หลังจากได้ปล่อยบทความ “บุกโตเกียวไขข้อสงสัย Xperia XZ Premium” 2 ตอนแรก ได้แก่ ตอน “ดีไซน์การออกแบบ” และตอน “คุณภาพเสียง” ที่แปลมาจากทางเว็บไซต์ ePrice ของไต้หวันกันไปแล้ว ต่อไปเป็นบทความตอนที่ 3 ครั้งนี้จะมาพูดถึงเทคโนโลยีใหม่ๆที่อัดแน่นมาในกล้องของ Xperia XZ Premium (และ Xperia XZs) ที่ทาง Sony เรียกว่า กล้อง Motion Eye เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนคงจะได้สัมผัสกันไปบ้างแล้ว แต่ว่ามันแตกต่างกับกล้องของรุ่นก่อนหน้านี้ยังไงบ้าง? บทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆเข้าใจแจ่มแจ้งเลย

กล้องใหม่ใส่ DRAM จัดเต็มด้วยเทคโนโลยี Motion Eye

    ภายในงาน MWC 2017 ที่ผ่านมา ในที่สุด Sony ก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ที่มาพร้อมเซนเซอร์ตัวใหม่ที่ไม่ใช่ Exmor RS IMX300 (23 ล้านพิกเซล) เสียที โดยสมาร์ทโฟนดังกล่าว ได้แก่ Xperia XZs และ Xperia XZ Premium ที่มาพร้อมเซนเซอร์ใหม่เอี่ยม ความละเอียด 19 ล้านพิกเซล ซึ่งถือเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยทีเดียว ทาง Sony Mobile เรียกเทคโนโลยีใหม่นี้ที่มี G Lens และเซนเซอร์ Exmor RS เป็นหนึ่งในส่วนประกอบว่า 「Motion Eye」อย่างไรก็ตาม Xperia XZ Premium ก็ยังคงสืบทอดเทคโนโลยี Triple Image Sensing ของ Xperia XZ มาด้วย (Phase detection, Laser Autofocus และเซนเซอร์วัดสี RGB IR)

    คราวนี้ Sony ได้ปฏิวัติวงการกล้องมือถือด้วยการเพิ่มชั้นที่เป็นหน่วยความจำ DRAM ลงไปในโมดูลเซนเซอร์ถ่ายภาพโดยตรง เพราะ Sony มองว่าฟีเจอร์ Fast capture ที่สามารถเปิดกล้องและถ่ายอย่างรวดเร็วใน 0.6 วินาทีซึ่งมีมาตั้งแต่สมัย Xperia X Performance นั้นไม่เพียงพอ ต้องการให้กล้องมีดียิ่งกว่าแค่ถ่ายเร็วเพียงอย่างเดียว ซึ่งเซนเซอร์ตัวใหม่ที่เพิ่มหน่วยความจำเข้ามานี้ก็ช่วยปลดล็อกความสามารถใหม่ให้กับ Xperia 2 ฟีเจอร์ ได้แก่ Predictive Capture และ 960 fps Super-slow motion

▲ เซนเซอร์ตัวใหม่เมื่อจับภาพแล้ว จะไม่ได้ส่งไปให้ชิพประมวลผลทำการประมวลผลในทันที แต่จะเก็บไว้ในหน่วยความจำบนเซนเซอร์ก่อน ทำให้สามารถถ่ายได้อย่างต่อเนื่อง

▲ ประสานพลังของ G Lens ดีไซน์ใหม่, เซนเซอร์ 3 ชั้นที่มีชั้น DRAM และ BIONZ ระบบประมวลผลภาพที่ปรับปรุงมาใหม่ ทำให้ได้เป็นกล้อง「Motion Eye」ที่ทาง Sony ภูมิใจว่าสามารถจับภาพการเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเหนือกว่าดวงตาของมนุษย์

▲ การเพิ่มหน่วยความจำเข้ามาบนเซนเซอร์ถ่ายภาพ ทำให้สามารถเก็บสัญญาณภาพลงในหน่วยความจำชั่วคราวก่อนได้ ทำให้มีความเร็วในการอ่านสัญญาณภาพสูงถึง 25 Gbps ซึ่งเร็วกว่าการส่งต่อสัญญาณภาพดังกล่าวไปประมวลผลในทันทีถึง 5 เท่า

▲ นี่เป็นภาพเปรียบเทียบข้อดีของมัน หากเป็นเซนเซอร์แบบเก่า เมื่อถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนที่เร็วอย่างรถไฟ หน่วยประมวลผลจะไม่สามารถประมวลผลได้ทัน ทำให้ได้ภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวรวดเร็วมีการบิดเบี้ยว ซึ่งในกรณีนี้ก็คือรถไฟนั่นเอง แต่ถ้าเป็นเซนเซอร์ตัวใหม่ของ Xperia XZ Premium/XZs จะไม่เจอปัญหานี้เลย ถ่ายภาพได้ดูนิ่งราวกับเวลาถูกหยุดไว้

