IMG_2509หลังจากที่โซนี่ได้ทำการเปิดตัว Xperia C4 และวางขายได้ไม่นาน(ไม่นานจริงๆ :P) ก็ได้เปิดตัว Xperia C5 Ultra และไม่นานก็พร้อมวางขายในไทยแล้ว!!! ซึ่งสร้างความเซอร์ไพรให้กับแฟนๆมากเพราะจากตระกูล C4 และ M4 นี่รอกันจนลืมเลยทีเดียว เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ครั้งนี้เราให้สมุนมินเนี่ยนไปจัดการเลยดีกว่า

กล่องมาในเพจเก็จกล่องขาวเหมือนเดิม โดยของแถมยังยังเป็นของเบสิคทั่วไปได้แก่ 1.อแดปเตอร์ชาร์จ EP800 850mA 2.สาย USB EC450 3.หูฟัง Earbud MH410chead1_designIMG_2708Xperia C5 Ultra มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6 นิ้ว (Xperia C4 หน้าจอ 5.5 นิ้ว) โดยมาพร้อมกับขอบจอที่บางเพียง 0.8 มิลลิเมตร ทำให้ตัวเครื่องไม่ใหญ่กว่า Xperia C4 ในขณะที่หน้าจอกว้างมากขึ้น 0.5 นิ้ว เป็นหน้าจอชนิด IPS โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยี Mobile BRAVIA® Engine 2 และ Super Vivid Mode (ทำให้สีสดม๊ากเมื่อเปิดภาพ) ลำโพงได้ทำการย้ายมาไว้ด้านหน้า เป็นลำโพงเดี่ยวด้านหน้า เสียงดังถึง 95dB ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 164.2 x 79.6 mm หนา 8.2 mm หนัก 187g มีทั้งหมด 3 สีคือ ดำ ขาว และเขียวมิ้น

กล้องหน้าซึงถือเป็นตัวชูโรงของรุ่นนี้ ความละเอียด 13 MP พร้อม Autofocus มาพร้อมกับ Selfie LED Flash สำหรับเซลฟี่ในที่แสงน้อยโดยไม่แสบตาซะก่อน ใช้เซ็นเซอร์ Sony Exmor RS™ มาพร้อมกับระบบ SteadyShot™สำหรับถ่ายวีดีโอเคลื่อนไหวได้ลื่นไหล โดยกล้องหน้ามีมุมกว้าง 22 mm ระยะ 88 องศาเลยทีเดียว เก็บภาพหมู่กันได้ไม่ต้องกลัวเพื่อนล้นขอบ รองรับการถ่ายวีดีโอ Full HD 1080p พร้อมกับโหมด HDRIMG_2565ด้านหลังจะเป็นวัสดุพลาสติกมัน มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 13 MP พร้อม Autofocus มาพร้อมกับ Soft LED Flash ใช้เซ็นเซอร์ Sony Exmor RS™ มาพร้อมกับระบบ SteadyShot™  โดยกล้องหลังมีมุมกว้าง 25 mm ระยะ 80 องศาซึ่งจะน้อยกว่ากล้องหน้าหน่อยนึง ถัดจากกล้องจะเป็นไมค์ตัวที่ 2 ถัดลงมาเป็น NFC และโลโก้ Sony ตามลำดับ แต่ด้วยเลนส์กล้องหลังที่ไม่ใหญ่มากและย้ายลำโพงไปด้านหน้าทำให้ด้านหลัง Xperia C5 Ultra ดูโล่งๆจนบางคนดูว่ามันไม่ค่อยสวย และฝาหลังไม่สามารถถอดได้IMG_2667ด้านช้างเครื่อง จะเป็นปุ่ม Power เพิ่ม/ลดเสียง และชัตเตอร์กล้อง ขอบเครื่องทำมาจากอะลูมิเนียมพร้อมกับมุมกันกระแทกเหมือนเดิมIMG_2540อีกด้านจะเป็นพอร์ตสำหรับใส่ Nano SIM และการ์ด Micro SD Card และเป็นตำแหน่งของปุ่มรีเซ็ตเครืองด้วยIMG_2672ด้านล่างเป็นพอร์ต Micro USB และไมค์สนทนาIMG_2673ด้านบนเป็นพอร์ตแจ๊ค 3.5mm สำหรับเสียบหูฟัง ด้านซ้ายโลโก้โซนี่จะเป็นตำแหน่งเซ็นเซอร์ Proximity ถัดไปจะเป็นไฟ Notification ซึ่งไม่ใหญ่มาก แต่ถ้าตอนกลางคืนสว่างวาปลงในเครื่องเลยIMG_2581เปรียบเทียบขนาดกับ Xperia Z3 แล้วถือว่าหนากว่าไม่มากนัก โดยจะเป็นฝาหลังที่นูนจากขอบเครื่อง โดย Xperia Z3 มีความหนาที่ 7.3mm และ Xperia C5 มีความหนา 8.2 mmIMG_2670เลนส์กล้องด้านหลังขนาด 13MP ของ Xperia C5 มีขนาดเล็กกว่า Xperia Z3 ที่ 20.7MP พอสมควร และดูเล็กกว่ากล้องหน้าด้วย อาจจะเพราะไม่ใช่เลนส์มุมกว้าง 22 mm ด้วยhead2_featureIMG_2733Xperia C5 เลือกใช้ CPU จากค่าย MediaTek แทน Qualcomm โดยเลือกใช้รุ่น MTK6752 ความเร็วในการประมวลผล 1.7 GHz เป็น CPU แบบ 64-bit Octa-core และใช้หน่วยประมวลผลกราฟฟิค ARM Mali760 MP2 700 MHz ซึ่งความเร็วในการทำงานไม่ได้ขี้เหร่เลยทีเดียว ความแรงอาจจะพอๆ(โหลดแอพ Benchmark) โดยจะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.0 (Lollipop)

