หลังจากที่กว่าเดือนครึ่งก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นไป สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงตัวล่าสุดจาก Sony Mobile ก็ได้เปิดตัวในตลาดสากลโดยใช้ชื่อว่า Xperia Z3+ และเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่เพิ่งผ่านไป ภายหลังจากงานเปิดตัวเสร็จสิ้น Sony Mobile ฮ่องกงได้พาดีไซน์เนอร์และวิศวกรที่รับผิดชอบในการออกแบบแต่ละส่วนของตัวเครื่อง Xperia Z3+ รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบสูงสุดของโปรเจ็คนี้มาพบปะกับสื่อมวลชนเพื่อให้สัมภาษณ์สั้นๆ
ระหว่างการงานพบปะดังกล่าว Digi-wo เว็บไซต์แฟนคลับโซนี่ชื่อดังของประเทศจีน ได้ทำการถามถึงประเด็นที่ว่า ทำไมตระกูล Xperia Z ถึงมีหน้าตาเหมือนๆกันทุกรุ่น และประเด็นเรื่องการตั้งชื่อกับการเลือกใช้วัสดุ ซึ่งเจ้าหน้าที่จาก Sony ก็ได้ให้ความกระจ่างในทุกประเด็นที่สงสัย
ตัวแทนจาก Sony ประกอบด้วย นายยูสุเกะ ทาชิโระ วิศวกรด้านเสียง, นายทาเคชิ นิตตะ ผู้รับผิดชอบการออกแบบและโปรเจ็ค Xperia Z3+, นายเคนสุเกะ มาชิตะ ผู้รับผิดชอบด้านกล้องถ่ายรูป และ นายเจเรมี่ หวง ผู้รับผิดชอบด้านหน้าจอและทัชสกรีน
1. ถาม: ทำไมฝั่งประเทศญี่ปุ่น Sony ถึงตั้งชื่อสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ว่า Xperia Z4 แต่พอมาฮ่องกงถึงใช้ชื่อ Xperia Z3+?
นายทาเคชิ นิตตะ : ที่จริงแล้วพวกเราก็เคยได้ถกเถียงกันในประเด็นนี้ ในระหว่างที่กำลังพัฒนา Xperia Z3+ อยู่ พวกเราตั้งใจไว้ว่าจะสร้างเวอร์ชั่นอัพเกรดที่เอา Xperia Z3 เป็นฐาน จึงได้ตั้งชื่อว่า Xperia Z3+ ส่วนที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น เนื่องจากคำเรียกร้องของผู้ให้บริการเครือข่าย พวกเราจึงต้องใช้ชื่อ Xperia Z4 แต่สเปคของทั้งสองรุ่นนั้นไม่มีความแตกต่างกันเท่าไหร่ เพียงแค่รุ่น Xperia Z4 ของประเทศญี่ปุ่นจะรองรับระบบการจ่ายเงินของ Felica และทีวีดิจิตอลภายในประเทศ
2. ถาม: วันนี้พวกเราได้เห็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ชื่อว่า Xperia Z3+ นั่นแปลว่าพวกเราจะได้เห็น Xperia Z4 ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมดสำหรับตลาดสากลหรือเปล่า? หรือจะมี Xperia Z5 ที่ล้ำยิ่งกว่า?
นายทาเคชิ นิตตะ : ขออภัยครับ เราไม่สามารถเปิดเผยชื่อหรือข้อมูลใดๆของผลิตภัณฑ์ใหม่ได้
3. ถาม: ทำไม Sony ถึงได้ใช้การดีไซน์แบบ OmniBalance กับมือถือหลากหลายรุ่นขนาดนี้ ตั้งแต่รุ่นเรือธงยันรุ่นล่าง?
นายทาเคชิ นิตตะ : (ตอบอย่างมั่นใจ) เพราะพวกเราเชื่อว่ามันดีที่สุดแล้ว
4. ถาม: ทำไม Sony ถึงไม่เลือกใช้หน้าจอความละเอียด 2K บน Xperia Z3+?
นายเจเรมี่ หวง : การใช้ความละเอียด 1080p บนหน้าจอ 5 นิ้วก็ทำให้ความหนาแน่นของพิกเซลสูงกว่า 400ppi แล้ว ก่อนหน้านี้พวกเราได้ทำการสำรวจจำนวนไม่น้อย ซึ่งพบว่ามีเพียงผู้ใช้จำนวนไม่มากที่สามารถแยกแยะระหว่างหน้าจอที่มีความหนาแน่นพิกเซล 400 กว่า ppi กับ 500 กว่า ppi พวกเรายึดมั่นในการเลือกเทคโนโลยีที่ดีที่สุดต่อผู้ใช้ ไม่ใช่ว่าต้องเป็นฮาร์ดแวร์ที่ใหม่ที่สุด หน้าจอที่มีความละเอียดสูงจะต้องแลกกับความสว่างของหน้าจอและระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ ดังนั้นพวกเราจึงคิดว่าความละเอียด 1080p นั้นเหมาะสมกับ Xperia Z3+ ที่สุดแล้ว
5. ถาม: แม้ว่าจะมีฟีเจอร์ SteadyShot อยู่แล้ว แต่ทำไม Sony ถึงไม่ใส่ตัวป้องกันสั่น OIS เข้ามาเพิ่มบน Xperia Z3+?
นายเคนสุเกะ มาชิตะ : ในด้านการป้องกันสั่น Sony ได้คำนึงถึง 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือเรื่องมือสั่น ส่วนอีกอันคือเรื่อง Motion blur ซึ่งโมดูล OIS นั้นหลักๆแล้วทำมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องมือสั่นซึ่งเป็นเพียง 1 ใน 2 ประเด็นที่กล่าวมา แต่เทคโนโลยี SteadyShot นั้นจะสามารถจัดการกับปัญหาทั้ง 2 อย่างในเวลาเดียวกัน ดังนั้นพวกเราจึงไม่ได้ใส่ OIS เพิ่มเข้าไปบน Xperia Z3+
6. ถาม: LDAC จะเป็นมาตรฐานสำหรับการส่งสัญญาณเสียงไร้สายของอุตสาหกรรมหรือไม่? ในอนาคตมีแผนจะให้บริษัทอื่นเข้ามามีส่วนร่วมกับเทคโนโลยี LDAC นี้ด้วยหรือไม่?
นายยูสุเกะ ทาชิโระ : ในขณะนี้ LDAC ยังเป็นรูปแบบการถอดรหัสการส่งสัญญาณเสียงของ Sony เพียงผู้เดียว แต่ในอนาคตจะให้มีเจ้าอื่นเข้ามาร่วมมือแน่นอน พวกเราเองก็จะทำการผลักดันในเรื่องนี้ด้วย
ที่มา: Digi-wo
- ประทับใจสุดๆ
- ดีจังเลย
- โกรธสุดๆ
- เฉยๆ อ่ะ
- รู้สึกหดหู่
สาวกอารยธรรมผู้คลั่งไคล้ทุกสรรพสิ่งที่ติดโลโก้ SONY.