xzheadreview

หลังจากที่มีข่าวลือเกี่ยวกับเรือธงตัวใหม่ของโซนี่ได้ไม่นานทั้งๆที่ XPERIA X Performance เพิ่งจะได้วางจำหน่ายในไทยไปหยกๆ ทำให้หลายคนเกิดความลังเลที่จะรอคอยตัวนี้ จนในงาน IFA2016 ที่ผ่านมาก็ได้เปิดตัวมือถือเจนปลายปีของโซนี่ไปทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันคือ Xperia X Compact ที่เราได้รีวิวไปก่อนหน้า และเรือธงที่เราจะมารีวิวกันในวันนี้กับ Xperia XZ ครับ

xzdesignhead

XPERIA XZ มาในดีไซน์ใหม่ซึ่งยังคงเอกลักษณ์ทรงเหลี่ยมของโซนี่ไว้กับ “Loop Surface” ซึ่งจะเป็นการดีไซน์มือถือทรงโค้งบรรจบกันทั้งหน้าและหลัง แต่ยังคงความสมมาตรกันแบบดีไซน์ก่อน (Omnibalance) อยู่ โดย XPERIA XZ มาพร้อมกับวัสดุใหม่อย่าง ALKALEIDO™ ซึ่งเขาเครมว่าเป็นโลหะชนิดใหม่ ทำให้ผิวโลหะนั้นออกมากึ่งเงาและสะท้อนแสงได้ ทำให้โทรศัพท์เราดูมีมิติ มันเงา สว่าง อย่างในเครื่องที่เราได้มาทดสอบนี้ก็จะเรียกว่า Minaral Black ซึ่งเป็นเครื่องสีดำ แต่เวลามีแสงมาตกกระทบจะทำให้ออกสีน้ำตาลหน่อย ๆ นับว่าเป็นวัสดุที่ให้ความสวยงามเวลาจับถือได้ดีครับ ส่วนอีก 2 สีที่เหลือคือ Forest Blue(น้ำเงินเข้ม) และ Silver(เงิน) ก็จะเป็นในลักษณะเดียวกัน แต่ล่าสุดได้ทำการเปิดตัวสีชมพู Deep pink ออกมาด้วย

img_2678

ด้านหน้ามาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.2″ ความละเอียด 1080p เช่นเดิม เป็นจอชนิด IPS TRILUMINOS Display ซึ่งสามารถให้สีที่สมจริงและมีเฉดสีหน้าจอที่กว้างกว่าจอทั่วไป โดยหน้าจอจะเป็นจอกระจกโค้ง 2.5D ซึ่งจะให้ความรู้สึกในการถือเล่นมือเดียวที่ดีกว่า มาพร้อมกล้องขนาด 13MP และลำโพงคู่ Stereo ไฟ LED Notification และตำแหน่ง NFC อยู่ที่มุมบนซ้าย ถัดมาเป็นลำโพงสนทนาและเซนเซอร์วัดแสง โดยมีพื้นที่ด้านล่างและบนเครื่องเหลือไว้ให้จับถือเล่นเกมได้อย่างสะดวก

img_2645

โดยสีด้านหน้าจะไม่ดำสนิทแต่จะเป็นสีเดียวกับตัวเครื่องด้านหลัง ถ้าตัว Forest Blue ก็จะเป็นสีน้ำเงินเข้ม ส่วน Silver ก็จะเป็นขาวเงิน

img_2627

ด้านหลังมาพร้อมกับวัสดุใหม่ โดยตระกูล X จะไม่ใช้กระจกทำฝาหลังแล้ว โดย XPERIA XZ จะมาพร้อมวัสดุใหม่ที่เรียกว่า ALKALEIDO™ ซึ่งเป็นวัสดุที่เป็นโลหะ ให้การสะท้อนเวลามองที่มุมต่าง ๆ ดูสวยงาม โดยด้านล่างจะเป็นพลาสติกเพื่อเป็นจุดรับคลื่นสัญญาณโทรศัพท์ และการใช้ฝาหลังแบบโลหะนี้ทำให้สัญญาณ NFC ไม่สามารถผ่านได้ทำให้ต้องเปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่ด้านหน้าแทนเช่นเดียวกับ XPERIA X Performance

img_2635

ตรงกลางจะสลักเป็นโลโก้ XPERIA ถัดไปด้านบนจะเป็นกล้องขนาด 23MP และเซ็นเซอร์ Laser Focus , RGBC-IR Sensor และ LED Flash

img_2664

ด้านขวาจะเป็นตำแหน่งปุ่ม Power โดยได้ทำการวางปุ่มให้เว้าลงเล็กน้อยเพื่อสามารถกดง่ายขึ้น ถัดมาเป็นปุ่มเพิ่ม/ลด เสียง และปุ่มชัตเตอร์ โดยใน XPERIA XZ ปุ่ม Power และชัตเตอร์จะกดง่ายขึ้น โดยเฉพาะปุ่มชัตเตอร์ที่นิ่มมากสามารถกดโฟกัสและถ่ายโดยไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้เครื่องสั่นจนภาพเบลอ ขอบเครื่องทำมาจากพลาสติกที่มีความแข็งระดับนึง

img_2661

ถัดมาด้านล่างเป็นช่อง Micro USB Type-C และตำแหน่งไมค์สนทนา วัสดุที่ใช้น่าจะเป็นพลาสติกขัดลาย ซึ่งตรงนี้ผมรู้สึกว่าวัสดุมันเป็นคนละตัวกับ XPERIA X Compact ซึ่งอันนั้นผมว่าเป็นกระจกฝ้าแบบเดียวกับฝาหลังของ XPERIA Z5

img_2665

ด้านบนจะเป็นตำแหน่งพอร์ตหูฟัง 3.5mm และตำแหน่งไมค์บันทึกเสียงตัวที่ 2 ซึ่งจะทำงานคู่กับไมค์ด้านล่างเพื่อบันทึกเสียง Stereo วัสดุจะเป็นแบบเดียวกับด้านล่าง และทำหน้าที่ตัดเสียงรบกวนเวลาสนทนาโทรศัพท์

img_2939

ฝั่งซ้ายจะเป็นตำแหน่งพอร์ตใส่ซิมการ์ดและ  Micro SD Card

img_2941

โดยถาดใส่ซิมจะเป็น Nano SIM และ Micro SD Card จะเป็นถาดเดียวกันแบบ Hybrid Slot คือช่องแรกเป็นช่องใส่ SIM ส่วนอีกช่องต้องเลือกระหว่าง SIM2 หรือ Micro SD Card อย่างใดอย่างหนึ่ง รองรับการใช้งานแบบ 4G+3G แบบ XPERIA X Performance

