจอขึ้นลงเพื่อสลับใช้งานกล้องหน้า-หลังได้เลย สามารถตั้งเวลาถ่ายได้ง่ายขึ้นเพราะเอาเมนูออกมาไว้ข้างๆชัตเตอร์เลย รู้สึกว่าโหมด Soft Skin จะเกลี่ยผิวได้ดีขึ้นด้วย ไม่ถ่ายแล้วดูแบ๊วเกินไปเหมือนแต่ก่อน มีระบบโฟกัสติดตามใบหน้า แต่ไม่สามารถทัชโฟกัสได้ และเพิ่มโหมดยกมือถ่ายได้แล้ว

รูปภาพจากกล้องหลัง ถ่ายที่ความละเอียด 23MP โหมด Superior Auto (ภาพถูกย่อลงละบันทึกที่ Quality 9-11 ใน Photoshop)

รูปภาพจากกล้องหน้า ถ่ายที่ความละเอียด 5MP โหมด Superior Auto (ภาพถูกย่อลงละบันทึกที่ Quality 9-11 ใน Photoshop)

linecameracomxpb

xcz5comparison1

xcz5comparison2

xcz5comparison3

xcz5comparison4

xcz5comparison5

xcz5comparison6

xcz5comparison7

xcz5comparison8

xcz5comparison9

xcz5comparison10

img_2274

 

linesoftwarexpb

img_2334

    ในส่วนของซอฟแวร์ XPERIA X Compact ยังมาพร้อมกับ Android 6.0.1 Marshmallow อยู่ ซึ่งน่าจะได้อัพ Android 7.0 Nougat ในเร็วๆนี้ การใช้งานต่างๆยังคงรูปแบบสไตล์ Sony อยู่แต่ได้มีการปรับปรุงให้มีความเป็น Material Design มากยิ่งขึ้น เน้นการทำให้ธีมดูโปร่งใสกับพื้นหลัง การใช้งานยังลื่นไหล ไม่มีสะดุดการเปิด/ปิด สลับแอปไปมายังสามารถทำได้อย่างสะดวก เราไปดูรูปแบบ UX ต่างๆของ XPERIA X Compact กันครับ

screenshotxcom1

    หน้า Lock Screen ยังเป็นรูปแบบใหม่สไตล์ XPERIA X ซีรี่ย์อยู่เหมือนเดิม เน้นความเรียบและใช้นาฬิกาโปร่งใสของหน้าจอเป็นจุดเด่นแทน แต่ถ้าเปลี่ยนรูป Lock Screen นาฬิกาก็จะกลับมาเป็นแบบปกติ หน้า Home Screen ยังเป็นรูปแบบเดิม สามารถกดค้างเพื่อจัดการเพิ่ม/ลบ Widget ต่างๆหรือตั้งค่าต่างๆของ Home Screen ได้ ส่วนในหน้า App drawer ส่วนของ Search app ทำให้เป็นแบบโปร่งแสง ไม่ทึบแบบตอนแรกแล้ว ด้านซ้ายสุดจะเป็นส่วนของการค้นหาแอปและแนะนำแอปที่เราน่าจะใช้

screenshotxcom2

    แถบ Notification ยังคงรูปแบบคล้ายเดิม สามารถเลือนลงมาอีกครั้งเพิ่งเข้าสู้หน้า Quick Setting ได้ โดยในหน้า Recent App จะเห็นว่าเราไม่มี Small App ใช้แล้ว :'( ส่วน Launcher ตัวนี้ของโซนี่ สามารถปรับเปลี่ยนได้มากยิ่งขึ้น สามารถเปลี่ยนไอคอนหรือเปลี่ยนรูปแบบการเลื่อนหน้า รวมถึงมีฟังก์ชั่น Double-tap to sleep หรือแตะ 2 ทีให้หน้าจอดับมาแล้วครับ สามารถเลือกเปิด/ปิด Google Now ที่หน้า Home Screen ได้

screenshotxcom3

    ด้านแอป Contact และโทรศัพท์ยังคงรูปแบบเดิมไว้ สามารถ Sync รายชื่อจากบัญชี Gmail ของเราลงมาได้ สามารถเพิ่มชื่อ หรือมาร์ค Favorites คนที่โทรหาบ่อยหรือจะตั้งกลุ่มรายชื่อ ส่วนคีย์บอร์ดในเครื่องจะเป็นแอป Swiftkey โดยหน้าตาจะคล้ายกับ Xperia Keyboard แต่จะมีลูกเล่นมากกว่าเช่นปรับขนาดคีย์บอร์ดได้, แถบเดาคำ และจะเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆจากที่เราพิมพ์และคอยแก้ไขให้ถูกต้องตลอด, สามารถ Cut หรือ Copy คำที่เราใช้งานบ่อยๆปักหมุดไว้ได้ด้วย สะดวกไม่ต้องคอยพิมพ์ซ้ำ และสุดท้ายมันมีธีมให้เลือกมากมายครับ ส่วนแอปนาฬิกายังคงมีรูปแบบคล้ายเดิม แต่ปฏิทินได้เพิ่มลายกราฟิกสวยๆและไฮไลท์วันสำคัญและคิวนัดต่างๆในแต่ละเดือน ดูสวยงามกว่าเดิม

