คาดว่าเพื่อนๆหลายๆคนคงได้อ่านบทความ “บุกโตเกียวไขข้อสงสัย Xperia XZ Premium” ทั้ง 3 ตอนที่แปลมาจากทางเว็บไซต์ ePrice ของไต้หวันกันไปแล้ว ได้แก่ ตอน “ดีไซน์การออกแบบ” ตอน “คุณภาพเสียง” และตอน “กล้อง Motion Eye” ในที่สุดก็มาถึงบทความตอนสุดท้ายของซีรี่ย์นี้เสียที ในครั้งนี้เราจะมาพูดถึงเทคโนโลยีหน้าจอใหม่ๆที่อัดแน่นมาใน Xperia XZ Premium ที่กำลังจะมาในเร็วๆนี้

    หากพูดถึงจุดขายของ Xperia XZ Premium สุดยอดสมาร์ทโฟนเรือธงจาก Sony Mobile รุ่นนี้ แน่นอนว่าจะต้องนึกถึงหน้าจอ 4K HDR ของมันเป็นอันดับแรกๆ ว่าแต่ 4K คืออะไร? ก่อนที่เราจะเริ่มสาธยายถึงความเจ๋งของหน้าจอ Xperia XZ Premium กัน เราจะขออธิบายให้เพื่อนๆได้เข้าใจก่อนว่าความละเอียดระดับ 4K คืออะไร สาเหตุที่เรียกว่า 4K ก็เนื่องมาจากการที่ความละเอียดระดับนี้มีจำนวนพิกเซลเรียงต่อกันด้านหนึ่งถึงหรือเกือบ 4,000 พิกเซล (3840 x 2160 หรือ 4096 x 2160) ซึ่งเมื่อนำไปเทียบกับความละเอียด Full HD (1920 x 1080) ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน จะพบว่าจำนวนพิกเซลในแต่ละด้านสูงกว่าถึง 2 เท่า ดังนั้นจำนวนพิกเซลทั้งหมดของความละเอียด 4K จึงมากกว่า Full HD ถึง 4 เท่า หากเปรียบเทียบด้วยจำนวนพิกเซล Full HD จะแสดงผลด้วยภาพความละเอียด 2 ล้านพิกเซล แต่ 4K นั้นจะมีความละเอียดถึง 8 ล้านพิกเซล

▲ ถึงแม้จะเป็นหน้าจอ 4K เหมือนกัน แต่ครั้งนี้หน้าจอของ Xperia XZ Premium ได้ผ่านการอัพเกรดมารอบด้านเลยทีเดียว

 

หน้าจอ 4K ปรากฏกายบน Xperia อีกครั้งพร้อมเทคโนโลยีที่เหนือกว่า Xperia Z5 Premium

    อย่างที่ทราบกันดี Xperia XZ Premium เน้นจุดขายที่หน้าจอความละเอียด 4K เป็นหลัก ทว่ามันไม่ใช่สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมหน้าจอ 4K เนื่องจากสมาร์ทโฟนหน้าจอ 4K เครื่องแรกของโลก คือ Xperia Z5 Premium นั่นเอง ซึ่งก็ได้เกิดประเด็นให้ถกเถียงกันมากมายตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว เช่น มีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าหน้าจอที่มีค่า PPI สูงเกิน 300 ก็ไม่สามารถแยกความแตกต่างด้วยตาเปล่าได้แล้ว เหมือนกับที่ Apple ได้กล่าวไว้ตอนโฆษณา Retina Display นอกจากนี้ในปีนั้นภาพยนตร์ 4K ก็เพิ่งจะอยู่ในยุคเริ่มแรก มีเว็บที่ให้บริการสตรีมวิดีโอ 4K เพียงไม่กี่เว็บไซต์ สุดท้ายการใช้งาน 4K หลักๆบน Xperia Z5 Premium จึงมีเพียงแอพที่มากับเครื่องเท่านั้นเอง ปีถัดมา Sony Mobile จึงไม่ได้ปล่อยสมาร์ทโฟนหน้าจอ 4K ออกมาอีก

▲ หน้าจอ 4K กลับมาอีกครั้งบนสมาร์ทโฟน Xperia โดยครั้งนี้เจ๋งกว่าเก่าอีกด้วย!

    อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีก็ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว 4K กลายเป็นอนาคตของมาตรฐานสัญญาณภาพ ในปัจจุบันมีผู้ให้บริการ Video streaming บนอินเตอร์เน็ตมากมายที่รองรับวิดีโอ 4K กันแล้ว เช่น YouTube, Amazon Prime Video ฯลฯ มีภาพยนตร์ 4K ให้เพื่อนๆได้รับชมกันมากมาย แน่นอนว่า Sony ก็ไม่ลืมที่จะพัฒนาเทคโนโลยีหน้าจอ 4K บนสมาร์ทโฟน ทำให้ในปี 2017 นี้ พวกเขาได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอ 4K รุ่นที่ 2 ของโลก นามว่า “Xperia XZ Premium

▲ YouTube สามารถเลือกเล่นวิดีโอที่ความละเอียด 2160p (4K) ได้แล้ว

▲ Amazon Prime Video ติดตั้งมาในเครื่องตั้งแต่เริ่ม มีภาพยนตร์ HDR ความละเอียด 4K ให้เลือกชม

 

นอกจาก 4K HDR แล้ว ยังมีเทคโนโลยีหน้าจอเจ๋งๆอย่างอื่นเพิ่มเข้ามาด้วย

    หน้าจอ 4K ของ Xperia XZ Premium มีการพัฒนาขึ้นจาก Xperia Z5 Premium ไม่น้อยเลย นอกจากการที่ได้เพิ่มฟีเจอร์ HDR (High Dynamic Range) เข้ามาแล้ว ก็ยังมีเทคโนโลยีหน้าจอต่างๆที่ Sony คิดค้นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น TRILUMINOS Display, X-Reality for Mobile, Dynamic Contrast/Tone Enhancer เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัด สวยงาม และสมจริง

    พูดชื่อทางเทคนิคพวกนี้ เพื่อนๆอาจจะไม่ค่อยเข้าใจว่ามันดีอย่างไร ในครั้งนี้ผู้เขียนได้กลับไปยังสำนักงานใหญ่ของ Sony ในเขตชินากาว่าเพื่อหาคำตอบว่า หน้าจอ 4K HDR ที่ใส่มาบน Xperia XZ Premium มีอะไรแตกต่างจากเดิม!

 ▲ นอกจากจะรองรับ HDR แล้ว แผงหน้าจอยังถูกออกแบบใหม่โดยใช้เทคโนโลยี 2-in-1 Live Colour LED ที่ให้ความสว่างมากกว่า Xperia Z5 Premium ถึง 40% (ในโหมด HDR) และในส่วนของขอบเขตของสี (color space) ก็สามารถแสดงผลได้ 138% จากค่ามาตรฐาน sRGB เลยทีเดียว

▲ หน้าจอของ Xperia XZ Premium ถูกสร้างขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับฝั่ง BRAVIA ในการจูนสีและความสดของสีบนแผงหน้าจอ และยังได้ยกเอาเทคโนโลยีหลายๆอย่างมาใส่ไว้ในสมาร์ทโฟนรุ่นนี้

▲ พอใส่เทคโนโลยี HDR เข้ามาแล้ว ทำให้หน้าจอสามารถแสดงขอบเขตของสีที่มากกว่าเดิมมาก และยังมีเทคโนโลยี Adaptive Tone Mapping ที่ร่วมพัฒนากับ Qualcomm