▲ ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด 960fps Super-slow motion เมื่อกดปุ่ม slow motion กล้องจะทำการถ่ายภาพ 190 ภาพภายใน 0.182 วินาที แล้วนำมาเล่นเป็นภาพเคลื่อนใหญ่ความยาว 5.8 วินาที ซึ่งเท่ากับช้าลงกว่าเวลาจริง 32 เท่า หรือถ่าย slow motion ได้ช้ากว่าสมาร์ทโฟนของค่ายอื่นถึง 8 เท่า นี่เป็นอานิสงส์ของการที่เซนเซอร์มีหน่วยความจำเพิ่มเข้ามา ทำให้สามารถเก็บสัญญาณภาพทั้ง 190 เฟรมไว้บน DRAM ก่อน แล้วค่อยมาประมวลผลในภายหลัง

▲ ในครั้งนี้เลนส์ G ที่ถูกดีไซน์ขึ้นมาใหม่ จับคู่กับเซนเซอร์ความละเอียด 19 ล้านพิกเซลรุ่นใหม่ ทำให้ได้ภาพที่คมชัดและความละเอียดสูง แม้ความละเอียดจะลดลงจากรุ่นก่อนหน้า แต่ขนาดเม็ดพิกเซลได้ขยายขึ้นเป็น 1.22μm หรือใหญ่ขึ้นกว่าเดิมประมาณ 20% ซึ่งช่วยให้สามารถเก็บแสงบนพิกเซลได้มากกว่าเดิม

▲ G Lens รุ่นเดิม ภาพในส่วนที่ยิ่งห่างจากจุดศูนย์กลางจะมี contrast ต่ำลงแตกต่างกับจุดศูนย์กลางเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเหตุผลให้เกิดการเบลอบริเวณมุมของภาพถ่าย แต่ใน G Lens รุ่นใหม่นี้ พวกเขาได้พัฒนาให้บริเวณขอบของภาพถ่ายมี Contrast สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 25% ดังนั้นมุมของภาพจะไม่เบลอจนเห็นได้ชัดอย่างที่ผ่านมา

▲ รายละเอียดตามบริเวณมุมของภาพมีความคมชัดมากกว่า Xperia XZ

▲ ภาพถ่ายกลางคืนสามารถทำได้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น สามารถคงไว้ซึ่งสีที่ดำสนิท ไม่ออกอาการสีถูกกลืนจนดูขาวซีด (white out) และยังรักษาความสดของสีสันไว้ได้อย่างแม่นยำกว่ากล้องของสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่น


▲ ในด้านการโฟกัส จากเดิม Xperia Z3 ในที่มืดต้องใช้เวลาโฟกัสถึง 800ms การที่เพิ่ม Laser Autofocus เข้ามา ทำให้ Xperia XZ ใช้เวลาเพียง 400ms แต่ Xperia XZ Premium มาพร้อม Laser Autofocus ที่ปรับปรุงใหม่ ใช้เวลาโฟกัสในที่มืดเพียง 220ms เท่านั้น นอกจากนี้ Laser Autofocus ตัวใหม่ยังรองรับการทำงานในสภาพแสงที่สว่างแล้วด้วย ทำให้การโฟกัสในที่สว่างเร็วขึ้นอีก 40%

▲ โหมด Panorama ก่อนหน้านี้ จะต้องถ่ายจนเต็มกรอบที่กำหนดก่อนจึงจะสามารถหยุดการถ่ายได้ แต่ซอฟต์แวร์ Panorama ที่ถูกปรับปรุงมาใหม่ สามารถเลือกหยุดได้ตามใจชอบ และยังถูกปรับปรุงให้ได้ไฟล์ภาพที่ความละเอียดสูงกว่าของเดิมหลายเท่า

    เป็นอย่างไรบ้าง? เพื่อนๆคงจะหมดข้อสงสัยแล้วสินะว่า กล้อง Motion Eye ดีกว่าของเดิมยังไง เห็นได้ชัดเลยว่ากล้องของ Xperia XZ Premium ยอดเยี่ยมกว่าเดิมมากมายจริงๆ!