Untitled-2

XPERIA XZ เป็นตัวแรกที่โซนี่ใช้ชื่อดีไซน์ใหม่ว่า Loop Surface แทน Omnibalance แบบเดิมแต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นเหลี่ยมและสมมาตรไว้ โดยการจับจะให้ความรู้สึกที่กระชับมือแบบเดียวกับ XPERIA X Series ก่อนหน้า ไม่มีอะไรนูนออกมากระด้างมือแบบตอน XPERIA Z5 ทำให้การถือจับสะดวกและไม่รู้สึกเจ็บมือมากเพราะโค้งรับกับอุ้งมือพอดี ส่วนฝาหลัง ALKALEIDO™ ให้ความรู้สึกในการจับได้ดี และดูสวยเงางามเมื่อเจอแสงสะท้อน แต่น่าเสียดายที่มันยังคงเป็นรอยนิ้วมือง่ายเช่นเคย ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงยังถูกวางในตำแหน่งที่ต่ำลงมาเพื่อสามารถใช้เป็นปุ่ม Zoom in/out ได้ เพราะการเว้นพื้นที่ด้านล่างไว้ทำให้เราสามารถถ่ายรูปมือเดียวได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น บวกกับปุ่มชัตเตอร์ใน XPERIA XZ ที่ถูกปรับปรุงให้กดถ่ายได้ง่ายขึ้นโดยแทบไม่ต้องออกแรงกดแบบเก่าจนเครื่องสั่นภาพเบลอนั่นเอง

xzhandfhead

Specification

  • SoC Qualcomm® Snapdragon™ 820  64-bit processor
  • RAM 3GB, ROM 64 GB (เหลือพื้นที่ใช้งานประมาณ 50GB) รองรับ MicroSD Card สูงสุด 256 GB
  • IPS TRILUMINOS™ Display 5.2 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920p รองรับ X-Reality® for mobile โดยคราวนี้เลือกใช้กระจก Corning® Gorilla® Glass
  • กล้องหลัง 23 MP 1/2.3” Exmor RS™ (24mm wide G-Lens) ประมวลผลด้วยชิป BIONZ® สามารถดัน ISO ได้สูงสุด 12800 มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ Triple image sensing technology
  • รองรับ Predictive Hybrid Autofocus, Fast Capture, 4K video recording, HDR photo และระบบกันสั่นแบบใหม่ SteadyShot™ with Intelligent Active Mode (5-axis stablization)
  • กล้องหน้า 1/3.06” Exmor RS™ ISO สูงสุด 6400 ในที่แสงน้อย 22Mm wide-angle lens F2.0
  • ขนาดตัวเครื่อง 146 x 72 x 8.1 mm
  • น้ำหนัก 161g เบากว่า XPERIA X Performance 4g โดย XPERIA Z5 มีน้ำหนักที่ 154g แต่ความรู้สึกผมเวลาถือกลับรู้สึกว่า XPERIA XZ เบากว่า
  • รองรับการใช้งาน 2SIM (4G+3G)
  • รองรับมาตราฐานกันน้ำกันฝุ่นที่ IP65/IP68**
  • พอร์ตเชื่อมต่อเป็นแบบ USB Type-C
  • แบตเตอรี่ขนาด 2,900 mAh มาพร้อมกับเทคโนโลยี Qnovo Adaptive Charging ที่ช่วยยืดอายุแบต และมาพร้อมกับ STAMINA mode และรองรับ Quick Charge 3.0

img_3373

หน้าจอของ XPERIA XZ เมื่อเทียบกับ XPERIA Z5 นั้นตัว XZ จะมีความสว่างและสีขาวจะออกไปในทางนวล ๆ เหลืองในขณะที่ Z5 จะออกไปทางฟ้านิด ๆ ซึ่งอันนี้แล้วแต่คนชอบ และสามารถปรับค่า White Balance ของจอได้เช่นเคยที่ Setting > Display แต่เท่าที่ลองดูจอของ XPERIA XZ จะยังคงรายละเอียดและโทนสีใกล้เคียงกับ XPERIA X Performance คือภาพบางจุดที่มืดจะเห็นรายละเอียดได้ดีกว่า XPERIA Z5 การใช้งานให้มุมมองที่กว้างและสามารถใช้งานกลางแดดได้ดี

img_2888

ทางด้านเสียงยังรองรับการเล่นไฟล์ High-Resolution Audio (LPCM, FLAC, ALAC, DSD) โดยรองรับเทคโนโลยี aptX และ LDAC ของโซนี่ที่จะช่วยให้เล่นเพลงแบบไร้สาย  (Wireless) ผ่าน Bluetooth ได้ด้วยความละเอียดสูงสุด 24bit/96kHz หรือก็คือไม่สูญเสียรายละเอียดเลย (แต่ตัวหูฟังก็ต้องรองรับ LDAC ด้วยนะ) ฟังก์ชั่น DSEE-HX ที่สามารถดึงความละเอียดของเสียงในไฟล์เพลงที่มีความละเอียดต่ำจากการบีบไฟล์ ให้มีความละเอียดชัดตามเดิม การใช้งานฟังก์ชั่น Digital Noise Cancellation กับหูฟังที่รองรับยังมีอยู่ นอกนั้นจะเป็นฟีเจอร์ตามเดิมเช่น Clear Audio+, S-Force Front Surround,Stereo recording และ Dynamic normalizer ที่จะช่วยให้ได้ยินเสียงในทุกย่าน

img_2970

การใช้งานดูวีดีโอต่าง ๆ ให้สีสันที่สวยงาม และเต็มความละเอียด 1080p โดยสามารถเลือกเปิด X-Reality® for mobile ซึ่งจะช่วยปรับปรุงคอนทราสของภาพให้มีสีสันที่สวยขึ้น หรือถ้าอยากได้จอสีสดไว้ดูหนังก็ยังมีโหมด Super-vivid ให้เลือกเช่นเคย

img_2771

การกันน้ำรองรับที่มาตราฐาน IP65/IP68 แต่ก็อย่าเผลอนำไปลงแช่ในน้ำทะเลหรือน้ำที่มีสิ่งเจือปนล่ะ เพราะมาตราฐานนี้วัดจากน้ำที่นิ่งและบริสุทธิ์เท่านั้นพอร์ต Slot Micro SD Card ทำได้หนาแน่น ใครที่คิดจะเอาลงไปถ่ายเล่นใต้น้ำก็หมดห่วงเรื่องนี้ได้