    ครั้งนี้ Sony ได้ใส่เทคโนโลยี Adaptive Tone/Backlight Mapping เข้ามาในหน้าจอ 4K รุ่นใหม่นี้ โดยปกติแล้วสภาพแวดล้อมที่ผู้ใช้อยู่ซึ่งแตกต่างกันย่อมมีอุณหภูมิสีที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นแสงแดดจัดนอกอาคารหรือแสงสลัวๆยามพลบค่ำ ต่างก็ส่งผลกระทบต่อภาพบนหน้าจอที่ผู้ใช้มองเห็น ทว่าเทคโนโลยี Adaptive Tone/Backlight Mapping นี้ไม่เพียงแค่วิเคราะห์สัญญาณภาพแล้วเก็บรักษารายละเอียดและสีสันในจุดที่มีความสว่างสูง แต่มันยังลงมือทำการปรับสีของภาพตามสภาพแสงในขณะที่ผู้ใช้กำลังรับชมอยู่อีกด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้จะสามารถมองเห็นรายละเอียดและสีที่แสดงออกมาจากหน้าจอ 4K HDR ได้มากขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น

▲ มี Colour mode ให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ Professional, Standard และ Super-vivid ซึ่งมีผลต่อการแสดงผลภาพทั้งในหน้า Home screen และแอพ 3rd party แล้ว

แสดงภาพ 4K อย่างสมจริง ทั้งเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดแบตเตอรี่!

    นอกจากนี้ สิ่งที่ Xperia Z5 Premium ถูกบ่นมากที่สุดก็คือเรื่องของแอพที่โหมด 4K รองรับมีเพียงน้อยนิด เพราะมีเพียงแอพ Album ที่มากับเครื่องเท่านั้นที่สามารถสั่งเปิดใช้งานความละเอียด 4K ของตัวเครื่องได้ แต่ในครั้งนี้ Xperia XZ Premium ได้ปลดล็อกให้ YouTube และ Amazon Prime Video ทำงานเต็มความละเอียด 4K แล้ว สำหรับสัญญาณภาพที่ไม่ใช่ความละเอียด 4K นั้น Xperia XZ Premium ก็มีฟีเจอร์ 4K Upscaling ช่วยยกระดับสัญญาณภาพให้เป็นระดับ 4K โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ Pixel Doubler (เอาพิกเซลเดิมคูณด้วย 4 เพื่อให้กลายเป็น 4K) ซึ่งเป็นวิธีที่ Xperia Z5 Premium ใช้ และ Pixel Complement (การเติมพิกเซล) ซึ่งเป็นวิธีที่เพิ่มเข้ามาใหม่

 

▲ Pixel Complement เป็นฟีเจอร์ Upscaling ที่ได้ไปอัพเกรดมาใหม่ ซึ่งจะทำงานอัตโนมัติในแอพ Album และ Videos เท่านั้น

    ก่อนหน้านี้ เนื้อหาที่ไม่ใช่ความละเอียด 4K จะถูกอัพสเกลให้เป็นความละเอียด 4K โดยใช้กำลังของชิพประมวลผล ทว่าวิธีนี้จะสิ้นเปลืองแบตเตอรี่พอสมควร แต่ Pixel Doubler แบบใหม่นี้เป็นฟีเจอร์ของตัวฮาร์ดแวร์หน้าจอเอง ไม่ต้องผ่านการประมวลผลจากชิพประมวลผล ทำให้แบตเตอรี่อยู่ได้นานยิ่งขึ้น

    ส่วนฟีเจอร์ Pixel Complement ที่เพิ่มเข้ามาใหม่นี้ จะทำงานในแอพ Album และ Movie โดยอัตโนมัติ เพราะภาพและวิดีโอมีรายละเอียดค่อนข้างมาก การใช้วิธี X 4 จากเม็ดพิกเซลเดียวจะทำให้สูญเสียความละเอียดไป จึงเลือกใช้วิธีนี้แทน ซึ่งมันจะทำงานด้วยการวิเคราะห์สัญญาณภาพและเติมพิกเซลเพิ่มเข้าไปอย่างอัจฉริยะ ทำให้ทั้งอัพความละเอียดเป็น 4K และยังสามารถรักษารายละเอียดของภาพไว้ได้

