ทุกวันนี้ ตามรถไฟฟ้า รถเมล์ หรือระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ จะสามารถสังเกตเห็นผู้คนสวมหูฟังฟังเพลงจากสมาร์ทโฟนเป็นจำนวนมาก การฟังเพลงให้ได้อรรถรส นอกจากตัวไฟล์เพลงที่เล่นจะต้องมีความละเอียดที่ดีพอ คุณภาพของหูฟังก็เป็นหนึ่งตัวแปรหลักที่ขาดไม่ได้ วันนี้เราจะมาแนะนำ MDR-NC750 หูฟังตัดเสียงรบกวนรุ่นล่าสุดจาก Sony Mobile ให้เพื่อนๆได้รู้จัก จุดเด่นของมันคือ มันสามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ถึง 98% ผู้ที่ต้องการลิ้มรสเสียงดนตรีโดยปราศจากเสียงรบกวนแม้อยู่นอกบ้าน ขอบอกว่าห้ามพลาดหูฟังรุ่นนี้เลย!

 

nc750review01

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ Sony ได้พยายามผลักดัน Hi-Res Audio มาตลอด และก็มีผู้ให้ความสนใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว Sony มองว่าคุณภาพเสียงเพลงที่ผู้ใช้จะได้รับฟังควรจะเป็นคุณภาพเดียวกันกับต้นฉบับในสตูดิโอเลย จึงพยายามทำการวิจัยพัฒนาอุปกรณ์ Hi-Res อย่างไม่หยุดหย่อน แน่นอนว่า นอกจากตัว player แล้ว หูฟังที่ใช้ร่วมกันก็ต้องรองรับ Hi-Res ด้วย จึงจะสามารถสำแดงฤทธิ์ได้อย่างดีที่สุด

    ไม่นานก่อนหน้านี้ Sony ได้เปิดตัวชุดหูฟัง Hi-Res พร้อมฟีเจอร์ตัดเสียง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ MDR-NC750 ที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้นั่นเอง เพื่อนๆยังจำฟีเจอร์ Digital Noise Cancelling ที่ Sony เคยใช้โฆษณาโปรโมท Xperia Z2 กันได้หรือไม่? ที่อ้างว่าสามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ถึง 98% นั่นไงล่ะ เทคโนโลยีนี้ยังคงติดตั้งมากับอุปกรณ์ในตระกูล Xperia Z ทุกรุ่นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งหูฟัง MDR-NC750 นี้รองรับฟีเจอร์ Digital Noise Cancelling และยังเป็นหูฟัง Hi-Res Audio อีกด้วย โดยจะให้คุณภาพเสียงที่ชัดเจนมากขึ้น ถอดรหัสโดยใช้ sampling rate ที่สูงกว่ามาตรฐาน CD และยังทำการขยายข้อมูลที่ถูกบีบไว้ (compress) ให้คืนขนาดเท่าปกติ เพื่อความชัดของเสียงที่มากขึ้นด้วย

nc750review02

    ชิพตัดเสียงรบกวนในหูฟัง DNC รุ่นนี้ จะใช้ไมโครโฟนขนาดเล็กที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังตัวหูฟังในการตรวจจับเสียงรบกวนรอบข้าง จากนั้นนำไปวิเคราะห์คลื่นเสียงที่ตรงกันข้ามเพื่อสร้างสัญญาณสำหรับหักล้างกับเสียงรบกวน โดยการตัดเสียงรบกวนด้วยระบบ digital ยังสามารถตัดเสียงรบกวนได้แม่นยำยิ่งกว่าระบบ analog อีกด้วย ดังนั้นจึงทำให้สามารถตัดเสียงรบกวนได้ดีกว่านั่นเอง

digitalnoisecancelling

Sampling rate ของไฟล์ Hi-Res สูงกว่าแผ่น CD

hi-res-audio

    แล้วไฟล์ Hi-Res มันดีกว่า MP3 ทั่วไปยังไง? เราลองมาเปรียบเทียบ bitrates ให้ดูคร่าวๆแล้วกัน อย่างที่ทราบกัน bitrates ของไฟล์ MP3 ที่คุณภาพสูงสุดอยู่ที่ 320kbps ส่วนแผ่น CD นั้นมี bitrates อยู่ที่ 1411kbps ในขณะที่ไฟล์ 24-bit/192kHz มี bitrates อยู่ที่ 9216kbps เลยทีเดียว นั่นทำให้ไฟล์เพลงเพลงหนึ่งมีขนาดประมาณ 80MB