มี RAM ให้ใช้งาน 2GB ซึ่งจะน้อยกว่า Xperia M5 ที่มีแรม 3GB แต่ถ้าพูดถึงการใช้งานทั่วไปในปัจจุบันแรม 2GB นับว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป สามารถใช้งาน Facebook Line Instragram หรือเล่นเกมได้อย่างสบาย หน่วยความจำภายในจะให้มาที่ 16GB สามารถเพิ่มด้วย MicroSD ได้มากถึง 200GB

หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) ของ Sony Xperia C5 Ultra จะมีขนาดอยู่ที่ 16 GB ซึ่งอาจจะไม่มากนัก แต่ก็สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลด้วยการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ได้

แบตเตอรี่ขนาด 2,930 mAh ซึ่งผมมองว่ามันน้อยไปซักหน่อยเมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอ 6″ แต่จากการใช้งานมันสามารถอยู่ได้วันนึงสบายๆ อาจจะเพราะ CPU MTK6752 ที่ใช้พลังงานไม่มากด้วยIMG_2702ด้านจอภาพขนาดใหญ่ เลือกใช้จอ IPS Display มาพร้อมกับ Mobile BRAVIA® Engine 2 ช่วยให้ภาพมีสีสันที่สมจริงมากขึ้น แต่ยังมีอีกโหมดที่เพิ่มเข้ามาคือ Super Vivid Mode ซึ่งจะทำให้สีที่ได้สดมากขึ้นกว่าเดิม (แบบสดมากก) แต่การประมวลผล Gallery ในโหมด Vivid อาจจะมีแลคเรื่องการปรับโทนสีบ้าง