การใช้งานปกติจะทำงานที่ความละเอียด Full HD 1080p เหมือนเคย เพื่อประหยัดพลังงาน ส่วนเกมและเว็บเบราเซอร์จะใช้วิธีการ Doubler ให้เป็น 4K ซึ่งแอพใหม่ที่ Sony ระบุว่าสามารถรันได้เต็มความละเอียด 4K ได้เต็มที่ ในขณะนี้เพิ่งมีแค่ YouTube และ Amazon Prime Video เท่านั้น ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะมีแอพอื่นๆเพิ่มเข้ามาในรายชื่ออีก

▲ เทคโนโลยีหน้าจอใหม่ การ Pixel Doubler จะทำงานจากบนหน้าจอโดยตรง ไม่ต้องใช้กำลังของ CPU ทำให้ใช้แบตเตอรี่น้อยลง

▲ มาตรฐานของ HDR ในตลาดปัจจุบัน แบ่งเป็น Dolby Vision, HDR10, HLG และ SL-HDR1 ซึ่ง Xperia XZ Premium จะรองรับมาตรฐาน HDR10 และ HLG ที่เป็นที่แพร่หลายมากกว่า

▲ ก่อนหน้านี้ฟีเจอร์ X-Reality for Mobile และ Super-vivid mode ในเมนู Image enhancement ที่ใช้เพื่อปรับโทนสีของภาพและวิดีโอจะทำงานแต่เพียงในแอพ Album ของ Sony เองเท่านั้น ไม่มีผลต่อแอพอื่นๆและ UI

▲ Colour mode ทำงานแค่บนแอพ Album เท่านั้น เนื่องจากทำงานโดยใช้ซอตฟ์แวร์ แต่บน Xperia XZ Premium นั้น Colour mode จะทำงานทั้ง UI และในทุกแอพบนเครื่อง เนื่องจากมันทำงานด้วยฮาร์ดแวร์ร่วมกับชิพ Snapdragon 835 นั่นเอง

▲ ก่อนหน้านี้สีที่แสดงบนหน้าจอ ใช้วิธีการ Map ตาม colour space ของหน้าจอเลย ทำให้มักเกิดสีไม่พึงประสงค์ (สีเพี้ยน) แต่โหมด Professional mode ของ Xperia XZ Premium จะทำการ map สีตามมาตรฐาน sRGB 100% เพื่อให้ได้สีที่สมจริง ซึ่งจะแสดงสีตรงกับไฟล์ต้นฉบับจริงๆ มีประโยชน์สำหรับใช้ในงานตัดต่อภาพหรือการยืนยันสี

▲ X-Reality จะถูกแยกออกมาอยู่ในเมนู Video Image Enhancement ต่างหากซึ่งจะมีผลต่อแอพ Album และ Video เท่านั้น โดยจะทำงานร่วมกับตัวเลือก Colour mode ที่มีผลต่อแอพและ UI ทั้งเครื่อง ซึ่งมีตัวเลือก 3 แบบ ไดแก่ Professional (สีสมจริง), Standard (สีสวยงาม) และ Super-vivid (สีสดเกินจริง)

▲ เมนู White Balance Setting แบบใหม่ เราสามารถเลือกตั้งค่า White Balance แยกสำหรับแต่ละโหมดสีได้ โดยเมื่อเปลี่ยนโหมดสี White Balance ก็จะทำการเปลี่ยนเป็นค่าที่ตั้งสำหรับโหมดนั้นๆโดยอัตโนมัติ



▲จากภาพเหล่านี้สามารถเห็นได้ถึงคุณภาพที่เหนือกว่าของจอ Xperia XZ Premium ได้อย่างชัดเจน

ที่มา: ePrice, Marco Kao

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความรู้สึกของคุณต่อบทความนี้ อย่าลืมที่จะแชร์ให้คนอืนได้รู้ความรู้สึกนี้ .
บอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้
  • ประทับใจสุดๆ
  • ดีจังเลย
  • โกรธสุดๆ
  • เฉยๆ อ่ะ
  • รู้สึกหดหู่