screenshotxcom4

    แอปเล่นเพลง หรือ Music การใช้งานต่างๆยังคล้ายเดิม สามารถเลือนนิ้วจากมุมซ้ายเพื่อเข้าสู่เมนูต่างๆไม่ว่าจะเป็น Play queue, Albums, Song, Playlist หรือ Setting โดยสามารถเลือกดาวน์โหลดข้อมูลเพลงผ่าน Download Music info ได้ ในส่วนของ Audio Settings จะเป็นการเลือกเปิดฟังก์ชั่นต่างๆไม่ว่าจะเป็น DSEE HX, ClearAudio+, Dynamic normaliser, S-Force Front Surround ในส่วนของ Sound Effect สามารถเลือกตั้งค่า Equalizer หรือเลือกระบบเสียงต่างๆของหูฟังได้ ในส่วนของ Accessory จะเป็นตัวเลือกของอุปกรณ์เสริมต่างๆเช่น Noise cancelling, LDAC, Mic sensitivity และมีการเพิ่มบริการ Spotify เข้ามาในแอปด้วย

screenshotxcom5

    แอป Album สำหรับดูรูปภาพ ยังคงเหมือนกับที่อยู่บนรุ่นก่อนหน้า โดยสามารถเลือกดูภาพโดยรวมหรือแยกดูแต่ละโฟลเดอร์ก็ได้ ส่วน Video สามารถตั้งค่าให้เล่นแบบ Background playback และเปิด Subtitle ได้ และได้เพิ่ม Home Network เข้ามาในแอปเลย

img_2252

screenshotxcom6

    Setting ถูกปรับให้หลายๆเมนูที่เคยอยู่ในหมวดต่างๆออกมาอยู่ด้านหน้าเลย เพื่อความสะดวกในการเข้าถึง และเพิ่มกราฟฟิกสวยๆขึ้นมาในแต่ละเมนูเพื่อสื่อให้เราเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น เช่นการเลือกโหมดแสดงผลของหน้าจอที่จะมีรูปและคลิปเปรียบเทียบให้ดูกันไปเลยว่า X-Reality for mobile หรือ Super-vivid mode ระหว่างเปิดกับปิดให้ภาพต่างกันยังไง การปลดล็อคสามารถตั้งได้ทั้งแบบ Swipe, Pattern, PIN หรือจะเป็นการสแกนลายนิ้วมือก็ทำได้ โดยถ้าเราสแกนพลาด 5 ครั้งจะเข้าสู่หน้าล็อกแบบ PIN ให้เราใส่รหัสที่เรากรอกไว้ตอนเปิดโหมดสแกนนิ้วครั้งแรก โดยสามารถบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือด้วยกัน

screenshotxcom7

    STAMINA mode โหมดประหยัดพลังงานที่อยู่คู่กับ XPERIA มาช้านาน ก็ยังมีให้เลือกเปิดใช้งานเช่นเคย โดยมีทั้งแบบธรรมดาและ Ultra STAMINA mode สำหรับการประหยัดแบตสุดขีดอีกด้วย และได้เพิ่มเทคโนโลยีใหม่เข้ามาคือ Qnovo Adaptive Charging โดยสามรถเลือกเปิด-ปิดการใช้งานโหมดนี้ได้ที่เมนู Battery Care ได้เลย โดยเทคโนโลยีที่ว่านี้จะช่วยถนอมแบตในกรณีที่เราชาร์จทิ้งไว้ทั้งคืน มันจะไม่ชาร์จให้เต็ม 100% เลยแต่จะคงไว้ที่ 90% ก่อนแล้วพอถึงเวลาประจำที่เราใกล้ตื่นจึงจะชาร์จให้เต็ม 100%

screenshotxcom9

    ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ Smart cleaner ที่จะเพิ่มความฉลาดในการจัดการแรม โดยจะช่วยปิดโปรแกรมต่างๆที่เราไม่ได้ใช้นานๆ และกำจัดไฟล์ขยะและ cache ต่างๆ นอกจากนี้เวลาที่เราเสียบสาย USB Type-C กับอุปกรณ์ต่างๆนอกจากโหมด Charging only, Transfer files(MTP) และ MDI แล้วยังเพิ่มเมนูใหม่คือ Power supply สำหรับให้มือถือเราเป็นตัวจ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่นได้อีกด้วย