img_3351

เนื่องจาก XPERIA XZ ได้เปลี่ยนมาใช้ USB Type-C แล้วทำให้สามารถใช้งาน Quick Charge 3.0 ได้ ทำให้สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิมในช่วง 0-80% และเทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาอย่าง Qnovo Adaptive Charging ที่จะคอยตรวจสอบและปรับกระแสไฟให้เหมาะสมกับการชาร์จเพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น Battery Care ที่จะคอยเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้งานว่าควรชาร์จไฟช่วงไหนถึงช่วงไหนเช่นเราชอบเสียบชาร์จไว้ทั้งคืนแล้วถอดออกตอนเช้ามันก็จะจำพฤติกรรมนี้ไว้แล้วจะชาร์จรอแค่ 90% พอใกล้ถึงเวลาที่เราจะถอดมันก็จะเติมให้ครบ 100% แต่อันนี้ยังมีข้อด้อยตรงช่วงกลางวันที่ผมอยากรีบชาร์จให้มันเต็มแล้วออกไปทำธุระจะพบว่ามันจะเริ่มช้าลงช่วง 90-100% และช USB Type-C ยังสามารถทำให้มือถือเป็น Powerbank จ่ายไฟให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย

img_3175

การใช้งานหน้าจอ XPERIA XZ กลางแดดไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป สามารถนำมันไปถ่ายรูป Outdoor ได้อย่างสะดวก

img_3404

ด้วยขุมพลังของ Qualcomm® Snapdragon™ 820 (2×2.15 GHz Kryo & 2×1.6 GHz Kryo) และ GPU Adreno 530 ทำให้สามารถเล่นเกมกราฟิคหนัก ๆ ได้อย่างลื่นไหล จากการลองเล่น Need for Speed และ Modren Combat อยู่พักใหญ่ พบว่าสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีอาการหน่วงให้เห็น ตัวเครื่องมีความร้อนออกมาแค่อุ่น ๆ ไม่ร้อนจนรู้สึกได้แบบ XPERIA Z5 และความร้อนยังระบายเร็วขึ้นอาจจะเพราะเปลี่ยนมาใช้ฝาหลังแบบโลหะแทนกระจกแบบในซี่รี่ย์ Z

xzbenchmarkfhead

การทดสอบ Benchmark ด้วยแอปต่าง ๆ โดยผมได้ทำการทดสอบทั้งหมด 3 แอปด้วยกันคือ AnTuTu, 3DMarks และ A1 SD Bench ส่วนผลเป็นยังไงไปดูที่ด้านล่างได้เลยครับ โดยผมได้ปล่อยให้เครื่องทำการทดสอบไปเรื่อยจนเสร็จหลังจากที่ใช้งานการประมวลผลแบบหนัก ๆ จะเช็คอุณภูมิเฉลี่ยได้ที่ 50 องศา

xzscreenshotreview11

xzscreenshotreview12

img_2835

xzcamerahead

XPERIA XZ ยังใช้เซ็นเซอร์กล้อง IMX300 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับ XPERIA X Performance และ XPERIA Z5 แต่!!! มันมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า “Triple Image Sensing” ซึ่งเดียวเราจะไปดูกันว่ามันมีอะไรกันบ้าง ตัวกล้องมาพร้อมความละเอียด 23MP (ความละเอียดเต็ม 25MP) แม้ไม่ได้สลักคำว่า G Lens ที่ด้านหลังแล้ว แต่สำหรับตัวนี้ยังคงเป็นเลนส์ G ซึ่งมีเลนส์ทั้งหมด 6 ชิ้นด้วยกัน และมีรูรับแสงขนาด F2.0 ยังคงใช้เซ็นเซอร์ Exmor RS™ (24mm wide G-Lens) ขนาดเซ็นเซอร์อยู่ที่ 1/2.3 นิ้ว ประมวลผลด้วยชิป BIONZ® เช่นเดิม

img_2639

Triple Image Sensing คือ 3 เซ็นเซอร์หลักที่่ช่วยสร้างสรรค์ภาพถ่ายให้ออกมาสวยที่สุด ประกอบด้วย

– CMOS Sensor ขนาด 1/2.3 นิ้ว รองรับเทคโนโลยี Phase detection Auto Focus และ Predictive Hybrid Auto Focus ที่โฟกัสได้ไวกว่าเดิมและสามารถเดาการเคลื่อนที่ล่วงหน้าของวัตถุได้

– RGBC-IR สำหรับตรวจจับสีของภาพถ่ายให้ออกมาสมจริงที่สุด โดยมีการตรวจจับสี RGB ให้มีค่าใกล้เคียงรูปจริงที่ถ่ายได้ เพราะว่าสีบนโลกล้วนเกิดจากการผสม RGB ทั้งนั้น

– Laser Auto Focus ช่วยให้สามารถตรวจจับจุดโฟกัสวัตถุได้แม่นยำขึ้น แม้จะเป็นในที่แสงน้อยก็ตาม

innocences_1_b94e0f95c5232a484068bdffc113faf4

**ภาพแสดงลักษณะตำแหน่งของเซ็นเซอร์ต่าง ๆ

xzcamerasificationhead

โดยอีกหนึ่งสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใน XPERIA XZ คือมันเพิ่มความสามารถใน Manual Mode ให้ปรับค่าสปีดชัตเตอร์ได้ที่ 1/4000 ถึง 1 วินาที และสามารถปรับระยะโฟกัสได้ โดยมีระยะใกล้สุดที่ 12mm นอกนั้นจะเป็นการปรับค่าชดเชยแสง EV และ White Balance นอกจากนั้นก็ยังมีฟีเจอร์ถ่ายภาพซูม 5 เท่าโดยไม่เสียรายละเอียด การถ่ายภาพในโหมด HDR และที่กลับมาอย่างการบันทึกวีดีโอ 4K

xzscreenshot_20161023-065932

ด้านการโฟกัสยังมาพร้อม Predictive Hybrid Autofocus ซึ่งจะช่วยให้ถ่ายรูปวัตถุที่เคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ้น โดยจะทำการคาดเดาการเคลื่อนไหวของวัตถุล่วงหน้า และพยายามโฟกัสนำวัตถุเพื่อที่เวลาเรากดถ่ายภาพจะได้โฟกัสได้ตรงวัตถุพอดี โดยการโฟกัสยังย่อขยายตามขนาดวัตถุ จากที่ลองเล่นดูมีความแม่นยำและความไวในการติดตามดีกว่า XPERIA X Performance แต่ถ้าเจอวัตถุที่กลมกลืนกับฉากหลังหรือไม่โดดเด่นจากฉากหลังมากทำให้การโฟกัสผิดพลาดได้

 

ด้านบนจะเป็นคลิปการใช้งานกล้องต่าง ๆ จะเห็นได้ว่าการใช้งานยังเป็นเมนูที่ปรับใช้ตอน XPERIA Z5 โดยการปัดตามแนวขวางจะเป็นการเปลี่ยนโหมด Manual > Superior Auto > Video > Apps ส่วนการปัดขึ้นลงจะเป็นการเปลี่ยนใข้งานกล้องหน้า/หลัง