หลังจากวางขายได้ไม่นานก็ได้มีการตรวจพบว่า Xperia C5 สีขาวและสีดำใช้จอคนละชนิดกัน อ่านได้ที่นี่ ซึ่งเครื่องสีขาวซึ่งใช้จอ Innolux จะมีสีที่ซีดกว่า ซึ่งเครื่องที่ทำการรีวิวมันก็ซีดจริงๆ แต่อย่าเพิ่งตกใจไปเพราะมันสามารถแก้ได้ด้วยการตั้งค่า White Balance โดยเพิ่มทุกค่าเท่ากันจะเป็นการเร่ง Contrast หน้าจอ โดยในการรีวิวนี้ตั้งค่าไว้ที่ 165 เพื่อให้โทนสีที่ได้ใกล้เคียง Xperia Z3 ที่สุดIMG_2635สำหรับใครที่กังวนว่าจอใหญ่ๆจะใช้งานมือเดียวไม่ถนัด จะมีตัว One-handed โดยสามารถแตะเครื่องที่มุมขวาแล้วเลื่อนขึ้นเพื่อเข้าโหมดนี้ โดยจะย่อหน้าจอลงเหลือแสดงผลประมาณ 4.5″ สำหรับใช้งานมือเดียว

IMG_2572อ่อ Xperia C5 ไม่กันน้ำนะ อย่าเผลอไปจับจุ่มกับน้ำเชียว แม้จะเป็นงานประกอบแบบปิด แต่พอร์ตไม่ได้ทำการซีลและลำโพงก็ไม่กันด้วย

IMG_2659ด้านหน้าจอ IPS ที่มีกระแสว่าซีด ทางเราได้ทำการปรับ WB อยู่ที่ 165 แล้วเทียบกับ Xperia Z3 แต่ด้านความสว่างอาจจะยังสู้ Xperia Z3 ไม่ได้เพราะ Xperia Z3 ยังคงเป็นจอที่มีความสว่างสูงสุด อยู่ที่ 713 nits (iPhone6 อยู่ที่ 606) แต่จะต่างกันมากน้อยแค่ไหน ไปดูกันเลยครับ


head3_cameraIMG_2647กล้องหน้าและกล้องหลังของ Xperia C5 มาพร้อมกับขนาด 13MP เท่ากัน แต่ใช้เลนส์มุมกว้างคนละตัวซึ่งกล้องหน้าจะมีมุมที่กว้างกว่าสำหรับเก็บภาพหมู่ได้หมดโดยไม่มีใครล้นขอบนั่นเอง โดยมาพร้อมปุ่มชัตเตอร์เพื่อความสะดวกในการเก็บภาพมากขึ้น

Screenshot_2015-09-06-05-24-00Manual Mode สามารถตั้งค่าต่างได้ ไม่ว่าจะเป็นการชดเชยแสง(EV), White Balance, Resolution มีให้เลือกตั้งเเต่ VGA ถึง 13MP, Smile Shutter, Focus มีให้เลือก 5 โหมดคือ Single Focus, Face Detection(โฟกัสติดตามใบหน้า), Touch Focus และ Object Tracking(โฟกัสติดตามวัตถุ), โหมดถ่ายภาพย้อนแสง(HDR), ISO ตั้งได้ตั้งเเต่ 50-3200 ที่ระดับความละเอียด 13MP, Metering(จุดวัดแสง), Image Stabilizer(กันสั่นภาพ) และ Face Registration(การจดจำใบหน้าเพื่อใช้แยกในแอพฯ Gallery)

IMG_2720กล้องหน้ามาพร้อมกับ Auto-focus ซึ่งแน่นอนมันต้องมี Face Detection สำหรับขาเซลฟี่ด้วย ไม่ต้องห่วงหน้าจะเบลอเลย กับ Selfie LED Flash ซึ่งก็ไม่แรงเท่าที่ควร สามารถถ่ายได้โดยไม่แสบตา ใช้ชิป Sony Exmor RS™ โดยกล้องหน้ามีมุมกว้าง 22 mm ระยะ 88 องศา รองรับการถ่ายวีดีโอ Full HD 1080p พร้อมกับโหมด HDR

DSC_0026รูปที่ได้จากกล้องหน้า แต่เสียดายราชาบ๊อบกดโฟกัสผิดไปหน่อย เพื่อนๆเบลอหมดเลย :'(

IMG_2726เมนูกล้อง โหมดต่างๆ

Superior Auto โหมดถ่ายภาพแบบเลือกซีนอัตโนมัติที่เหมือนจะได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น การเลือกซีนและโทนสีที่ได้มีความแม่นยำมากขึ้น