ตัวอย่างภาพจากกล้อง Xperia XZ Premium

    ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง เราไปดูตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยกล้อง Xperia XZ Premium กันเลยดีกว่า! (สามารถกดที่ภาพเพื่อดูไฟล์ขนามเต็ม)

▲ F2、1/50、ISO 250

▲ ​F2、1/50、ISO 320

▲ ​F2、1/250、ISO 40

▲ ​F2、1/2500、ISO 40

▲ ​F2、1/50、ISO 320

▲ ​F2、1/16、ISO 1250

▲ ​F2、1/320、ISO 40

▲ ​F2、1/50、ISO 200

▲ ​F2、1/400、ISO 40

▲ ​F2、1/50、ISO 200

▲ ​F2、1/250、ISO 40

▲ ​F2、1/400、ISO 40

▲ ​F2、1″、ISO 80

▲ ​F2、1/250、ISO 40

▲ ​F2、1/2500、ISO 40

▲ ​F2、1/1000、ISO 40

▲ ​F2、1/50、ISO 1250

▲ ​F2、1/160、ISO 40

▲ ​F2、1/250、ISO 40

▲ ​F2、1/25、ISO 800

▲ ​F2、1/160、ISO 40

▲ ​F2、1/50、ISO 320

▲ ​F2、1/32、ISO 800

▲ ​F2、1/250、ISO 40

▲ ​F2、1/320、ISO 40

▲ ​F2、1/50、ISO 250

▲ ​F2、1/32、ISO 800

▲ ​F2、1/50、ISO 200

▲ ​F2、1/640、ISO 40

▲ ​F2、1/20、ISO 800

    นอกจากนี้ เชื่อว่าเพื่อนๆน่าจะสนใจในส่วนของการถ่ายภาพกลางคืนที่มีสภาพแสงน้อย ผู้เขียนจึงได้ทดลองถ่ายภาพกลางคืนในโหมด Manual แล้วค่อยๆเพิ่ม ISO ทีละระดับ อย่างไรก็ตาม ถึงจะชื่อว่าโหมด Manual แต่ว่ายังคงไม่สามารถเลือกปรับค่า Shutter Speed และ ISO พร้อมกันได้เหมือนเช่นเคย กล่าวคือ ถ้าเลือกปรับค่า Shutter Speed แล้ว ก็จะปรับค่า ISO ไม่ได้ และถ้าเลือกปรับค่า ISO เครื่องก็จะปรับ Shutter Speed เป็น Auto โดยอัตโนมัติ ซึ่งในกรณีนี้ Speed Shutter จะช้าสุดได้แค่ 1/16 วินาที ไม่สามารถลากยาว 1 วินาทีได้ ทำให้ถ้าปรับค่า ISO ไว้ต่ำ บางครั้งก็จะได้ภาพที่มืดจนมองไม่ออก ซึ่งอาการนี้พบมาตั้งแต่สมัย Xperia XZ แล้ว

▲ ​ซ้าย: F2、1/16、ISO 50 ;​ขวา: F2、1/16、ISO 100

▲ ซ้าย: F2、1/16、ISO 200 ;​ขวา: F2、1/16、ISO 400

▲ ซ้าย: F2、1/16、ISO 800 ;ขวา: F2、1/16、ISO 1600

▲ ​F2、1/16、ISO 3200

    เพื่อนๆที่ใช้ Xperia มาอย่างยาวนานน่าจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของภาพถ่ายกลางคืนที่มาจากกล้องของ Xperia XZ Premium แม้ว่าผู้เขียนจะรู้สึกว่าภาพที่ได้จากกล้องของ Sony รุ่นใหม่ๆมีความเป็นวุ้นน้อยลงไปมากแล้ว แต่เมื่อได้มาลองถ่ายภาพด้วย Xperia XZ Premium ถึงกับทำให้ผู้เขียนรู้เหมือนกับไม่ได้ถ่ายด้วยกล้อง Sony เลย เพราะ Noise และความเป็นวุ้นในภาพถ่ายกลางคืนนั้นลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด และสิ่งที่สำคัญมากๆก็คือ ความเร็วการโฟกัสในสภาพแสงน้อยนั้นเร็วขึ้นจนรู้สึกได้ นี่คือพลานุภาพของเทคโนโลยี Motion Eye ที่ Sony ได้ประทานมาให้

ตัวอย่างคลิป 960fps Super-slow motion และคลิปวิดีโอธรรมดา

 

คลิป Super-slow motion 1

คลิป Super-slow motion 2

คลิป Super-slow motion 3

คลิป Super-slow motion 4

 

สุดท้ายมาลองชมการถ่ายวิดีโอแบบปกติกันดีกว่า ว่าระบบป้องกันสั่นจะทำได้ดีแค่ไหน! ผู้เขียนทำการถ่ายคลิปด้วยมือล้วนๆ และไม่ได้ทดลองในสถานที่ที่มีการสั่นสะเทือนอย่างหนัก เพราะแบบนี้คือการใช้งานที่ตรงกับชีวิตจริงที่สุด ทิ้งท้ายกันไปด้วยปลาโลมาจาก Sea Paradise ก็แล้วกัน~

คลิป 1

 

คลิป 2

 

 

ที่มา: ePrice

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความรู้สึกของคุณต่อบทความนี้ อย่าลืมที่จะแชร์ให้คนอืนได้รู้ความรู้สึกนี้ .
บอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้
  • ประทับใจสุดๆ
  • ดีจังเลย
  • โกรธสุดๆ
  • เฉยๆ อ่ะ
  • รู้สึกหดหู่