การใช้งานในโหมด Superior Auto สามารถปรับตั้งได้นิดหน่อยเช่น ตั้งเวลาถ่าย ความละเอียดภาพ ค่าชดเชยแสง(EV) และค่าอุณภูมิสี โดย Predictive Hybrid Autofocus จะรองรับการทำงานที่โหมดนี้เท่านั้น สามารถเปิด/ปิดได้ที่เมนู Object tracking สามารถเลือกตั้งค่าเวลาเราสัมผัสหน้าจอว่าจะให้แค่โฟกัสจุดที่เราสัมผัสหรือโฟกัสและวัดแสงจุดที่เราสัมผัสด้วยได้ การถ่ายแล้วเลือก Scene ต่าง ๆ แม่นยำขึ้น ในโหมดนี้ถ้าถ่ายตอนกลางคืนสามารถดัน ISO ได้สูงสุด 12800 ภาพสีสันดูโอเคขึ้น อาจเพราะ RGBC-IR Sensor ด้วย แต่เวลาถ่ายย้อนแสงโหมดยังเลือกที่จะลดค่า ISO ลงให้เห็นรายละเอียดท้องฟ้าแทนที่จะเป็น HDR โหมด และไม่สามารถเลือกเปิด/ปิด HDR ได้จากโหมดนี้ด้วย ถ้าใครอยากได้ประสบการณ์เต็ม ๆ ด้านถ่ายภาพ เรายังมีโหมด Manual อยู่ครับ

ส่วนโหมด Manual สามารถปรับค่าต่าง ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น ISO ได้ตั้งแต่ 50-3200 โดยที่ความละเอียด 23MP และ 20MP สามารถเลือกปรับ ISO ได้สูงถึง 3200 แล้ว การวัดแสงจะมีให้เลือกทั้งแบบ Face, Multi, Center, Spot และ Touch ส่วนฟังก์ชั่นเลือก Scene ถ่าย (SCN) จะสามารถเลือกได้ที่ความละเอียด 8MP ลงมาเท่านั้นเหมือนอย่างเคย

ส่วนการปรับสปีดชัตเตอร์จะไปอยู่รวมกับเมนูปรับ EV ด้านซ้ายของปุ่มชัตเตอร์ เมื่อเปิดขึ้นมาสามารถเลือกปรับโฟกัสเป็นแบบใกล้หรือไกลได้ ส่วนสปีดชัตเตอร์สามารถเลือกปรับได้ตั้งแต่ 1/4000 ถึง 1 วินาที แต่น่าเสียดายถ้าเราไปเปลี่ยนสปีดชั่ตเตอร์ค่า ISO จะถูกตั้งเป็น Auto ทันที่ ส่วนค่าการชดเชยแสง(EV) สามารถปรับได้ที่ +2 ถึง -2 และ White Balance สามารถปรับได้ตามเดิม ไม่สามารถเลือกอุณภูมิสีได้ในโหมด Manual

xzwhitebalancehead

อีกสิ่งที่เพิ่มมาคือเซ็นเซอร์ RGBC-IR ซึ่งจะช่วยในการปรับ White Balanced ของเฉดสี RGB เพื่อให้ภาพที่ออกมาได้มีเฉดสีที่สมจริง ถูกต้องตามที่เรามองมากที่สุด โดยเราได้ลองเทียบภาพกับ XPERIA Z5 ที่ไม่มีเซ็นเซอร์นี้ว่าจะให้ภาพที่ต่างกันเพียงใดครับ

dsc_7466xzcompa

จากรูปสีแดงของรถของ XPERIA Z5 จะออกโทนแดงอมฟ้าเนื่องจากการปรับ WB โหมด Fluorescent ทำให้โทนสีของรถติดโทนไปด้วย แต่ใน XPERIA XZ นั้นสีรถจะเป็นสีจริงตามที่ตาเห็นมากกว่า

dsc_7479xzcompa

ภาพนี้จะมองยากนิดนึง แต่ภาพจาก XPERIA XZ จะออกโทนขาวอุ่นซึ่งจะเป็นสีที่ถูกต้องจากรถที่โดนแสงพระอาทิตย์ส่อง

dsc_7497xzcompa

ภาพนี้อาจไม่ค่อยมีความแตกต่างเท่าไร โดย XPERIA XZ จะเก็บเงาตามใบได้ดีกว่า

dsc_7549xzcompa

ภาพนี้ XPERIA XZ จะสว่างกว่า และไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนจะออกโทนขาวมากกว่า แต่ยังไม่ต่างกันมาก

dsc_6195xzcompa

อันนี้จะเป็นภาพที่ผม Crop มาจะเห็นได้ว่าภาพจาก XPERIA Z5 ในบริเวณแยกที่รถติดไฟแดงเยอะ ๆ ภาพจะโดนย้อมออกโทนแดงไป

xzmanualmodehead

อีกหนึ่งอย่างที่เราจะมาลองกันคือการปรับสปีดชัตเตอร์ ซึ่งเราจะมาอธิบายกันคร่าว ๆ ถึงหลักการกล้องถ่ายภาพเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสปีดชัตเตอร์และ ISO โดยปกติของโซนี่ที่ถ่ายในกลางคืนได้ดีจะใช้ ISO ช่วยยิ่งปรับค่า ISO สูงเท่าไรก็จะยิ่งเก็บภาพตอนกลางคืนได้สว่างมากขึ้น แต่ยิ่งค่า ISO สูงสิ่งที่ตามมาแน่นอนคือนอยด์ ทำให้เป็นอย่างที่หลาย ๆ คนบ่นกันว่าถ่ายภาพตอนกลางคืนโซนี่นอยด์เพียบเลย เพราะมันพยายามดัน ISO ให้สูงนั้นแหละ

ส่วนสปีดชัตเตอร์จะเป็นช่วงเวลาของการเก็บแสง (ชัตเตอร์ในมือถือจะเป็น Electronic Shutter) ยิ่งปรับค่าสปีดสูงก็จะเก็บแสงได้น้อยทำให้ภาพดูมืด ถ้าปรับสปีดชัตเตอร์ต่ำก็จะมีเวลาเก็บแสงได้เยอะขึ้นช่วยให้สามารถถ่ายภาพตอนกลางคืนได้สว่างขึ้นเพราะเซ็นเซอร์กล้องสามารถรับแสงได้มากกว่าเดิมนั่นเอง

แน่นอนการปรับสปีดชัตเตอร์ต่ำ ทำให้สามารถเก็บแสงได้มากขึ้น ทำให้ไม่ต้องไปดัน ISO ช่วย ภาพที่ได้จึงมีนอยส์ลดลงมาก แต่ต้องไม่ให้มีวัตถุต่าง ๆ เคลื่อนไหวในภาพนะถ้าต้องการภาพนิ่งจริง ๆ เพราะการถ่ายแบบนี้จะเป็นการเปิดชัตเตอร์ค้างไว้