Timeshift Burst –  โหมดรัวภาพซึ่งจะถ่าย 61 ภาพใน 3 วินาที แล้วให้เราเลือกภาพที่ดีที่สุด โดยหลักการทำงานคร่าวๆน่าจะเป็นการถ่ายภาพอยู่ตลอดเวลาแล้วเมื่อเรากดปุ่มมันจะเอา 30 ภาพก่อนเรากด 1 ภาพตอนเรากด แล้ว 30 ภาพหลังเรากดมาเรียงให้เราเลือกนั่นเอง

Creative Effect ใส่เอฟเฟคต่างๆให้กับภาพหรือคลิปของเราไม่ว่าจะเป็น Tint, Fisheye, Color Sketch, Old Film ฯลฯ ซึ่งจะแสดงผลแบบ Realtimeareffectc5AR Effect การใส่เอฟเฟคให้ภาพแบบ Realtime และเป็นแบบ 3D ด้วย โดยแอพจะสแกนลักษณะของพื้นที่ที่เราถ่ายแล้วจำลองสภาพแวดล้อมสมมุติขึ้นมา มีทั้ง Fairytale, Dinosaur, Masquerade ฯลฯ โดยสามารถถ่ายได้ทั้งภาพนิ่งหรือบันทึกวีดีโอก็ได้

AR Fun ถ้าชอบ AR Effect แล้วก็ต้องหลงรักโหมดใหม่นี้ด้วย เพราะมันสามารถแต่งเติมได้บรรเจิดกว่า มีเอฟเฟคให้เล่นมากกว่า เช่นเอาธนูไปปักวัตถุต่างๆ เอาถึงน้ำแข็งราดหัวเพื่อนทำ Ice Budget ก็ได้และสามารถขีดเขียนตัวอักษรใดให้เป็นแบบ AR ก็ได้ สามารถบันทึกได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอเช่นเดิม
AR Mask เป็นโหมดที่จะนำหน้าคนดังต่างๆมาแทนหน้าเรา หรือจะเป็นหน้าแมว เสือ หรือลิงกอลิล่าก็ยังได้

Style Portrait จะเป็นโหมดไว้สำหรับใส่โหมดเซลฟี่ในสไตล์ต่างๆ คล้ายๆการใส่ฟิลเตอร์ใน Camera360

Background defocus โหมดละลายฉากหลังซึ่งการถ่ายให้ตั้งวัตถุกับฉากหลังห่างกันประมาณ 1 เมตร โดยกล้องจะถ่ายภาพออกมา 2 ภาพคือโฟกัสวัตถุและโฟกัสฉากหลังและนำมาโพรเซสรวมกัน โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้ฉากหลังเบลอมากน้อยแค่ไหน หรือจะเบลอแบบเหวี่ยงกล้องขึ้นด้านบนหรือด้านข้างก็ได้

Face In Picture ถ่ายรูปเพื่อนแต่อยากให้รูปเราไปอยู่ในนั้นด้วย โหมดนี้นับเป็นทางออกที่ดีเพราะจะใช้กล้องหน้าถ่ายรูปเราลงไปในนั้นด้วยซะเลย

Sound Photo เป็นการถ่ายรูปๆนึ่งและจะบันทึกเสียงบรรยากาศเวลาที่เราถ่ายภาพนั้นไว้เป็นเวลา 3 วิด้วย

Multi Camera เป็นโหมดที่สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโพน 2 เครื่องแล้วนำไปถ่ายคลิปในมุมที่ต่างกันแล้วนำมารวมกันเป็นคลิปในหน้าจอเดียวกันได้