screenshotxcom10

    Photo Editior สามารถปรับแต่งรูปได้มากกว่าเดิม มีการใส่ filter หรือลูกเล่นต่างๆเพิ่มเข้ามา การแก้ไขรูป Crop, Flip, Rotate สามารถทำได้ง่ายขึ้น และยังมีแอปใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาอย่าง Weather ซึ่งสามารถดูพยากรณ์อากาศได้จากแอปนี้

img_2474

lineoverallxpb

    XPERIA X Compact นับเป็นการกลับมาของรุ่นสืบทอดตระกูล Compact ที่ทำออกมาได้ดี การใช้งานต่างๆสามารถทำได้อย่างง่ายดาย เพราะขนาดจอที่เล็กสามารถใช้งานมือเดียวได้สะดวก RAM ที่เพิ่มเป็น 3GB บวกกับขนาดจอ HD 720p ทำให้สามารถใช้งานได้ลื่นไหลไม่มีสะดุดแม้แต่น้อย หน้าจอสว่างใช้งานกลางแจ้งได้ดีกว่ารุ่นที่ผ่านๆมา การสแกนนิ้วรวดเร็วแม่นยำเช่นเคย แต่ก็มีข้อเสียที่วัสดุที่เลือกใช้เป็นรอยนิ้วมือง่าย แต่ถ้าคุณคิดจะติดฟิล์มกันรอยหรือใส่เคส ปัญหานี้ก็คงหมดไป 😛 ขนาดเครื่องและน้ำหนักที่เบาทำให้สามารถถือเล่นและพกพาได้สะดวก ความร้อนตัวเครื่องใช้งานทั่วไปยังไม่รู้สึกว่าร้อนมาก แม้เล่นเกมกราฟิกสูงๆก็รู้สึกเพียงแค่อุ่นเล็กน้อย นับว่าการเลือกใช้ Qualcomm Snapdragon 650 นั้น เพียงพอต่อการใช้งานอย่างลื่นไหล ประหยัดพลังงาน และความร้อนไม่สูงมากด้วย

    กล้องถ่ายภาพนับว่าเป็นการพัฒนาอีกขั้น จากการใส่เซ็นเซอร์ RGBC-IR และ Laser focus เข้ามา เพราะทำให้สีสันของภาพตรงกับความเป็นจริง สามารถถ่ายภาพในสภาพแสงที่มีแสงหลายๆสีได้โดยที่ White Balance ไม่เพี้ยน ฟังก์ชั่นการป้องกันสั่น 5 แกนจากที่ลอง แม้จะกันสั่นวีดีโอได้ดี แต่ก็ทำให้ภาพดูสั่นๆเล็กน้อยซึ่งต้องรอดูการอัพเดทซอฟต์แวร์ในอนาคตว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ได้ไหม แต่ภาพวีดีโอที่ได้ดูคมกว่า XPERIA X Performance ส่วน Predictive Hybrid AutoFocus ทำให้สามารถถ่ายวัตถุเคลื่อนไหวได้ดี และสามารถถือถ่ายมือเดียวได้สะดวกมากขึ้นอีกด้วย

    แบตเตอรี่การใช้งานทั่วไปเล่นโซเชียลและฟังเพลง นับว่าใช้งานได้นานมาก เมื่อเทียบกับ XPERIA Z5 ที่ผมใช้เป็นเครื่องหลักตอนนี้ การลดลงของ % แบตที่ช้า อาจจะเป็นผลจากขนาดหน้าจอที่เล็กและ CPU ด้วย แต่ถ้าเปิดกล้องถ่ายรูปหรือวีดีโอต่อเนื่องนานๆจะเริ่มเห็นการลดลงของแบตได้ชัดเจน แต่การใช้งานโดยรวมอยู่ได้วันหนึ่งสบายๆเลยครับ

    ตอนนี้ Sony ประเทศไทยได้กำหนดราคาขายไว้ที่ 16,990 บาท ซึ่งถือว่าถูกกว่าตอน XPERIA Z5 Compact อยู่พอสมควรเมื่อเทียบกับสเปคที่ได้ นับว่าเป็นอีกตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่อยากได้มือถือเล็กๆ ขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา ไว้ใช้งานทั่วไปสักเครื่อง XPERIA X Compact จะเป็นตัวเลือกที่ดีแน่นอนครับ

    สามารถซื้อหรือทดลองเล่น XPERIA X Compact ได้แล้วที่งาน Thailand Mobile Expo 2016 ในช่วงวันที่ 29 กันยายน – 2 ตุลาคม 2559 แล้วเจอกันในงานนะครับ 🙂

seuppromoxper

img_2319

img_2321

img_2327

img_2412

img_2488

img_2376

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความรู้สึกของคุณต่อบทความนี้ อย่าลืมที่จะแชร์ให้คนอืนได้รู้ความรู้สึกนี้ .
บอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้
  • ประทับใจสุดๆ
  • ดีจังเลย
  • โกรธสุดๆ
  • เฉยๆ อ่ะ
  • รู้สึกหดหู่