แต่มันก็สามารถใช้โหมดนี้ดีไซน์ภาพเคลื่อนไหวให้ภาพนิ่ง ดูมีโมเม้นต่าง ๆ ได้อย่างที่เราเห็นกันบ่อย ก็เช่นการถ่ายรูปไฟรถวิ่งยาว ๆ การถ่ายน้ำตกให้น้ำเป็นสาย ๆ การถ่ายภาพไฟควงที่เป็นเส้น ๆ การถ่ายภาพวาดตัวอักษรไฟ หรือการถ่ายหมู่ดาวตอนกลางคืนก็ตาม

img_2727

แต่สิ่งที่ต้องเตรียมในการถ่ายสปีดชัตเตอร์ต่ำ แน่นอนมือเราต้องนิ่งพอเพราะถ้ามือเราสั่นจะทำให้ภาพเบลอทันที แต่โซนี่ปรับสปีดชัตเตอร์ได้ต่ำสุดแค่ 1 วินาที ความจริงผมว่าแค่กลั้นหายใจตอนกดถ่ายก็พอช่วยให้มือเรานิ่งพอที่จะถ่ายภาพในจังหวะนั้นได้อยู่นะ แต่ถ้าเอาชัวร์ ๆ หาขาตั้งกล้องคู่ใจไว้ถ่ายภาพสักอันก็ดีนะครับ 🙂

dsc_0629s

แต่ก็ยังมีข้อเสียนึง เพราะ Manual ของโซนี่มันไม่สุด (ไม่เคยสุดซักที) เพราะปกติเวลาเราปรับสปีดชัตเตอร์ต่ำ มันจะรับแสงเขาได้เยอะทำให้ภาพสว่าง ส่วนมากจึงนิยมปรับ ISO ให้ต่ำ ๆ เพื่อไม่ให้ภาพสว่างเกินไปแต่โซนี่ไม่ได้!!! ไม่รู้ว่าจะออกซอฟแวร์มาแก้ทีหลังไหม เพราะเมื่อเราปรับสปีดชัตเตอร์ต่ำ ค่า ISO ที่เราตั้งไว้จะถูกเปลี่ยนเป็นออโต้ทันที ทำให้ผมไม่สามารถถ่ายภาพน้ำตกตอนกลางวันได้เลย :'( ไม่เป็นไรเดียวตอนเย็นเรามาถ่ายอีกที

dsc_0718s

เรามาอยู่ที่จุดเดิมกันอีกครั้งในเวลา 18:30 น. พระอาทิตย์ได้ตกดินไปและ จะเห็นได้ว่าเมื่อเราถ่ายภาพด้วยสปีดชัตเตอร์ปกติ แน่นอนความมืดแบบนี้ โหมด Superior Auto จะดัน ISO ให้สูงทำให้เกิดนอยด์ที่ภาพ และน้ำที่ได้ก็เป็นหยด ดูแข็ง ๆ ไม่สมูทเหมือนสายน้ำที่มันไหลเลย เราลองมาถ่ายที่สปีดชัตเตอร์ 1 วินาทีกันดีกว่า

dsc_0721s

หลังจากเราถ่ายด้วยสปีดชัตเตอร์ 1 วินาทีจะเห็นได้ว่าภาพสว่างขึ้นเพราะเก็บแสงได้นานขึ้น ISO ถูกดันอยู่ที่ 50 ทำให้นอยด์ในภาพไม่มีและน้ำที่ไหลก็ดูเป็นสายน้ำสวยงามมากกว่า

dsc_0731s

dsc_0741s

นอกจากสายน้ำที่ดูสวยงามแล้ว คลื่นระลอกน้ำที่เกิดจากการตกกระทบของน้ำก็ดูเรียบเนียบสวยขึ้นอีกด้วย

dsc_0449s

dsc_0473s

คราวนี้เราลองมาถ่ายที่จุดมืดไร้แสงกันบ้าง ภาพบนจะเป็นภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Superior Auto กับภาพล่างที่ถ่ายด้วยสปีดชัตเตอร์ 1 วินาทีจะเห็นได้ว่าภาพล่างมีความสว่างมากกว่า จัดการนอยด์ได้ดีกว่าและเงาสะท้อนในน้ำก็ละลายสวยกับคลื่นน้ำไม่เป็นแข็ง ๆ หยัก ๆ เหมือนตอนถ่ายด้วยสปีดชัตเตอร์ปกติ

dsc_0869s

อีกสิ่งนึงที่นิยมกันคือการถ่ายภาพไฟรถวิ่งบนท้องถนน โดยให้ความรู้สึกเหมือนมีแสงเลเซอร์วิ่งไปมาบนท้องถนนดูสวยงาม ซึ่งเทคนิคเล็กน้อยในการถ่ายภาพแนวนี้คือต้องถ่ายตอนที่รถเคลื่อนตัว ยิ่งอยากได้ไฟรถวิ่งยาว ๆ ก็ต้องปรับสปีดชัตเตอร์ให้ต่ำ แต่โซนี่เราปรับได้แค่ 1 วินาที เพราะฉนั้นเราต้องเลือกถ่ายในจุดที่รถเคลื่อนไหวได้ไม่ช้าจนเกินไป (อย่าเผลอไปถ่ายแถวที่รถติดเชียวล่ะ) โดยในภาพเราได้เลือกจุดที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยถ้าเราอยากได้ไฟสีขาวเราก็ต้องเลือกถ่ายในมุมมองที่รถวิ่งสวนเข้ามา หรือถ้าเราอยากได้เส้นสีแดงหรือสีอื่น ๆ ก็ต้องเลือกถ่ายในจุดที่รถกำลังจะวิ่งออกไปเพื่อเก็บไฟท้ายรถนั้นเอง ลองดูภาพถ่่ายทั้งหมดได้ในอัลบั้มด้านล่างได้เลยครับ

img_3391

อันนี้จะเป็นตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง โดยจะถ่ายที่เต็มความละเอียด 23MP ด้วยโหมด Superior Auto ทั้งหมด โดยเน้นการถ่ายแบบ Point to shoot เพื่อให้ภาพที่ได้อยู่ในรูปแบบผู้ใช้ทั่วไปถ่ายกันมากที่สุด

รูปภาพจากกล้องหลัง ถ่ายที่ความละเอียด 23MP โหมด Superior Auto (ภาพถูกย่อลงละบันทึกที่ Quality 8-9 ใน Photoshop)