IMG_2652ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า head4_applicationscreenshotหน้า Home Screen ยังคงมาในรูปแบบเดิมแต่เพิ่ม grid แนวนอนเป็น x5 เพื่อให้พอดีกับขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น App drawer ยังคงรูปแบบเดิม สามารถลากนิ้วจากมุมซ้ายสุดเพื่อเข้าโหมด จัดเรียง/ลบ แอพฯ เหมือนเดิม แถบการแจ้งเตือนถูกเปลี่ยนให้เป็นบาร์ 2 ชั้น คือเลื่อนลงมาหนึ่งครั้งเป็นการแจ้งเตือนต่างๆ เลื่อนลงมาอีกครั้งเป็นการเข้า Quick Setting

screenshot4แอพฯทั่งหมดถูกอัพเดทเป็น Material Design แล้ว ทำให้ดูสะอาดตาและใช้งานได้ง่ายกว่าเดิม คีบอร์ดภาษาไทยแบบ 4 แถวช่วยให้สามารถพิมพ์ได้คล่องขึ้นไม่ต้องคอย Shift กันแล้ว หน้า Phone และ Contact แบบใหม่ใช้งานง่าย และสุดท้าย STAMINA mode ที่ขาดไม่ได้สำหรับเครื่องรุ่นหลังซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานโดยการปิดสิ่งที่ไม่จำเป็นทิ้งยังการันตีกว่า Xperia C5 สามารถใช้งานชิวๆได้ถึง 2 วันอยู่

screenshot3สามารถโหลดแอพฯและธีมต่างๆได้จาก Play Store ยังมาพร้อมกับแอพฯ TrackID สำหรับการค้นหาเพลงต่างๆเพียงแค่กดอัดเสียงเพลงที่เราได้ยินอยู่นั้นก็จะหาข้อมูลและชื่อเพลงมาให้เราทันที ปฏิทินและนาฬิกายังคงใช้ธีมเดิมสามารถซิงค์กิจกรรมต่างๆของเราจาก Gmail ลงมาบนเครื่องได้อย่างง่าย

screenshot2Recent App เลือกดูว่าเราเปิดแอพฯอะไรไว้บ้าง เลือกสับเปลี่ยนแอพฯได้อย่างง่ายดาย หรือปิดทั้งหมดก็ได้ โดยยังมาพร้อมกับ Small App ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคิดเลข จับเวลาหรือเบราเซอร์ขนาดจิ๋วสามารถดาวน์โหลดได้ผ่าน Play Store ส่วน Google Now ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรแตกต่าง

IMG_2707IMG_2628Music หน้า Home ก็ไปใช้ธีมแบบ What’s New เหมือนกับ Movie คือจะรวมโซนต่างๆไว้ที่หน้า Home เลยไม่ว่าจะเป็น Listen Next, Most Played, Playlist  ที่เราสร้างไว้ หรือจะเป็น ชื่ออัลบั้มต่างๆ โดยการเลือกเพลงหรือศิลปินจะไปอยู่ที่ด้านข้างแทนโดยใช้นิ้วดึงออกมาจากมุมซ้าย โดยเราสามารถใช้ 2 นิ้วเลื่อนรูปแบบการจัดวาง(แบบ Album) เพื่อให้ Music แสดงข้อมูลต่างๆได้อีกด้วย ส่วนของ Player ยังคงเหมือนเดิมกดสามารถเลือกสุ่มเพลง,วนซ้ำได้ หรือจะกด Like เพลงที่ฟังอยู่เลยก็ได้ โดยสามารถดาวโหลดปกเพลงได้ผ่าน Download Music Info