nc750review13

    เพลงอัลบั้มหนึ่ง กินพื้นที่ถึง 2.22GB
nc750review14

บนแอพ Music ไฟล์เพลง Hi-Res Audio จะแสดงสัญลักษณ์ HR กรอบสีทองอยู่ข้างๆ ดูหรูหราเลยทีเดียวเชียว

nc750review15 nc750review17
 

รูปภาพ Unboxing

nc750review20

หน้ากล่องแปะโลโก้ DIGITAL NC + Hi-Res เด่นชัด
nc750review21

ด้านหลัง
nc750review22

MDR-NC750
ขนาดไดรฟ์เวอร์ 9 มิลลิเมตร
การตอบสนองความถี่ 5 – 40000 Hz
ความยาวสายหูฟัง 1.1 เมตร
น้ำหนัก 15 กรัม
nc750review23

นอกจากตัวหูฟังแล้ว ภายในกล่องก็ยังมีคู่มือ ยางหูฟังขนาดอื่นๆ และที่เก็บสาย
nc750review24

แจ็คขนาด 3.5 มม. แบบ 4 ขั้ว
nc750review25

สามารถถอดเปลี่ยนยางหูฟังได้
nc750review26

ด้านหลังตัวหูฟังเป็นไมค์สำหรับรับสัญญาณเสียงรบกวนภายนอก
nc750review27

 

เมื่อเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟนที่รองรับ Digital Noise Cancelling (Xperia Z2 ขึ้นไป) บนมุมซ้ายบนหน้าจอก็จะมีไอคอน NC ปรากฏขึ้นมา

nc750review28

เลือกรุ่นหูฟังที่เราใช้
nc750review29

สามารถเลือกตั้งค่าการตัดเสียงรบกวนให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ณ ขณะนั้น โดยมีตัวเลือกดังนี้ รถเมล์/รถไฟ, เครื่องบิน และออฟฟิศ

noise cancelling environment

    สำหรับผู้ที่ชอบฟังเพลงระหว่างการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน หรือชอบฟังเพลงในที่แจ้ง เช่น ระหว่างออกกำลังกาย หูฟังตัดเสียงรบกวน Digital Noise Cancelling เป็นอะไรที่เวิร์คมากๆ เวลาที่เปิดใช้งานกับเวลาที่ปิดใช้งานฟีเจอร์นี้สามารถสัมผัสถึงความแตกต่างได้ชัดเจน เมื่อก่อนนี้ฟีเจอร์ Noise Cancelling กับการรองรับ Hi-Res นั้นแยกจากกัน ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่การมาของหูฟัง MDR-NC750 นี้ ทำให้สามารถเพลิดเพลินไปกับเสียงดนตรีความละเอียดสูงโดยปราศจากเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อมรอบข้างได้อย่างเต็มที่ ซึ่งนั่นทำให้เราไม่ต้องเปิดเสียงสูงเพื่อแข่งกับเสียงรอบข้าง ช่วยถนอมหูของเราได้ดีในระดับหนึ่งเลย แม้ว่าในส่วนของเสียงสูงยังไม่ถึงกับดีมาก แต่เมื่อพิจารณาจากราคาและฟีเจอร์ที่ได้รับแล้ว ถือว่าสามารถยอมรับได้ ในส่วนของเสียงเบส แม้ว่าจะเทียบกับซีรี่ย์ XB ไม่ได้ แต่ผสานเข้ากับเสียงร้องได้ดี สามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนเสียงและเสียงลมหายใจของนักร้อง ดังนั้นจึงนับได้ว่าเป็นหูฟังที่เน้นไปทางเสียงคนร้อง สรุปว่า ถ้าจะใช้งานให้ได้คุ้มค่ากับราคาของมัน (ประมาณ 3,900 บาท) ก็ควรจะใช้เล่นไฟล์เพลง Lossless จึงจะสามารถแสดงความสามารถของมันออกมาได้อย่างเต็มที

 

ที่มา: ePrice Taiwan

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความรู้สึกของคุณต่อบทความนี้ อย่าลืมที่จะแชร์ให้คนอืนได้รู้ความรู้สึกนี้ .
บอกให้เรารู้ถึงความรู้สึกหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้
  • ประทับใจสุดๆ
  • ดีจังเลย
  • โกรธสุดๆ
  • เฉยๆ อ่ะ
  • รู้สึกหดหู่