โดยถ้าอยากดูภาพต้นฉบับที่ไม่โดนลดรายละเอียดสามารถเข้าไปโหลดได้ ที่นี่ เลยครับ

img_3331

 

img_3142

กล้องหน้าขนาด 13MP ใช้เซ็นเซอร์ Exmor RS™ สามารถดัน ISO สูงสุด 6400 ในที่แสงน้อย เลนส์กว้าง 22mm ทำให้สามารถถ่ายภาพได้กว้างกว่าเดิม และมาพร้อมค่า f 2.0 ทำให้สามารถถ่ายในที่มืดและละลายหลังได้ดีกว่าเดิม

xzscreenshotreview10

กล้องหน้าของ XPERIA XZ มีโหมดออโต้โฟกัสเพิ่มเข้ามาช่วยให้การเซลฟี่ด้วยกล้องหน้ามีมิติมากขึ้น สามารถเลือกแบบทัชโฟกัสได้ นอกจากนั้นยังมีโหมดช่วยถ่ายอย่าง Smile Shutter ที่จะทำการถ่ายภาพตอนเรายิ้มหรือใช้วิธีการยกมือถ่ายแบบ Hand Shutter ก็ได้

dsc_0534xz

ภาพเปรียบเทียบถ่ายในที่แสงน้อยกับสภาพแสงปกติจะเห็นความต่างของสีผิวและนอยด์อย่างเห็นได้ชัด ถ้าแสงเพียงพอกล้องหน้าของ XPERIA XZ จะให้สีที่คมชัดสมจริงดีกว่าตัวก่อนอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอัลบั้มด้านล่างจะเป็นรวมภาพถ่ายจากกล้องหน้าที่สภาพแสงต่าง ๆ

รูปภาพจากกล้องหน้า ถ่ายที่ความละเอียด 13MP โหมด Superior Auto (ภาพถูกย่อลงละบันทึกที่ Quality 9 ใน Photoshop)

img_2999a

วีดีโอนับเป็นจุดเปลี่ยนอีกขั้นของ เพราะมีการเปิดตัวระบบกันสั่น 5 แกนตัวแรกของโลก (5-axis stabilization) แต่ยังเป็นแบบ EIS (กันสั่นด้วยชอฟแวร์) ไม่ใช่ OIS แต่อย่างใด โดยจะทำงานเต็ม 5 แกนที่โหมด Macro ในวีดีโอเท่านั้น ส่วนการถ่ายวีดีโอปกติยังเป็นกันสั่นแบบ 3 แกนอยุ่ โดยสามารถเปิดใช้กันสั่นแบบ Intelligent Active ได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080P 30FPS ถ้าสูงกว่านี้จะเปิดได้แค่กันสั่นแบบ Standard ด้านล่างจะเป็นวีดีโอตัวอย่างการถ่ายวีดีโอที่สภาพแสงต่าง ๆ ยามเช้า, Indoor และ Macro ให้ดูกันนะครับ

 

จากเท่าที่ทดลองการถ่ายวีดีโอในกล้องหน้าก็ได้อานิสงค์จาก SteadyShot 5-axis ด้วยเช่นกันทำให้ภาพที่ได้นิ่งและสมูทกว่าเดิม

xzclearimgaezoom

อีกจุดเด่นเลยก็คือการทำ Clear Image Zoom หรือก็คือ Digital Zoom ดีๆนี่แหละ แต่ Sony การันตีว่าสามารถซูมถ่ายภาพได้โดยไม่เสียรายละเอียดในการซูม โดยสามารถซูมได้ถึง 5 เท่าโดยไม่เสียรายละเอียด ซึ่งจากการลองถ่ายแล้วก็สามารถยืนยันได้ว่าเป็น Clear Image Zoom ที่เก็บรายละเอียดได้ดีจริงๆ โดยทุกภาพที่ถ่ายมาไม่ว่าจะที่ 3X Zoom หรือ 5X Zoom ก็จะได้ไฟล์ภาพที่เต็มความละเอียดตามที่ตั้งไว้

screenshot_20161027-095550

นอกจากนั้นโซนี่ยังมีแอปกล้องต่าง ๆ ให้เล่นอีกมากมาย เราจะมายกตัวอย่างซัก 2 แอปและกัน แอปแรกเป็นแอปที่โซนี่ถอดออกไปจากตัวเครื่องต้องไปโหลดมาเพิ่มซึ่งผมไม่แน่ใจว่าถอดออกทำไม ในขณะที่หลาย ๆ แบรนด์เริ่มมาโปรโมตเรื่องการละลายฉากหลัง อย่างแอป Background Defocus แต่การใช้งานอาจยุ่งยากนิดนึงตรงที่วัตถุที่จะถ่ายกับฉากหลังต้องวางอยู่ห่างกันระยะนึงและวัตถุต้องไม่เคลื่อนไหว ยิ่งฉากหลังกับวัตถุมีความต่างกันของโทนสีมากเท่าไรก็จะยิ่งละลายได้ดียิ่งขึ้นเท่านั้นสามารถเลือกการละลายว่าจะเป็นการเฟดกล้องในแนวนอนหรือแนวตั้งก็ได้

screenshot_20161027-104052

อีกแอปที่อยากแนะนำก็คงเป็น AR Effect ที่จะช่วยสร้างสรรค์ให้ภาพถ่ายธรรมดาของเรามีลูกเล่นอะไรมากขึ้น โดยหลัง ๆ มี AR ให้เลือกโหลดมากมายและส่วนมากก็ซัพพอร์ตลูกเล่นในกล้องหน้าด้วย นอกจากนั้นก็ยังมีแอปอย่าง Sweep Panorama, Timeshift Burst ที่จะถ่ายภาพทั้งหมด 50 ภาพใน 3 วินาทีและให้เรามาเลือกภาพที่ดีที่สุด, Timeshift Video ที่จะทำให้เราสามารถสร้างวีดีโอสโลว์โมชั่นเท่ ๆ ได้ ฯลฯ

img_3008

img_3364

ในส่วนของซอฟแวร์ XPERIA XZ มาพร้อมกับ Android 6.0.1 Marshmallow อยู่ การใช้งานต่าง ๆ ยังคงคล้ายกับรุ่นก่อน UI ถูกดีไซน์ให้คล้ายกับ Pure Google มากยิ่งขึ้น เราไปดูกันดีกว่าว่าซอฟแวร์ส่วนต่าง ๆ มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง

xzscreenshotreview1

หน้า Lock Screen ยังคงเป็นสไตล์ XPERIA X ซีรี่ย์อยู่เหมือนเดิม เน้นความเรียบและใช้นาฬิกาโปร่งใสของหน้าจอเป็นจุดเด่นแทน แต่ถ้าเปลี่ยนรูป Lock Screen นาฬิกาก็จะกลับมาเป็นแบบปกติ หน้า Home Screen ยังเป็นรูปแบบเดิม สามารถกดค้างเพื่อจัดการเพิ่ม/ลบหน้าหรือเพิ่ม Widget การตั้งค่าต่าง ๆ ของ Home Screen สามารถเข้าไปตั้งค่าได้จากส่วนนี้ สามารถตั้งค่าให้เลื่อนซ้ายสุดเป็น Google Now ได้