albumAlbum ยังเป็นธีมเดิมเพิ่มรูปแบบรีวิวภาพด้านบนขึ้นมา โดยสามารถเลือกได้ว่าจะให้แสดงเฉพาะภาพที่ถ่ายากกล้อง หรือแสดงเป็นแบบโฟลเดอร์ก็ได้โดยการลากนิ้วออกจากทางมุมซ้ายเพื่อเข้าสู่ Option อื่นๆ หรือจะซิงค์ภาพใน Facebook, Picasa เเละ Flickr มาโชว์ก็ได้ สามารถเลือกฟังก์ชั่น Faces เพื่อเเสดงแต่ภาพบุคคลที่เราต้องการได้ เเต่เราต้อง Registration ภาพต่างๆก่อนโดยสามารถตั้งค่าได้ในกล้องถ่ายรูปหรือ Gallery ก็ได้IMG_2624Movie จะเป็นรูปแบบธีมใหม่คล้ายๆกับ What’s New โดยจะมี Movie Preview อยู่ด้านบน และคลิปอื่นๆอยู่เรียงกันด้านล่าง โดยสามารถเลือกเปิด Background Playback ได้และสามารถตั้งค่า Subtitle ให้คลิปได้ด้วย รวมถึงสามารถเลือกให้บันทึกค่าเวลาเล่นวีดีโอที่เล่นครั้งสุดท้ายในแต่ละคลิปได้ด้วย ถ้ากดออกไปทำอย่างอื่นก็เข้ามาดูต่อได้เลยIMG_2728การใช้งานโซเชี่ยลแอพฯต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line, Twitter, Instragram ยังสามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล อ่านฟีดผ่านจอใหญ่ๆได้สบายก็หรือจะเซลฟี่ Instragram ด้วยกล้องหน้า 13MP ก็จัดเต็มได้เลยทีเดียว 😀IMG_2697head5_gadgetIMG_2681ตั้งแต่ Xperia Z3+ (Z4) เป็นต้นมาโซนี่ก็ได้ทำการปิดตำนานพอร์ต Magnetic Charge ลง และเปลี่ยนมาใช้ microUSB port แบบกันน้ำแทน แต่ถ้าใครยังคิดถึงการแตะแม่เหล็กชาร์จอยู่ล่ะก็ ลองดูตัวนี้ครับIMG_2687IMG_2688สายชาร์จ WSKEN ซึ่งก็เป็นแบรนด์ที่เราคุ้นเคยหากเคยใช้ Magnetic Charge มาก่อน แค่คราวนี้มาในรูปแบบใหม่ เป็นหัว MicroUSB สำหรับเสียบกับพอร์ต MicroUSB เครื่องและที่สายจะเป็นแม่เหล็กสำหรับเสียบชาร์จอีกที ข้อดีคือใช้กับเครื่องใดก็ได้ที่เป็นพอร์ต MicroUSB และสามารถเสียบชาร์จด้านไหนก็ได้และยังใช้ Sync ข้อมูลได้อีกด้วย

head6_overallโดยรวม Xperia C5 Ultra ยังคงเป็นตัวต่อยอดที่มีจุดเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว และถือว่าทำได้ดีไม่ว่าจะเป็นการอัพเกรดกล้องหน้าด้วยซอฟแวร์ที่ดีขึ้น แถมยังมาพร้อมกับกล้องหน้าขนาด 13MP ซึ่งถือว่าเยอะมากในการยัดกล้องความละเอียดนี้ใส่ด้านหน้า การดีไซน์ขอบจอที่บางมาก ทำให้ดูสวยเวลาใช้งาน การทำงานที่ดูลื่นไหลแม้จะมาพร้อม RAM 2GB แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานในยุคปัจจุบัน เพราะถึงแม้จะลงโซเชี่ยลแอพฯปัจจุบันทั้งหมดก็ยังสามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างสบายลื่นไหล ชิป MediaTek MTK6752 ที่มีประสิทธิภาพพอกับการใช้งานทั่วไปและไม่ซดแบตมากทำให้สามารถใช้งานแบบชิวๆได้ 2 วันสบายๆ และสุดท้ายด้วยราคาเปิดตัวที่ 12,990 บาทซึ่งถือว่าเป็นราคามือถือระดับกลางที่ไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับการใช้งานแล้ว ทำให้ Xperia C5 Ultra อยู่ในตัวเลือกต้นๆของทุกคนแน่นอนครับ 😀

เลือกชม เคสและอุปกรณ์เสริมสำหรับ Xperia C5 Ultra ได้ที่นี่

headc5u

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความรู้สึกของคุณต่อบทความนี้ อย่าลืมที่จะแชร์ให้คนอืนได้รู้ความรู้สึกนี้ .
บอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้
  • ประทับใจสุดๆ
  • ดีจังเลย
  • โกรธสุดๆ
  • เฉยๆ อ่ะ
  • รู้สึกหดหู่