xzscreenshotreview2b

App drawer จะคงรูปแบบไอคอนที่ 4×5 ปัดซ้ายขวาเพื่อเปลี่ยนหน้าแอพ  Search app จะอยู่ด้านบน ด้านซ้ายสุดจะเป็นส่วนของการค้นหาแอปและแนะนำแอปที่เราน่าจะใช้ แถบ Notification ยังคงรูปแบบคล้ายเดิม สามารถเลือนลงมาอีกครั้งเพิ่งเข้าสู้หน้า Quick Setting ได้ นอกจากนี้เวลาที่เราเสียบสาย USB Type-C กับอุปกรณ์ต่าง ๆ นอกจากโหมด Charging only, Transfer files(MTP) และ MDI แล้วยังเพิ่มเมนูใหม่คือ Power supply สำหรับให้มือถือเราเป็นตัวจ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่นได้อีกด้วย

xzscreenshotreview3a

Contact และโทรศัพท์ยังคงรูปแบบเดิมไว้ สามารถ Sync รายชื่อจากบัญชี Gmail ของเราลงมาได้ สามารถเพิ่มชื่อ หรือมาร์ค Favorites คนที่โทรหาบ่อยหรือจะตั้งกลุ่มรายชื่อ ส่วนคีย์บอร์ดในเครื่องจะเป็นแอป Swiftkey โดยมีข้อดีที่ปรับขนาดคีย์บอร์ดได้, แถบเดาคำ และจะเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ จากที่เราพิมพ์และคอยแก้ไขให้ถูกต้องตลอด, สามารถ Cut หรือ Copy คำที่เราใช้งานบ่อยปักหมุดไว้ได้ด้วย สะดวกไม่ต้องคอยพิมพ์ซ้ำ และสามารถเปลี่ยนธีมคีย์บอร์ดได้ด้วย แอป Email สามารถ Sync อีเมล์ต่าง ๆ ได้

xzscreenshotreview4

Music การใช้งานยังคล้ายเดิม สามารถเลือนนิ้วจากมุมซ้ายเพื่อเข้าสู่เมนูต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Play queue, Albums, Song, Playlist หรือ Setting โดยสามารถเลือกดาวน์โหลดข้อมูลเพลงผ่าน Download Music info ได้ ในส่วนของ Audio Settings จะเป็นการเลือกเปิดฟังก์ชั่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น DSEE HX, ClearAudio+, Dynamic normaliser, S-Force Front Surround ในส่วนของ Sound Effect สามารถเลือกตั้งค่า Equalizer หรือเลือกระบบเสียงต่าง ๆ ของหูฟังได้ ในส่วนของ Accessory จะเป็นตัวเลือกของอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เช่น Noise cancelling, LDAC, Mic sensitivity และสามารถตั้งค่า Sleep timer ได้แล้ว

xzscreenshotreview5

Album ยังคล้ายเดิมอยู่ โดยสามารถเลือกดูภาพโดยรวมหรือแยกดูแต่ละโฟลเดอร์ก็ได้ การเลือกดูรูปหลายรูปหรือทีละ 3 รูป 2 รูปในหนึ่งแถวทำได้ง่ายเพียงแค่ลากนิ้วกางเข้า/ออก หรือสามารถเลือกดูภาพแบบ Slideshow ก็ได้ รองรับการแชร์ภาพกับ Facebook, Picasa และ Flickr รองรับฟีเจอร์ Home Network

xzscreenshotreview6

Photo Editior อีกแอปติดเครื่องที่เราอาจลืมกันไป สามารถปรับแต่งรูปได้มากกว่าเดิม มีการใส่ Filter หรือลูกเล่นต่างๆเพิ่มเข้ามา การแก้ไขรูป Crop, Flip, Rotate สามารถทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถใส่เอฟเฟคต่างๆได้และทำ Collect ได้ด้วย

img_3301s

xzscreenshotreview7

Video สามารถตั้งค่าให้เล่นแบบ Background playback และเปิด Subtitle ได้ และได้เพิ่ม Home Network เข้ามาในแอปเลย ด้านการตัดต่อวีดีโอยังมาพร้อมกับแอป Movie Creator เพื่อสามารถสร้างวีดีโอสไลด์ภาพเกร๋ ๆ โชว์เพื่อนก็ได้ ผมชอบฟังก์ชั่นที่มันจะจับภาพทุก 1 อาทิตย์หรือ 1 เดือนมาทำวีดีโอให้เราได้ดู

xzscreenshotreview8

ถัดมาเป็นแอปหลักที่มากับโซนี่อย่าง What’s New ทำหน้าที่อัพเดทข้อมูลใหม่ ๆ ให้กับ XPERIA ถัดมาเป็นแอป Play Station สำหรับใครที่มี Play Station 4 สามารถใช้ในการดู PSN ใช้มือถือเป็นจอตัวที่ 2 สำหรับเกมที่รองรับหรือใช้งานฟังก์ชั่น PS4 Remote Play เพื่อนำเกมมาแสดงผลบนมือถือก็ได้ ส่วน Weather จะเป็นการรายงานสภาพอากาศ และ NewSuits

xzscreenshotreview9

Calander ได้เพิ่มลายกราฟิกสวย ๆ และไฮไลท์วันสำคัญและคิวนัดต่าง ๆ ในแต่ละเดือน ดูสวยงามกว่าเดิม Calculator ได้เพิ่มฟังก์ชั่นวิทยาศาสตร์เข้ามา XPERIA Lounge สำหรับติดตามข่าวสารและกิจกรรมต่าง ๆ จากโซนี่ และ Google Play ไว้สำหรับโหลดแอป หนังและ E-Book

xzscreenshotreview13

Setting ถูกปรับให้หลาย ๆ เมนูที่เคยอยู่ในหมวดออกมาอยู่ด้านหน้าเลย เพื่อความสะดวกในการเข้าถึง และเพิ่มกราฟฟิกสวย ๆ ขึ้นมาในแต่ละเมนูเพื่อสื่อให้เราเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น เช่นการเลือกโหมดแสดงผลของหน้าจอที่จะมีรูปและคลิปเปรียบเทียบให้ดูกันไปเลยว่า X-Reality for mobile หรือ Super-vivid mode ระหว่างเปิดกับปิดให้ภาพต่างกันยังไง Smart backlight control ที่จะคอยจับความเคลื่อนไหวของสายตาผู้ใช้ เพื่อไม่ให้หน้าจอดับแม้จะไม่มีการสัมผัสหน้าจอนั่นเอง

xzscreenshotreview14

เจอร์ใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ Smart cleaner ที่จะเพิ่มความฉลาดในการจัดการแรม โดยจะช่วยปิดโปรแกรมที่เราไม่ได้ใช้นาน และกำจัดไฟล์ขยะและ cache ต่าง ๆ RAM 3GB โดยผมได้ลองลงแอปใช้งานตามปกติทั่วไปจะเหลือใช้ประมาณ 600MB แต่สำหรับรอมโซนี่ ไม่ต้องกลัวว่าจะอืดแน่นอนครับ ส่วน ROM 64GB ของโซนี่นั้นหักจาก System ไปจะเหลือใช้งานอยู่ที่ 50GB ครับ และยังมีเมนูน่ารัก ๆ ชื่อ Introduction to Xperia สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งใช้งานสามารถดูวิธีการใช้งานต่าง ๆ ได้จากในนี้ครับ

xzscreenshotreview15

Battery ยังคงมาพร้อมกับโหมดประหยัดพลังงาน STAMINA Mode เช่นเคย โดยมีทั้งแบบธรรมดาและ Ultra STAMINA mode สำหรับการประหยัดแบตสุดขีดอีกด้วย แต่มันจะตัดการเชื่อมต่อทุกอย่างทำให้เราเหมือนแค่ใช้โทรศัพท์โทรเข้าออกได้เฉย ๆ นอกจากนี้ยังสามารถเลือก STAMINA Level ได้ด้วย โดยมีทั้งหมด 3 ระดับด้วยกันคือ

  • Battery time preferred จะปิดการทำงานเกือบทุกอย่าง คล้าย ๆ กับ Ultra STAMINA Mode แต่จะยืดแบตได้ยาวนานที่สุด
  • Balanced power saving จะทำการปิดแค่บางฟีเจอร์เท่านั้น แต่ยังใช้งานโดยรวมทั่วไปได้ปกติอยู่ อาจลดความแรงของเครื่องลงนิดหน่อย
  • Device performance preferred จะปิดการทำงานแค่บางฟังก์ชั่นเท่านั้น แต่จะประหยัดแบตน้อยสุดใน 3 ระดับที่เกริ่นมา

และได้เพิ่มเทคโนโลยีใหม่เข้ามาคือ Qnovo Adaptive Charging โดยสามรถเลือกเปิด-ปิดการใช้งานโหมดนี้ได้ที่เมนู Battery Care ได้เลย โดยเทคโนโลยีที่ว่านี้จะช่วยถนอมแบตในกรณีที่เราชาร์จทิ้งไว้ทั้งคืน มันจะไม่ชาร์จให้เต็ม 100% เลยแต่จะคงไว้ที่ 90% ก่อนแล้วพอถึงเวลาประจำที่เราใกล้ตื่นจึงจะชาร์จให้เต็ม 100%

xzscreenshotreview16

xzscreenshotreview17

การปลดล็อคสามารถตั้งได้ทั้งแบบ Swipe, Pattern, PIN หรือจะเป็นการสแกนลายนิ้วมือก็ทำได้ โดยถ้าเราสแกนพลาด 5 ครั้งจะเข้าสู่หน้าล็อกแบบ PIN ให้เราใส่รหัสที่เรากรอกไว้ตอนเปิดโหมดสแกนนิ้วครั้งแรก โดยสามารถบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือด้วยกัน และฟังก์ชั่นติดตามเวลาเครื่องสูญหายอย่าง my Xperia ฟังชั่นช่วยเหลือในการใช้งานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โหมด TalkBack สำหรับผู้พิการหรือการจัดการอะไรยิบย่อยเช่นกดปุ่ม Power เพื่อวางสายหรือเล่นเสียงเมื่อแบตเต็มสามารถเปิด/ปิดการใช้งานได้ที่ Accessibility

img_3357

XPERIA XZ ยังคงทำหน้าที่ต่อยอดเรือธงท้ายปีได้อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยฟีเจอร์กล้องถ่ายรูปที่เพิ่มเข้ามา ช่วยให้สามารถถ่ายและดีไซน์ภาพได้กว้างกว่าเดิม การใช้งานทั่วไปสามารถตอบโจทย์ได้ดี ปุ่นสแกนนิ้วกดง่ายขึ้นมาก แน่นอนปุ่มชัตเตอร์ก็เช่นกัน สามารถกดโฟกัสและถ่ายได้โดยแทบไม่ต้องออกแรง ทำให้ภาพที่ได้จากการกดปุ่มมีโอกาศเบลอน้อยลง สามารถถือถ่ายภาพมือเดียวได้สะดวก กล้องหน้าที่ถูกพัฒนาขึ้นสามารถถ่ายในที่แสงน้อยโดยที่ยังเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ได้ดีความร้อนกล้องเมื่อใช้ไปนาน ๆ ยังมีขึ้นเตือนให้เห็นบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าปิดตัวเลย เท่าที่ผมลองถ่ายรูป ถ่ายคลิปไปพักใหญ่ ก็จะขึ้นเตือนแค่ว่าเครื่องร้อนอยู่ ฟังก์ชั่น Predictive Hybrid AutoFocus จะไม่สามารถใช้งานได้ การถ่ายรูปยังมีการ Process ที่ใช้เวลาอยู่ (ที่หมุนติ้ว ๆ หลังถ่ายนั่นแหละ) แต่เราสามารถกดถ่ายรัว ๆ ได้แล้ว ไม่ต้องรอให้มันประมวลภาพเสร็จแล้วถึงถ่ายรูปต่อไปได้แบบเมื่อก่อน ผมลองกดรัว ๆ มันจะถ่ายได้ประมาณ 5-8 ภาพก่อนจะเริ่มกดชัตเตอร์ได้ช้าลง

วัสดุและงานประกอบดูแน่นหนา ดีไซน์แบบ Loop Surface นั้นทำให้การถือใช้งานกระชับมือขึ้น วัสดุ ALKALEIDO™ สร้างความพรีเมี่ยมให้กับตัวมือถือได้อย่างดี สะท้อนเงาเป็นเฉดสีได้สวยงาม แต่มีข้อเสียที่ยังเป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายอยู่ ถึงจะเห็นไม่ชัดแบบ XPERIA X Compact ก็เถอะ แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ 1 วันเต็ม ๆ ในการใช้งานแบบทั่วไปไม่เล่นหนักมาก โดยหลัง ๆ โซนี่จะไม่พรีเซ็นต์เรื่อง STAMINA Mode แล้วแต่จะไปพรีเซ็นเกี่ยวกับเทคโนโลยี  Qnovo Adaptive Charging ที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตให้ยาวนานขึ้น จากที่ผมลองใช้งานผมว่าแบตอึกกว่า XPERIA Z5 อย่างเห็นได้ชัด จะมีช่วงที่กดถ่ายรูปรัว ๆ ที่แบตจะลดลงเร็วจนเห็นได้ชัด

สำหรับเครื่องที่ขายในไทยตอนนี้จะมีสี สีดำ Mineral Black, สีเงิน Platinum และสีใหม่ล่าสุด สีน้ำเงิน Forest Blue โดยมีราคาขายอยู่ที่ 23,990 บาท

underheadcoverxz

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความรู้สึกของคุณต่อบทความนี้ อย่าลืมที่จะแชร์ให้คนอืนได้รู้ความรู้สึกนี้ .
บอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้
  • ประทับใจสุดๆ
  • ดีจังเลย
  • โกรธสุดๆ
  • เฉยๆ อ่ะ
  • รู้สึกหดหู่